ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 638 เสี่ยงอย่างไม่มีทางเลือก
“ขึ้นเขา เจ้าจะขึ้นเขาในตอนนี้เนี่ยนะ เจ้าบ้าไปแล้ว!”
ภูเขาป้าหวังอันตรายแสนจะอันตราย เพียงแค่ลมแรงวูบเดียวจากการต่อสู้ของยอดฝีมือผู้นั้นกับราชามังกรก็เพียงพอที่จะทําให้พวกเขาสิ้นลมได้ และตอนนี้ การขึ้นเขาก็เหมือนกับการรนหาที่ตาย
“ราชามังกรไม่มีเวลามาสนใจอะไรอื่นแล้ว การที่จะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรในตอนนี้นั้นเป็นเวลาที่เหมาะที่สุด” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจริงจัง
หากตอนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับราชามังกร พวกเขาคงถูกพบเห็นเมื่อเข้าใกล้ภูเขาป้าหวัง
“แม้จะพูดเช่นนี้ แต่นั่นก็หมายความว่ามันเสี่ยงมาก ข้าจะบอกเจ้านะว่าแค่เพียงสมุนไพรวิญญาณ เจ้าไม่จําเป็นต้องเสี่ยงชีวิตขนาดนั้นก็ได้กระมัง ต่อให้เป็นสมุนไพรวิญญาณระดับสวรรค์ ถ้าเป็นข้าก็จะไม่เสี่ยงแน่นอน เจ้านี่มันบ้าไปแล้วจริง ๆ”
นักล่าเงินรางวัลอยากได้สมุนไพรวิญญาณเพียงเพื่อหวังจะได้เงินเท่านั้น แต่สําหรับนักปรุงยาแล้ว สมุนไพรวิญญาณดึงดูดใจมากกว่าสิ่งอื่นใด พวกเขาต้องการสมุนไพรวิญญาณมาเพื่อยา ยา และยา!
มู่เฉียนซีขมวดคิ้ว “ถ้าเจ้าไม่อยากตายเปล่าก็หลีกไปซะ ข้าจะไม่ปล่อยโอกาสครั้งนี้ให้หลุดไป”
“เช่นนั้นเจ้าก็ระวังตัวด้วย” เขาไม่มีความกล้าพอที่จะไปสู้เคียงข้างนาง
มู่เฉียนซีพุ่งเข้าไป ลมแรงจากการต่อสู้พัดใบหน้าจนเจ็บปวดประหนึ่งโดนมีกรีดใบหน้า แต่ถ้าหากมีความรวดเร็วเพียงพอ ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดไปได้บ้าง
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า!” อู๋ตี้ในอ้อมแขนของมู่เฉียนซีแทบน้ำลายไหล
เสี่ยวหงเบ้ปากแล้วกล่าวว่า “อยากจะกินแก่นวิญญาณของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า เจ้าแมวโง่ เจ้าดูสิว่าตัวเองมีน้ำหนักเท่าไหร่!”
“ฮึ่ม! ไม่ใช่แค่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าตัวหนึ่งหรอกหรือ ? ข้าคืออู๋ตี้ หนึ่งเดียวในใต้หล้า ใครกันที่หาตัวได้ยาก”
ยิ่งมู่เฉียนซีเดินขึ้นเขาไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาตอบสนองของมู่เฉียนซีที่มีความละเอียดอ่อนและรวดเร็วมาก ก็คงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากผลพวงของการต่อสู้นั่นไปนานแล้ว
ในที่สุดก็เห็นผู้ที่ทำให้เกิดการต่อสู้ในครั้งนี้
ราชามังกรร่างใหญ่โตสีเขียวเข้มสยายปีกบินจนเงาปกคลุมไปทั่วทั้งยอดเขา ดวงตาคู่โตราวกับกระดิ่งทองแดงจ้องเขม็งไปที่ชายตรงหน้าผู้นั้น
“มนุษย์ เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอกนักเลย”
“ข้าแค่อยากได้หัวใจมังกรของเจ้า” เสียงการต่อสู้ที่แข็งแกร่งดังกึกก้องออกมา
มู่เฉียนซีมองไป คนผู้นั้นสวมชุดคลุมสีแดงเข้มปลิวไสวท่ามกลางสายลมพัดแรง
ผมดําขลับถูกปักด้วยปิ่นไม้อย่างสบาย ๆ ใบหน้าลึกล้ำหล่อเหลาประดุจหยกทว่าไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ โลหิดแดงฉานเยือกเย็นราวกับเทพสงครามที่เดินออกมาจากสมรภูมิโบราณ
เมื่อเห็นใบหน้านี้ หัวใจของมู่เฉียนซีเต้นถี่รัว นางไม่ใช่คนที่หลงไปกับความงดงาม พูดถึงความงดงาม เขาผู้นี้ยังงามไม่สู้จิ่วเยี่ย พูดถึงความสมบูรณ์แบบก็ไม่สู้อาถิง และหากกล่าวถึงความน่าทึ่งก็ไม่สู้ชิงอิ่ง
แต่ชายหนุ่มที่ดูเลือดเย็นและแข็งกระด้างผู้นี้กลับสามารถทําให้ร่างกายของนางเดือดพล่านได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?
หรือว่าคนผู้นี้จะมีความสามารถพิเศษอะไร
ตอนนี้มู่เฉียนซีคิดอะไรไม่ออกเลย การประลองระหว่างยอดฝีมือเช่นนี้ นางก็เหมือนกับมดตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น หากไม่ระวังก็จะถูกช้างศึกและพยัคฆ์ร้ายเหยียบย่ำจนตาย
ดังนั้นก่อนอื่นต้องปกป้องตัวเองให้ดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน!
อาวุธของเขาเป็นกระบี่ที่กวาดล้างทหารได้เป็นพันกองทัพ
แม้กระบี่จะหนักและใหญ่มาก แต่เมื่ออยู่ในมือของเขากลับดูราวกับมีชีวิต ความเร็วของมันไม่ได้ช้าไปกว่าราชามังกรเลย
กระบี่สามารถโจมตีได้และยังใช้ป้องกันได้ด้วย ราชามังกรไม่สามารถทําอะไรเขาได้เลย และยังถูกเขาทําร้ายจนบาดเจ็บในทันตา
— ฉ่า! ฟู่! —
เกล็ดของมันได้รับบาดเจ็บจากคมกระบี่และมีเลือดออกตามร่างกาย
ราชามังกรตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “เจ้ามนุษย์ เจ้ามันรนหาที่ตาย! เจ้ามันช่างรนหาที่ตายจริง ๆ!”
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
ต้นไม้บนยอดเขาทั้งหมดถูกบดขยี้จนราบเรียบ มู่เฉียนซีไม่มีแม้แต่ที่จะหลบซ่อน
หลังจากกระโดดขึ้นไปยังหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง หินก้อนนี้ก็ถือว่าแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานลมพายุการต่อสู้ของพวกมันได้
เจ้าราชามังกรและชายผู้นั้นปะทะกันอีกครั้ง ความเร็วที่รวดเร็วเกินไปทำให้มู่เฉียนซีมองได้ไม่ชัดเจน ระดับมหาจักรพรรดิในตอนนี้ยังห่างไกลจากระดับจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งของนางมาก
มู่เฉียนซีจ้องมองขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อตามหารังของราชามังกร
ตอนนี้มันพัวพันอยู่กับชายผู้นั้นอย่างเสียเปรียบ รังของมันย่อมเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด และบางทีอาจจะมีสมบัติอยู่ไม่น้อย
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง!”
“นายท่าน ท่านรอข่าวดีจากพวกเราได้เลย!”
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าต้องระวังตัวให้ดี อย่าเจ็บตัวกันล่ะ”
เพราะราชามังกรต่อสู้อยู่กับมนุษย์ยอดฝีมือ สัตว์วิญญาณและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบ ๆ จึงล้วนวิ่งหนีไปไกล
จะกลัวก็แต่ว่าภัยร้ายจะลุกลามต่อเนื่อง ตอนนี้อู๋ตี้และพวกเป็นเพียงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามเท่านั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้เช่นนี้ เรียกได้ว่ามีความเสี่ยงอย่างมาก
อู๋ตี้กล่าวขึ้น “นายท่าน ท่านวางใจเถอะ! พวกข้าไม่ใช่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ธรรมดา ต้องเอาชนะได้แน่”
“ใช่ ๆ ๆ เจ้านั่นแค่ระดับห้า ไม่ได้ถือว่าร้ายกาจอะไร หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของข้ายังไม่ฟื้นคืนมา มันคงถูกทําลายไปนานแล้ว” เสี่ยวหงยืดอกอ้วน ๆ ของมันพลางกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจ
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปเกรงกลัวสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า แต่กับอู๋ตี้และเสี่ยวหงนั้นไม่เลย พวกมันกล้าหาญกว่าที่คิด
“เจ้าหมูขี้เกียจ หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว รีบหารังของเจ้านั่นเร็วเข้าเถอะ” อู๋ตี้สั่ง
“เหอะ! เจ้าแมวโง่เง่า ข้าหามันเจอก่อนเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว”
เสี่ยวหงและอู๋ตี้แปลงเป็นเงาร่างหลายร่างพุ่งออกไป ไม่รอช้าเร่งค้นหารังของราชามังกรบนยอดเขาแห่งนี้ทันที
อู๋ตี้ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เจ้าแมวขาวรวดเร็วมาก ไม่นานมันก็รีบกลับมารายงานมู่เฉียนซี เสียงตื่นเต้นของมันดังมาแต่ไกล “นายท่าน ข้าเจอแล้ว ข้าเจอแล้ว ข้าเจอแล้ว!”
“บัดซบเอ๊ย!” เสี่ยวหงสบถ มันรู้สึกหงุดหงิดอย่างที่สุด พลาดท่าเสียทีถูกเจ้าแมวโง่ตัวนี้แย่งไปก่อนจนได้
“ไปกันเถอะ” มู่เฉียนซียิ้มมุมปาก
พวกเขาทั้งสามมุ่งหน้าตรงไปยังสุสานของราชามังกร สุสานถูกซ่อนอยู่หลังกองหนามกองหนึ่ง เสี่ยวหงทำหน้ายู่ มันกล่าวอย่างไม่พอใจ “เจ้าหมอนี่ช่างรู้จักหารังให้ตัวเองได้ดีจริง ๆ นะ ดูท่าทางข้าคงต้องใช้ไฟเผาที่นี่แล้ว”
เปลวเพลิงของเสี่ยวหงลุกโชนออกมาเผาหนามในที่นี้ทันที
อู่ตี้มองเปลวไฟอย่างสะใจก่อนจะหันไปกล่าวกับนายท่านของมัน “นายท่าน พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ”
“อืม”
เวลานี้ราชามังกรที่กําลังถูกมนุษย์ต่อสู้พัวพันจนได้รับบาดเจ็บหนัก ไม่มีทางคาดคิดถึงแน่ ๆ ว่ารังอันแสนรักของมันจะถูกมนุษย์บุกเข้าไปทำลายแล้ว
ความรู้สึกในตอนนี้ของมู่เฉียนซี เสมือนนางไม่ได้บุกเข้าไปในรังของราชามังกร แต่เป็นดินแดนแห่งสมบัติ
ทุกที่โดยรอบล้วนเป็นสมบัติที่นางชอบ มันละลานตาไปด้วยสมุนไพรวิญญาณทุกชนิด ดูเหมือนว่าเจ้ามังกรนี่จะชอบเก็บสะสมสมุนไพรวิญญาณ เห็นได้จากสมุนไพรวิญญาณระดับสูงทุกชนิดที่อยู่ละแวกภูเขาป้าหวังล้วนถูกมันเก็บมาหมดแล้ว
เมื่อเสี่ยงอันตรายขึ้นมาถึงขนาดนี้ มู่เฉียนซีไม่เกรงใจอย่างแน่นอน สมุนไพรวิญญาณในที่นี้ถูกนางกวาดไปจนเกลี้ยง แม้แต่ใบไม้ใบสมุนไพรใด ๆ สักใบก็ไม่มีเหลือทิ้งไว้ให้ราชามังกร
บางทีแม้จะเหลือไว้ มันก็คงไม่ได้ใช้แล้ว ชายผู้นั้นแข็งแกร่งมาก ไม่แน่ว่ามันอาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับมาก็ได้
หลังจากรวบรวมสมุนไพรวิญญาณและแก่นพลังวิญญาณบางส่วนแล้ว มู่เฉียนซีก็พบว่าพวกเขากําลังต่อสู้กันอยู่หน้าถ้ำ
— โฟ่ววว! —
แทบไม่มีเวลาได้ตกใจ ลมแรงอันน่าสะพรึงกลัวพัดผ่านหน้าถ้ำ กวาดเอาหินที่อยู่หน้าถ้ำปลิวว่อน ส่วนหินใหญ่ถูกหั่นเป็นผุยผงในพริบตา
ลมโหดกระโชกแรงถึงเพียงนี้ หากเป็นมู่เฉียนซี มนุษย์ที่มีเลือดมีเนื้อออกไปจะเป็นอย่างไร แค่คิดก็รู้สึกสยองแล้ว
“บัดซบ! ทําไมพวกมันถึงมาอยู่ที่นี่ อย่างนี้เราก็ออกไปไม่ได้แล้วสิ ให้ตายเถอะ!” มู่เฉียนซีขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดพลางกวาดตาคู่งามมองไปยังเงาร่างสีแดงเข้ม
“สหาย เจ้าต้องสู้เพื่อเอาชนะราชามังกรตัวนี้ให้ได้ ไม่เช่นนั้นหากมันเอาชนะกลับมาได้ และเห็นว่าสมบัติในรังของมันถูกมนุษย์กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวบุกเข้าไปขโมยเกลี้ยง พวกเราคงต้องจบสิ้นกันแน่ ๆ”