ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 597 ด่านสุดท้าย
ทันทีที่มู่เฉียนซีกล่าวจบ ผู้เป็นแม่ที่ดูมีความสุขและอ่อนโยนผู้นั้นก็ได้อันตรธานหายไปในทันที
กลีบของดอกบัวกลางทะเลสาบเบ่งบานออกมาหนึ่งกลีบ อาจารย์ผู้คุมสอบทำท่าทางราวกับเห็นผี “เป็นไปไม่ได้! ผ่านแล้ว ผ่านแล้วงั้นเหรอ!”
ร่างอันเพรียวบางนั้นกระโดดออกมา เพื่อยืนยันให้พวกเขารู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นความจริง
กลีบดอกบัวหุบลงไปอีกครั้ง ด้านในยังมีนักเรียนอีกไม่น้อยที่กำลังทดสอบอยู่
มู่เฉียนซีมองไปที่เหล่าบรรดาอาจารย์ผู้คุมสอบ “ท่านอาจารย์ การทดสอบด่านที่สองนี้ของข้า ผ่านแล้วใช่หรือไม่ ?”
“ยินดีกับนักเรียนมู่เฉียนซีด้วย เจ้าผ่านการทดสอบด่านที่สองแล้ว”
“การทดสอบด่านนี้เจ้าเกือบจะทำลายสถิติของสำนักศึกษาพวกเราอีกแล้ว”
“ในครั้งนั้น คนวิปริตผู้นั้นช่างเป็นคนที่บ้าการต่อสู้คนนึงเลย ไร้ซึ่งความรักและความปรารถนา มุ่งมั่นที่จะต่อสู้อย่างเดียว ไร้ความกังวล ไร้ความรักและความรู้สึก ดังนั้นจึงผ่านด่านได้อย่างง่ายดาย แต่เจ้าเป็นสาวน้อยผู้มีเสน่ห์ ผ่านมาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ นับว่าแปลกจริง ๆ”
อาจารย์ผู้คุมสอบต่างก็พากันสงสัยว่าในโลกมายานั้นเกิดปัญหาขึ้นหรือไม่
มู่เฉียนซีมิใช่ผู้ที่ไร้ความรักและความรู้สึก นางมีกังวล มีคนที่ต้องการจะปกป้องดูแล ทว่า ความทรงจำในสองชาติภพนั้น ไม่มีสิ่งใดสามารถทำลายจิตใจของนางได้ แน่นอนว่านางผ่านมาได้อย่างง่ายดาย
มู่เฉียนซีมองไปที่เหล่าอาจารย์ผู้คุมสอบที่กำลังงงงวยอยู่นั้น นางกล่าวถามว่า “ต่อไป ให้ทำสิ่งใด ?”
“ค่อก ค่อก ค่อก! นักเรียนมู่เฉียนซี เป็นเพราะว่าการสอบด่านนี้ เจ้าผ่านมาได้เร็วมาก ดังนั้นจึงต้องรอสหายนักเรียนคนอื่น ๆ สักหน่อยนะ”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ไม่มีปัญหา!”
แน่นอนว่าการรอคอยนั้นเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ มู่เฉียนซีกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนผิวน้ำของทะเลสาบนั้น เมื่อครู่มัจฉาธนูวารีเหล่านั้นโจมตีนางไม่ใช่หรอกเหรอ
มู่เฉียนซีเอายาเม็ดหนึ่งออกมาบดขยี้และทิ้งลงไปในทะเลสาบ มัจฉาธนูวารีเหล่านั้นได้กลิ่นหอมหวน คิดอยากจะกิน แต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้ กลัวว่าจะมีอันตราย
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “นี่เป็นรางวัลที่พวกเจ้าเชื่อฟังและไม่โจมตีข้าเมื่อครู่ รีบกินเถอะ! ไม่มีพิษหรอก”
พวกมันมีจิตวิญญาณ เข้าใจในสิ่งที่มู่เฉียนซีพูด ทันทีที่ได้ยินว่าไม่มีพิษ พวกมันก็รุมเขมือบทันที รสชาติที่อร่อยและเต็มไปด้วยพลังวิญญาณนั้นทำให้พวกมันตื่นเต้นขึ้น
มุมปากของอาจารย์ผู้คุมสอบกระตุกขึ้น “ข้าคิดอยู่แล้วเชียวว่าพวกมันต้องถูกเจ้าขู่ แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะใช้ยาพิษขู่บังคับพวกมัน”
“ช้าก่อน!”
“นี่มันยาวิญญาณหนิ่!” อาจารย์ผู้คุมสอบอีกท่านตะโกนดังลั่นขึ้น
“ยาวิญญาณ! นี่เจ้าเอายาวิญญาณป้อนให้ปลางั้นเหรอ ?” พวกเขามองมู่เฉียนซีอย่างไม่น่าเชื่อ
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ก็แค่ยาวิญญาณระดับต่ำเท่านั้น สำหรับพวกมันแล้ว ยาวิญญาณระดับต่ำเหล่านี้มีประโยชน์ต่อพวกมันไม่น้อยเลย สำนักศึกษาซวนเสียเป็นถึงสำนักระดับสอง พวกมันช่วยพวกท่านทำการทดสอบ จะไม่ให้ของอร่อย ๆ กับพวกมันหน่อยเหรอ ตระหนี่ถี่เหนียวเกินไปหรือเปล่า”
มุมปากของอาจารย์เหล่านี้กระตุกขึ้นอย่างเมามัน พวกเขาใช้สมุนไพรวิญญาณที่ดีที่สุดให้พวกมัน เข้าใจหรือไม่ นึกไม่ถึงว่าจะโดนดูถูกดูแคลนได้เช่นนี้
พวกเขาแอบบ่นพึมพำ นี่กองกำลังใดกันที่เลี้ยงดูเจ้าเด็กผลาญเงินผู้นี้! หากพวกเขาเลี้ยงดูลูกหลานเช่นนี้ มีหวังต้องเจ็บปวดถึงตายแน่นอน
มู่เฉียนซีให้อาหารปลาด้วยความเบื่อหน่าย รอสหายนักเรียนคนอื่น ๆ สอบผ่านด่าน
พวกเขาต่างก็ทยอยออกมากันทีละคน มัจฉาธนูวารีเหล่านี้กินยาวิญญาณเข้าไปมันก็มีพลังที่เต็มเปี่ยม และเริ่มโจมตีนักเรียนเหล่านั้นอย่างบ้าคลั่ง
พวกเขาตกใจกล่าวกันว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? การทดสอบผ่านด่านแล้วเหตุใดยังมีการโจมตีอีก”
อาจารย์ผู้คุมสอบกล่าวว่า “จนกว่าจะเป็นนักเรียนของสำนักศึกษาซวนเสียจริง ๆ พวกเจ้าทุกคนต้องระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา และต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ!”
ทว่า มู่เฉียนซีที่กำลังย่างเท้าอยู่บนผิวน้ำของทะเลสาบอย่างช้า ๆ กลับไม่ถูกมัจฉาธนูวารีเหล่านี้โจมตีเลย พวกเขากล่าวถามขึ้นว่า “แล้วเหตุใดมัจฉาธนูวารีเหล่านี้ถึงไม่โจมตีนาง นี่มันไม่เป็นธรรมเอาซะเลย!”
อาจารย์ผู้คุมสอบกล่าวว่า “หากพวกเจ้ามีความสามารถที่ทำให้มัจฉาธนูวารีเหล่านี้ไม่โจมตีพวกเจ้าได้ อาจารย์ก็ไม่ขัดขวาง! การทดสอบของสำนักศึกษาซวนเสียเราไม่อ่อนข้อต่อผู้ใดทั้งนั้น หากพวกเจ้ามีความสงสัยเคลือบแคลงใจแล้วล่ะก็ สามารถถอนตัวได้”
พวกเขาได้แต่ตำหนิอยู่ในใจ ตราบใดที่พวกเจ้าสามารถเสียเลือดเนื้อยอมควักยาวิญญาณออกมาป้อนปลา ทุกอย่างก็จะดีเอง! อีกอย่างยาวิญญาณนั้นต้องไม่ธรรมดา แต่ต้องเป็นยาวิญญาณที่บริสุทธิ์อีกด้วย
นักเรียนคนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจผงะไปครู่หนึ่ง อาจารย์ไม่ได้อ่อนข้อ แล้วนางทำได้ยังไงกัน ?
ตกลงมันคือการขู่บังคับอีกแล้วงั้นเหรอ ?
การทดสอบด่านนี้มีนักเรียนส่วนหนึ่งที่ไม่ผ่านด่าน สุดท้ายก็เหลือนักเรียนเพียงแค่หนึ่งพันสองร้อยถึงหนึ่งพันสามร้อยคนเท่านั้น
นักเรียนส่วนมากตกอยู่ในด่านภาพลวงตานั้นจนตอนนี้ก็ยังคงหลับใหลอยู่
อาจารย์ผู้คุมสอบกล่าวว่า “เรียนทุกคน ตามข้ามา! ต่อไปจะเป็นการทดสอบด่านสุดท้ายแล้ว”
ในที่สุดก็มาถึงด่านสุดท้ายแล้ว ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
จำต้องบอกเลยว่าการทดสอบสองด่านแรกของสำนักศึกษาซวนเสียนี้ ได้ทำให้นักเรียนพ่ายแพ้ไปจำนวนมาก การต่อสู้ที่เข้มข้น การทดสอบภาพลวงตา ทำให้รู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก
เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในทางเข้า อาจารย์คุมสอบในด่านที่สามก็มาต้อนรับพวกเขา
“ยินดีต้อนรับนักเรียนทุกคนเข้าสู่การทดสอบด่านสุดท้ายของสำนักศึกษาซวนเสีย ที่อยู่ตรงหน้าพวกเจ้านี้คือหอร้อยหลอมของสำนักศึกษาซวนเสียของพวกเรา เป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบของอาจารย์ใหญ่คนแรกของเรา และเป็นสถานที่สุดท้ายในการทดสอบของพวกเจ้าด้วย”
“พวกเจ้าทุกคนจะต้องเข้าไปในหอร้อยหลอม หอร้อยหลอมนี้มีทั้งหมดเจ็ดชั้น ยิ่งขึ้นไปชั้นสูงมากเท่าไหร่คะแนนก็ยิ่งสูงมากเท่านั้น เอาชนะศัตรูได้มากเท่าไหร่คะแนนก็จะมากขึ้นเท่านั้น! เวลาหนึ่งวัน คะแนนทั้งหมดจะถูกคำนวณออกมา”
“ครั้งนี้ สำนักศึกษาซวนเสียเราจะรับนักเรียนใหม่เพียงแค่หกร้อยคนเท่านั้น นั่นหมายความว่าจะมีนักเรียนจำนวนครึ่งหนึ่งในที่นี้ถูกคัดออก นักเรียนทุกคน สู้ สู้ไว้นะ! นี่คือเส้นชัยของพวกเจ้าแล้ว”
“นึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกคัดออกตั้งครึ่งนึง!” นักเรียนหลายคนเป็นกังวลใจมาก
นักเรียนที่เข้ามาสมัครมีทั้งหมดสองหมื่นถึงสามหมื่นคน สุดท้ายก็คัดให้เหลือเพียงแค่หกร้อยคน สำนักศึกษาซวนเสียที่เป็นสำนักระดับสองเพียงหนึ่งเดียวของเสียโจว เป็นสถานที่ที่หนุ่มสาวจำนวนมากอยากเข้ามาศึกษา แต่การแข่งขันนี้กลับโหดร้ายทารุณเป็นที่สุด
ถึงแม้ว่าสำนักศึกษาซวนเสียจะเป็นสำนักระดับสอง แต่ทรัพยากรทั้งหมดก็มีอย่างจำกัด พวกเขาต้องควบคุมจำนวนนักเรียนให้อยู่ในจำนวนที่กำหนด มิเช่นนั้นแล้วทรัพยากรที่ใช้ในการฝึกฝนจะไม่เพียงพอเอาได้
อาจารย์ผู้คุมสอบกล่าวว่า “เอาหล่ะ เข้าไปได้! พวกเจ้ามีเวลาเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น รักษาเวลาด้วย!”
ขวั่บ ขวั่บ ขวั่บ! ร่างนับไม่ถ้วนพรวดเข้าไปในหอร้อยหลอมทันที!
ในที่สุดการทดสอบด่านสุดท้ายก็จะเริ่มขึ้นแล้ว
นักเรียนทั้งหมดได้เข้าไปด้านในหมดแล้ว หอร้อยหลอมก็ได้ปิดลงแล้ว อาจารย์ผู้คุมสอบหลายคนต่างก็เริ่มพูดคุยกัน
“เจ้าว่านักเรียนใหม่ครั้งนี้จะเข้าไปในหอร้อยหลอมได้กี่ชั้น ?”
“ได้ยินมาว่าในด่านที่สอง มีอัจฉริยะผู้หนึ่งเกือบจะทำลายสถิติของคนวิปริตผู้นั้นได้ ครั้งนี้คาดว่าจะมีคนเข้าไปถึงชั้นหก!”
“ใช่ ใช่! ในตอนนั้น เจ้าวิปริตผู้นั้นไปถึงชั้นหก สำเร็จไปทั้งหมดเก้าสิบหลอม การที่จะขึ้นไปถึงชั้นเจ็ดนั้น ทั้งหมดมีร้อยหลอม ดูเหมือนว่าสำนักศึกษาของพวกเราก่อตั้งมานานนับพันปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีผู้ใดทำได้เลยสักครั้ง”
“ทำสำเร็จครบร้อยหลอม นั่นคงจะเป็นตำนานแล้วหล่ะ ต่อให้โชคดีไปถึงชั้นเจ็ด ก็คงไม่มีผู้ใดทำได้ถึงร้อยหลอมเป็นอันขาด”
ทว่า พวกเขากลับไม่รู้เลยว่าหอร้อยหลอมที่อาจารย์ใหญ่คนเก่าของพวกเขาสร้างมานี้ มีผู้วิปริตรายใหญ่อยู่ เป็นเพราะผู้วิปริตรายใหญ่นี้ บางทีวันพรุ่งพวกเขาอาจจะได้เห็นปาฏิหาริย์ของหอร้อยหลอมก็ได้