ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 654 การเก็บเกี่ยวยามค่ำคืน
— ปัง! —
เวลานี้มีคนล้อมโจมตีฉูห้าวราวหกถึงเจ็ดคน ทำให้ฉูห้าวพานพบกับความลำบากแสนสาหัสอย่างบอกไม่ถูก
มู่เฉียนซียิ้มเยาะ ๆ พลางกล่าว “เจ้าหมอนี่สมองไวต่อการร่วมมือกันอยู่บ้างแฮะ หึ ๆ”
เข็มยาหลายเข็มถูกปล่อยออกไปจากมือของนาง คราวนี้คนในห้องเรียนระดับสูงมีจำนวนมากมาย แน่นอนว่าจะต้องจัดการคู่ต่อสู้ด้วยวิธีการอันรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ความแข็งแกร่งของพวกเขามีไม่มาก ถือได้ว่าอ่อนแอกว่าฉูห้าว เมื่อสู้กันขึ้นมาก็ไม่ท้าทายสักเท่าไรนัก รีบสู้รีบจบศึกเสียดีกว่า
อย่างไรเสีย ผู้อาวุโสผู้คุมสอบก็บอกไว้แล้วว่านอกจากการใช้สัตว์พันธสัญญา วิธีการอื่นที่สามารถใช้เอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ล้วนนำมาใช้ได้ทั้งสิ้น แน่นอนว่าการวางยาพิษเองก็ไม่ผิดกฎ
พวกเขารู้สึกเหมือนที่ด้านหลังคอมีอะไรทิ่มตำเข้าไป ไม่นานนัก ร่างทั้งร่างของพวกเขาก็แข็งทื่อจนไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวใด ๆ ได้ พวกเขาทำได้แค่เบิกตาโพลง มองฉูห้าวแล้วพยายามแค่นเสียงพูดออกมา “สะ… ฉูห้าว เจ้ากำลังทำบ้าอะไรกันแน่ ?”
“ฉูห้าว! เจ้ามันสารเลว เจ้ากล้าลอบกัดพวกเรา เลวนัก! เลวแท้ ๆ! เลว ๆ ๆ!”
“บัดซบเอ๊ย…”
อารมณ์โกรธกรุ่นปะทุ พวกเขาได้แต่จ้องมองฉูห้าวตาเขียวปั้ด แต่ที่จริงแล้วฉูห้าวเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเป็นปม “เฮ้! เร็วสิ ตอนนี้เจ้ายังไม่รีบไปจัดการพวกเขาอีก”
ฉูห้าวเบิกตากว้าง รับรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าทั้งหมดนั้นหนีไม่พ้น ต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมู่เฉียนซีแน่ ๆ
ฉูห้าวเอ่ยขึ้น “เลิกพล่ามได้แล้ว ส่งลูกซวนจูของพวกเจ้าออกมาซะ”
พวกเขาตะเบ็งเสียงอย่างโกรธเคือง “ข้ารู้แต่แรกแล้วว่าเจ้ามันแปลก ที่แท้เจ้าก็เป็นพวกเดียวกับนางมู่เฉียนซีนั่น”
“ต้องเป็นฝีมือของนางบ้ามู่เฉียนซีแน่ ๆ นางทำเช่นนั้นได้ยังไง ใช้อาวุธลับรึอะไร ? บัดซบจริง!”
“ฉูห้าว เจ้าก็ไม่ได้ใบหน้าหล่อเหลาไปกว่าพวกเราเลยนี่ ทำไมถึงไปร่วมเป็นพวกเดียวกับมู่เฉียนซีได้”
“ลูกซวนจู!” ฉูห้าวกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนัก น้ำเสียงเขาเข้าขั้นขู่แล้ว
เมื่อพ่ายแพ้แล้ว พวกเขาก็ไม่ดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ ทำได้เพียงยอมมอบลูกซวนจูออกมาแต่โดยดี
“สหายมู่เฉียนซี ข้า… ข้าผู้นี้ต่อสู้เก่งมาก อีกทั้งยังมีคนจำนวนมากกว่าด้วย ข้าว่าเจ้าไปอยู่กลุ่มเดียวกับฉูห้าวไม่คุ้มแน่ มาอยู่กลุ่มเดียวกับข้าดีกว่า”
“ใช่แล้ว ใช่ ๆ ๆ!”
เวลานี้ฉูห้าวเองก็เป็นกังวลอยู่บ้างเล็กน้อย เขากลัวว่ามู่เฉียนซีจะทิ้งเขาไป หากเป็นเช่นนั้นเขาตายอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีตอบ “ข้าสามารถจัดการพวกเจ้าทั้งหมดได้โดยที่เทพไม่รู้ผีไม่เห็น เจ้าคิดว่ามีคนอยู่มากแล้วจะมีประโยชน์หรือยังไง ? ข้าต้องการใครก็ได้ที่หัวไวเพียงผู้เดียวเท่านั้นก็เพียงพอ”
ฉูห้าวรีบบอกด้วยความตื่นเต้น “อื้ม! ข้านี่แหละหัวไวเป็นอย่างมาก เจ้าวางใจได้”
เขารีบมอบลูกซวนจูที่ยึดมาส่งให้โดยตรงถึงมือของมู่เฉียนซี
— ปัง! ปัง! ปัง! —
เมื่อพลังวิญญาณเริ่มโคจรขึ้นมา ลูกซวนจูหลายลูกก็แตกหักออกไปต่อหน้ามู่เฉียนซี ไม่นานคะแนนลูกซวนจูของมู่เฉียนซีก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หกคะแนน!
“ไปกันเถอะ” มู่เฉียนซีเอ่ยชวน
“อืม”
ฉูห้าวเป็นผู้รอบรู้ในเรื่องราวทั้งพันหมื่นแห่งห้องเรียนระดับสูง พลังความสามารถของทุกคน เขาสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน
เมื่อพบเจอสถานการณ์ที่ไม่มีความจำเป็นต้องสู้ มู่เฉียนซีก็จะให้ฉูห้าวออกไปเป็นเหยื่อล่อ และนางค่อยวางยาพิษเสียเป็นอันเสร็จสิ้น
เมื่อพบเจอกับผู้ที่มีพลังความสามารถระดับเดียวกันหรือที่สูงกว่าฉูห้าว มู่เฉียนซีก็จะลงมือต่อสู้ทันทีเพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการต่อสู้ให้กับตัวเอง
เพราะอย่างไรเสีย นางก็ติดค้างอยู่ที่ขั้นจักรพรรดิระดับหนึ่งมาสักระยะแล้ว จึงจำต้องทะลุผ่านขึ้นไปอีกขั้นในคราวเดียว
เมื่อฉูห้าวได้เห็นพลังในการต่อสู้ของมู่เฉียนซีก็อึ้งตะลึงงันไปเช่นกัน เมื่อวางยาพิษอีกก็ยิ่งวิปริตเข้าไปกันใหญ่ หากต้องเผชิญหน้ากับนาง จะไม่มีที่ให้เขาได้โจมตีสวนกลับเลย ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องธรรมดา
เวลาในช่วงกลางวันผ่านไปแล้ว ทว่าในยามราตรีมู่เฉียนซีเองก็ไม่ได้คิดที่จะหยุดปฏิบัติการ
ฉูห้าวกล่าว “พี่ใหญ่มู่ ไม่มีการต่อสู้ที่ไหนบ้าคลั่งเช่นนี้! ตอนนี้เจ้ามีคะแนนกว่าสามร้อยคะแนนแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้กลางคืนก็พักผ่อนเถิด การที่จะได้สิบอันดับแรกมานั้น สำหรับเจ้า ข้าว่าไม่มีปัญหาหรอก”
เขานั้นไม่รู้จริง ๆ ว่าสาวน้อยผู้นี้มีพลังมากมายเพียงใด นางต่อสู้มาทั้งวันแล้ว แม้แต่เขาที่ได้ดูนางต่อสู้มาทั้งวันยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหนื่อยแทน
“ตอนกลางคืนนี่สิถึงจะเป็นเวลาแห่งการล่าที่ดีที่สุด” มู่เฉียนซีกล่าว
“แต่ร่างกายของข้าเหนื่อยล้ามากแล้ว พลังวิญญาณถูกใช้ไปจนสิ้น นี่มิใช่ว่าเป็นการไปมอบโอกาสให้คู่ต่อสู้ถึงที่หรอกรึ ?” ฉูห้าวถามอย่างฉงน
“ไม่หรอก!” มู่เฉียนซีโยนขวดหยกขวดหนึ่งให้แก่ฉูห้าว
“นั่นเพียงพอสำหรับการที่จะทำให้สู้ได้ต่อไปอีกสามวัน ถ้าหากว่าเจ้าตามข้าไม่ทัน ลูกซวนจูของเจ้าข้าจะบีบมันให้แตกละเอียดทั้งหมดเลยเชียว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ฉูห้าวรับขวดหยกนั้นมา “นี่มัน… นี่มันสมุนไพรวิญญาณขั้นสูง”
“เจ้ามันฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว!”
แต่สิ่งที่ฟุ่มเฟือยกว่านั้นกำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ว่าแล้วมู่เฉียนซีก็ได้กินมันเข้าไปหนึ่งขวดเต็มๆ ราวกับเคี้ยวลูกกวาดเล่นก็มิปาน
ค่ำคืนอันมืดมิด เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับการออกล่า
ในตอนที่คนอื่นกำลังหลับใหลกันอยู่นั้น การวางยาพิษเป็นไปได้อย่างสะดวกราบรื่น
มู่เฉียนซีวางยาพิษทำให้ผู้อื่นสลบไป แน่นอนว่าฉูห้าวรับหน้าที่ไปเก็บเอาลูกซวนจูมา
ฉูห้าวถอนหายใจกล่าวออกมา “คนเหล่านี้น่าสงสาร เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นก็ต้องพบว่าตนเองนั้นตกรอบไปอย่างเป็นปริศนา จิตใจจะต้องรู้สึกพังทลายอย่างมากเป็นแน่”
“พี่ใหญ่มู่ นี่คือลูกซวนจูของเจ้า” ฉูห้าวมอบลูกซวนจูให้แก่มู่เฉียนซี
แต่มู่เฉียนซีกลับบอกว่า “ลูกซวนจูที่ไปเก็บมาได้ในตอนกลางคืนนี้ ล้วนแต่เป็นของเจ้าทั้งหมด”
“อะไรนะ ?” ฉูห้าวแทบไม่อยากเชื่อหูของตนเอง
“ในเมื่อร่วมมือกัน ข้าไม่แบ่งปันผลประโยชน์ให้เจ้าย่อมไม่ได้ ถ้าข้าไม่แบ่ง เช่นนั้นมันก็มิต่างอะไรกับทำให้เจ้าตกรอบไปเลยมิใช่รึ ?”
ฉูห้าวกล่าว “ต่างสิ! แตกต่างอย่างแน่นอน ตลอดระยะเวลามานี้ข้าเห็นเจ้าสู้โดยไม่พ่ายแพ้เลย นั่นก็เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับข้าแล้ว”
มู่เฉียนซี “การตัดสินใจของข้าจะไม่เปลี่ยนแปลง เก็บมันเอาไว้”
ฉูห้าวพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากข้ายังปฏิเสธต่อไปอีกก็จะเป็นการเสแสร้ง เช่นนั้นก็ได้ ข้าเก็บมันเอาไว้”
การล่าในยามค่ำคืนนั้นดำเนินไปอย่างเทพไม่รู้ผีไม่เห็น แต่แน่นอนว่ามู่เฉียนซีเองก็มิได้ล่าอย่างราบรื่นนัก คราวนี้นางได้เจอเข้ากับของแข็งเสียแล้ว”
“ออกมา!”
เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งลอยมา ฉูห้าวกระโดดออกไป
ฉูห้าวเห็นเงาร่างสูงใหญ่เงาหนึ่งตรงหน้า เขาจึงใช้สายตาส่งสัญญาณให้แก่มู่เฉียนซีว่าให้รีบไป
คนผู้นี้เป็นหนึ่งในสิบยอดฝีมือแห่งห้องเรียนระดับสูง เขานั้นเป็นจักรพรรดิแห่งภูตระดับห้ายังไม่เท่าไร ซ้ำร้ายเขายังเป็นผู้มีพลังภูตธาตุอัคคีอีก รับมือได้ไม่ง่ายเลย
“ด้วยความแข็งแกร่งเพียงน้อยนิดเช่นเจ้า ก็ยังกล้าที่จะมาลอบโจมตีข้าอีก” หวงฉีกล่าวขึ้น
ฉูห้าวกล่าว “ข้าก็แค่บังเอิญผ่านมาเท่านั้นเอง”
“ในเมื่อเจ้าบังเอิญผ่านมาก็ส่งลูกซวนจูออกมาซะเถอะ”
ทันใดนั้น พลันมีโซ่สีแดงเพลิงปรากฏขึ้นเตรียมพุ่งเข้ารัดตัวฉูห้าวเอาไว้
“มังกรเพลิงสังหาร!” มังกรเพลิงสีแดงเข้มพุ่งเข้าไปสกัดกั้นโซ่เหล็กสีร้อนแรงดุจเปลวเพลิงนั่นเอาไว้
— ปัง! —
พลังพลังหนึ่งระเบิดออกมา แสงเพลิงอันเจิดจ้าพุ่งตรงไปในเทือกเขาเสียอันมืดมิด
หวงฉีถอยหลังไปก้าวหนึ่งแล้วกล่าว “มิน่าล่ะ คนเช่นเจ้าถึงได้กล้าลอบโจมตีข้า ที่แท้ก็มีผู้ช่วย เหอะ ๆ ๆ”
เงาร่างสีม่วงปรากฏตัวขึ้น หวงฉีหรี่ตามองแล้วกล่าวว่า “ที่แท้เป็นมู่เฉียนซีนี่เอง ถึงว่าล่ะ ข้าไม่เคยพบเจอกระบวนท่านี้มาก่อน แข็งแกร่งพอประมาณอย่างที่นึกไว้จริง ๆ”
ฉูห้าวกล่าวอย่างร้อนรน “พี่ใหญ่มู่ เขาเป็นยอดฝีมือสิบอันดับแรกแห่งห้องเรียนระดับสูงนามว่าหวงฉี เจ้ารีบถอยไปเร็ว เจ้าหมอนี่รับมือได้ไม่ง่ายนัก”
มู่เฉียนซีตอบกลับ “ในเมื่อได้เจอกันเข้าแล้ว เช่นนั้นก็ต้องมาดูกันว่าไอ้ที่ว่ายากจะรับมือได้นั้นมันเป็นยังไง”
เงาร่างนั้นพุ่งออกไปราวกับสายฟ้าก็มิปาน มู่เฉียนซีเริ่มลงมือกับหวงฉีก่อน
— ปัง! —
หวงฉียิ่งประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
“นึกไม่ถึงเลยว่าศิษย์ใหม่มู่เฉียนซีที่วิปริตในข่าวลือนั้นจะเป็นเพียงจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่ง”
ถึงต่อให้เป็นเพียงจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่ง แต่หวงฉีเองก็มิกล้าที่จะดูเบานางเพราะพลังในการต่อสู้ของนางนั้น ช่างน่าพรั่นพรึงนัก
“ให้ข้ามาปะทะกับเจ้าจัง ๆ เสียหน่อยเป็นไง” โซ่เหล็กสีเปลวเพลิงนั้นกวัดแกว่งระบำอย่างบ้าคลั่ง ดูน่าเกรงขามมาก
“กรงเพลิง!”
โซ่นั้นมันก่อตัวเป็นลักษณะของกรงมาคุมขังมู่เฉียนซีเอาไว้ในนั้น
“เจ้านั้นแข็งแกร่งนัก แต่เมื่อมาเจอกับข้าแล้ว เจ้าจะต้องถูกกำหนดให้ตกรอบไป ณ ที่แห่งนี้อย่างแน่นอน ช่างน่าเสียดายจริง ๆ” หวงฉีส่ายหน้าอย่างเสียดาย