ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 729 สุสานกระบี่โบราณ
ในขณะที่พวกเขาเตรียมจะลงมือ มู่เฉียนซีก็กดก้อนหินที่อยู่บนกำแพงนั้น
ตูม ปัง ปัง!
จากนั้นก็มีการเคลื่อนไหวขึ้นและไป๋ชางก็ตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “ข้างล่างยังมีเส้นทางลับจริง ๆ ด้วย”
เขาทำได้เพียงแค่อดทนเอาไว้ ไม่ลงมือก่อน รอดูสถานการณ์ข้างล่างก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
เส้นทางลับนี้ไม่มีบันได มีเพียงแค่ทางลาดเอียงลงไป
สถานที่ที่อยู่ลึกเข้าในของทางลาดเอียงนี้มืดสนิท มองไม่เห็นสิ่งใดเลย ทว่า กลับทำให้รู้สึกถึงความชั่วร้ายจนขนลุกซู่ขึ้น
ไป๋ชางกล่าว “จะลงไปหรือไม่ ?”
จินซ่านซ่านกล่าว “ลงไป ค้นพบสถานที่เช่นนี้ทั้งทีก็ต้องลงไปแน่นอน แต่หากว่าเจ้าขี้ขลาดตาขาวกลัวผีแล้วล่ะก็ ออกไปจากที่นี่ซะสิ”
จินซ่านซ่านอยู่กับมู่เฉียนซีมานานแล้ว ไม่กลัวผี แมลงก็ไม่กลัวแล้ว
ไป๋ชางกล่าว “ข้าจะกลัวได้ยังไงกัน พวกเจ้านำไปก่อน พวกข้าตามหลังเอง”
นี่หมายความว่าเขาให้มู่เฉียนซีและพวกเป็นช้างเท้าหน้า หากเกิดอันตรายใดขึ้นพวกเขาก็จะเป็นคนขวางไว้ก่อน
ความคิดนี้ของไป๋ชาง มู่เฉียนซีนั้นรู้ดีอย่างแจ่มแจ้งแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเราไปกันเถอะ!”
พลังวิญญาณของพวกเขาโคจรขึ้น และเดินลงไปตามเส้นทางลาดเอียงนี้ทันที
ทว่า ยิ่งเดินไปพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
ซวนอี้กล่าว “เฉียนซี นี่มันเกิดอะไรขึ้น ข้ารู้สึกว่าพลังของข้าจะถูกยับยั้งแล้ว!”
“ตอนนี้มีพลังเพียงแค่จักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งเท่านั้น”
“พวกข้าก็ด้วย พลังยิ่งอ่อนแอลงเรื่อย ๆ แล้ว” คนอื่น ๆ ต่างก็กระวนกระวายใจขึ้นแล้ว
แต่ไป๋ชางและพวก หลังจากที่รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ เขาก็กล่าวขึ้นว่า “ข้าว่าอย่าเสี่ยงเลยจะดีกว่า พวกเรากลับขึ้นไปเถอะ”
ทว่า เส้นทางนี้สามารถเดินลงได้เท่านั้น คิดจะหันหลังเดินกลับไปนั้นกลับทำไม่ได้
ตูม! พลังพลังหนึ่งได้ผลักไป๋ชางจนร่างของไป๋ชางกลิ้งลงไปราวกับก้อนหิมะก็มิปาน
จินซ่านซ่านรีบหลบอย่างรวดเร็ว จึงไม่ได้โดนตัวเขากลิ้งลงมาด้วย
ปัง ปัง ปัง!
อ๊า!
ภายใต้ความมืดนั้นมีเสียงกระแทกและเสียงกรีดร้องดังก้องขึ้น
จินซ่านซ่านกล่าวด้วยความดีใจที่ตนเองโชคดีว่า “โชคดีนะที่ข้าหลบทัน มิเช่นนั้นคงต้องกลิ้งลงไปอย่างน่าสังเวชเช่นนั้นแน่นอน เจ้าหมอนี่ขี้ขลาดตาขาวคิดจะกลับ เป็นไงล่ะ น่าอนาถแล้วไหมละ!”
สีหน้าของคนอื่น ๆ แห่งสำนักศึกษาหมอเทวดาต่างก็ซีดเผือดไป สถานการณ์ตอนนี้ทำได้แค่เดินไปต่อ คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าข้างล่างนั้นมีอันตรายใดซ่อนอยู่
สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมขึ้น นางกล่าวเสียงขรึมว่า “หลังจากที่ลงไปแล้ว ทุกคนต้องระวังตัวด้วย”
“อืม!”
ตุบ! ในที่สุดพวกเขาก็เดินมาสุดทางลาดเอียงนี้
ทว่า พลังวิญญาณของพวกเขาในตอนนี้กลับว่างเปล่าไปโดยสิ้นเชิง
พวกเขากลับกลายเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่เคยฝึกบำเพ็ญเท่านั้น ไร้พลังวิญญาณ พวกเขารู้สึกไม่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก และรู้สึกไม่ปลอดภัย
ผู้ที่รู้สึกคุ้นเคยที่สุดก็คงจะมีเพียงแค่มู่เฉียนซีแล้ว ถึงอย่างไรนางในชาติที่แล้วก็เป็นแค่คนธรรมดาที่ใช้ชีวิตอย่างคนไร้ซึ่งพลังวิญญาณมาก่อน
นางมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหินสีดำขลับ และบนหินเหล่านี้ก็กระบี่โบราณหลากหลายชนิดเสียบอยู่
กระบี่เหล่านี้ทั้งเก่าทั้งชำรุด ทว่าพลังวิญญาณอันน้อยนิดที่เหลืออยู่นั้นกลับไม่ควรมองข้ามได้เลย
มู่เฉียนซีกล่าว “ที่นี่คือสุสานกระบี่โบราณ!”
“สุสานกระบี่ นี่ล้วนแต่เป็นกระบี่วิญญาณระดับสูงทั้งนั้น!” ถึงแม้ว่าไป๋ชางจะกลิ้งตกลงมาจนหน้าเขียวช้ำ แต่เขากลับเดินมากล่าวอย่างนิ่งๆ
ดวงตาของเขาเปล่งประกายขึ้นมองไปที่กระบี่โบราณเหล่านั้น
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! ในตอนนี้เองกระบี่ทั้งหมดในสุสานกระบี่ก็เคลื่อนไหวขึ้น
กระบี่เหล่านั้นปรากฏขึ้นกลางอากาศ หากคมกระบี่ตกลงมา เกรงว่าพวกเขาจะต้องนองเลือดเป็นแน่
“หลบ!” มู่เฉียนซีรีบตะโกนขึ้น
ตูมตูม!
กระบี่เหล่านี้ตกลงมาจากกลางอากาศ และพุ่งเสียบเข้าไปในที่ต่าง ๆ
โชคไม่ดี หลบไม่ทันก็จะโดนกลิ่นอายของกระบี่นั้นทำให้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หากหลบทันก็จะมองข้ามไป
จินซ่านซานผู้ที่นับว่าเป็นคนโชคดีผู้นั้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีพลังวิญญาณ ความเร็วในการหลบหลีกช้า แต่กลับไม่โดนกระบี่นั้นทำให้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
จินซ่านซ่านกล่าว “พวกมันก็แค่ตกลงมาเท่านั้น ไม่ได้โจมตีแต่อย่างใด ทำให้คนตกใจเล่นสนุกมากรึไงกัน ?”
สีหน้าของมู่เฉียนซีกลับยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ “หากแค่ทำให้ตกใจก็ดีแล้ว เจ้าคิดว่ากระบี่โบราณที่หลับใหลมานานนับล้านปีเช่นนี้จะพูดได้เหรอ ?”
จินซ่านซ่านกล่าว “แล้วตกลงพวกมันจะทำสิ่งใดกันแน่ ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าพวกเจ้า ข้าจะฆ่าพวกเจ้า ของล้ำค่าทั้งหมดของพวกเจ้าจะต้องเป็นของข้า” ตอนนี้เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังขึ้น และเสียงหัวเราะนั้นแน่นอนว่าเป็นเสียงของไป๋ชาง
อ๊า!
จากนั้นทุกคนต่างก็อยู่ในความโกลาหล และได้เริ่มฆ่าฟันกันเอง
ปัง บูม บูม!
“เฉียนซี!” ตอนนี้ซวนอี้กัดลิ้นตัวเองเพื่อรักษาสติสุดท้ายของตัวเองเอาไว้
“รีบไป มิเช่นนั้นข้าจะลงมือกับเจ้าแล้ว!” กระบี่เงินเล่มนั้นของเขาถูกชักออกมาจากฝักแล้ว
ตอนนี้คนของสำนักศึกษาหมอเทวดา สำนักศึกษาจินซิน และสำนักศึกษาซวนเสียต่างก็เหมือนถูกปีศาจร้ายเข้าสิง ถึงแม้ว่าจะไม่มีพลังวิญญาณแต่พวกเขาก็ยังคงฆ่าฟันกันเอง
จินซ่านซ่านกล่าว “นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดพวกเขาถึงได้ลงมือฆ่ากันเองเช่นนี้ ?”
จินซ่านซ่านไม่ได้รับผลกระทบ สิ่งนี้กลับทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกประหลาดใจมาก
ฟึ่บ! ในตอนนี้เอง กลิ่นอายกระบี่ของซวนอี้ก็ถึงที่สุดแล้ว
โชคดีที่ตอนนี้พลังวิญญาณของทุกคนถูกยับยั้งลงแล้ว มิเช่นนั้นกระบี่เล่มนี้ของซวนอี้ปรากฏ นางยากที่จะหลบหลีกได้แน่
ปัง ปัง ปัง! ซวนอี้ยังคงไล่ลงมือกับมู่เฉียนซีอย่างรวดเร็วและรุนแรง
มู่เฉียนซีกวาดสายตามองไปที่กระบี่โบราณเหล่านี้ที่วางอยู่รอบ ๆ พวกเขา ทุกอย่างได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนที่กระบี่เหล่านี้ตกลงมา
นี่คือค่ายกลกระบี่ ค่ายกลกระบี่ที่ทำให้จิตใจคนสับสน
เป็นเพราะค่ายกลกระบี่นี้พวกเขาถึงได้ลงมือฆ่ากันเอง แต่นางก็ยังหาวิธีทำลายค่ายกลที่ตั้งใจรวบรวมกระบี่โบราณนี้ไว้ด้วยกันไม่ได้เลย
เช่นนั้นก็มีทางเดียวที่ต้องเดิน ก็คือจัดการกับพวกเขา
หากพวกเขาทุกคนมีพลังวิญญาณ คนคนเดียวจะจัดการคนหลายคน นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้ จัดการกับพวกเขาทั้งหมดก็ไม่ใช่เรื่องยาก ต่อสู้ระยะประชิด ใช้ทักษะพิษเข้าช่วยก็เพียงพอแล้ว
มู่เฉียนซีเอียงตัวหลบการโจมตีของซวนอี้ ในขณะเดียวกันนั้นเข็มยาสามเข็มก็ได้พุ่งออกจากมือของนางตัดผ่านอากาศไป
เผชิญหน้ากับอาวุธลับเช่นนี้ ซวนอี้ผู้ที่ไร้พลังวิญญาณแน่นอนว่าทำได้แค่ใช้กระบี่สกัดกั้น
แกร๊ง! แต่ในขณะที่เขากำลังสกัดกั้นนั้นก็มีเข็มยาขนาดเล็กและบางมากนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา และปักเข้าตรงแขนของซวนอี้
ตุบ! ซวนอี้ล้มลงไปกับพื้น
มู่เฉียนซีเดินไปข้าง ๆ เขาและกล่าวว่า “มันแค่ทำให้เจ้าหลับไปก่อนแค่ครู่หนึ่งเท่านั้น”
พลั่ก! นางผลักซวนอี้ไปหาจินซ่านซ่าน
“ข้าไม่หวังจะให้เจ้าต่อสู้ ดูแลเขาไว้ให้ดี”
ปัง ปัง ปัง! จากนั้นมู่เฉียนซีก็โยนคนมาอีกไม่น้อย และนางก็โยนได้อย่างแม่นยำจริง ๆ!
ภายใต้สถานการณ์ที่ไร้พลังวิญญาณเช่นนี้ หญิงสาวร่างเพรียวบางผู้นั้นก็เข้ามาในกลุ่มชายบ้าคลั่งที่กำลังขาดสติ ลงมือหนึ่งครั้งจัดการได้หนึ่งคน แข็งแกร่งดุจดั่งเทพแห่งสงครามก็มิปาน จินซ่านซ่านเห็นก็ตกใจนิ่งอึ้งไป
ตูม ปัง ปัง! ในตอนนี้เองกระบี่โบราณที่เสียบแทงบนพื้นดินเหล่านั้นก็ได้เคลื่อนไหวขึ้นอีกครั้ง
ค่ายกลกระบี่เปลี่ยนไปแล้ว มู่เฉียนซีนิ่งอึ้งไป ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดสิ่งใดขึ้น