ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 791 เข้าหุบเขาส่วนใน
จวินโม่ซียิ้มแล้วกล่าว “งั้นข่าวดีเช่นนี้ พวกเราควรจะฉลองกันให้ดีเสียหน่อยหรือไม่!”
มู่เฉียนซีมองไปที่จวินโม่ซีด้วยดวงตาทั้งคู่ที่ส่องประกาย มู่เฉียนซีแสยะมุมปากกล่าว “เจ้าตะกละนี่!”
ภายใต้การชักเหตุผลทั้งร้อยแปดของจวินโม่ซี มู่เฉียนซีมิได้ปฏิเสธ และให้เขาได้กินจนพอใจเป็นอย่างมาก
อย่างไรเสียหลังจากที่เข้ามาในหุบเขา พวกเขาก็ได้สัมผัสกับใจกลางของหุบเขาหมอเทวดาแล้วและในขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับอันตรายที่ใหญ่หลวงมากกว่าเดิม การที่จะมีเวลากินอาหารสักมื้ออย่างสบายๆก็น้อยลงไปกว่าเดิมนัก
การคัดเลือกของหุบเขาส่วนในของหุบเขาหมอเทวดาจะจัดขึ้นที่ตึกโอสถ
ตึกโอสถนั้นเคยเป็นบรรพบุรุษแห่งหนึ่งของหุบเขาหมอเทวดา มันถูกสร้างโดยเลียนแบบมาจากหอโอสถ
แต่ทว่ามันมิใช่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งมันยังไม่มีเครื่องกลไกวิญญาณที่ด้านใน เมื่อเทียบกับหอโอสแล้วช่างห่างไกลกันนัก
เจ้าหุบเขาส่วนนอกกล่าวประกาศขึ้น “ทุกคนเข้าไปในตึกโอสถ ในตึกโอสถมีทั้งหมดสามชั้น ไม่ว่าจะไปถึงขั้นใดก็ตาม ขอแค่ทำการสอบให้สำเร็จก็จะมีคุณสมบัติที่สามารถเข้าไปหุบเขาส่วนในได้”
ศิษย์ของหุบเขาส่วนนอกทั้งหมดล้วนเข้าไปในตึกโอสถ
หลังจากเข้าไปด้านในแล้วมู่ฉียนซีพบว่าแท้จริงแล้วตึกแห่งนี้ทดสอบพลังสมาธิของผู้เข้าสอบ
แต่ละชั้นมีแรงกดดันของพลังสมาธิไม่เหมือนกัน มีแต่เพียงต้องรับพลังกดดันนี้ให้ไหวถึงจะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้
เมื่อเทียบกับหอโอสถแล้วมันช่างเด็กเสียจริงเชียว
มู่เฉียนซีเดินขึ้นไปที่ชั้นสองได้อย่างง่ายดาย จวินโม่ซีเองก็เช่นกัน
จวินโม่ซีถามขึ้น “จะขึ้นไปชั้นสามหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “เพื่อประกันว่าเราจะผ่านไปได้อย่างสมบูรณ์ แน่นอนว่าต้องขึ้นไป”
สำหรับพวกเขาแล้วแรงกดดันสมาธิของชั้นที่สามนั้นไม่ได้ยากลำบากเลย
เมื่อตอนที่พวกเขาเดินขึ้นไปชั้นบนนั้น ผู้อาวุโสและเจ้าหุบเขาส่วนนอกก็ล้วนแต่ตะลึงงัน
“มีคนขึ้นไปชั้นที่สามได้ด้วยระยะเวลาที่รวดเร็วเช่นนี้แล้ว?”
“การคัดเลือกในครั้งนี้กลับมีลูกศิษย์ที่มีพลังสมาธิแข็งแกร่งเช่นนี้”
“ช่างเหนือความคาดหมายเสียจริง! แต่ทว่าการทดสอบของชั้นที่สามนั้นยากที่สุด มีพลังสมาธิดีก็ไม่แน่ว่าจะสามารถสอบผ่านได้อย่างราบรื่น!”
สำหรับนักปรุงยาผู้หนึ่งพลังสมาธิเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก แต่ทว่าพรสวรรค์ในการปรุงยานั้นก็มิอาจที่จะขาดได้
บนชั้นที่สามมีประตูอยู่ทั้งหมดเก้าบาน ในประตูแต่ละบานจะมีการทดสอบอยู่หนึ่งชนิด
จวินโม่ซีเดินไปที่หน้าประตูบานหนึ่งแล้วกล่าว “ข้าเข้าไปก่อนนะ แล้วมาดูกันว่าถึงตอนนั้นพวกเราสองคนใครจะเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบก่อน!”
มู่เฉียนซีผงกหัวกล่าว “ได้!”
หลังจากที่จวินโม่ซีได้เปิดประตูบานนั้นออก มู่เฉียนซีเองก็เปิดประตูอีกบานออกเช่นกัน
ภายในห้องนั้นมีล้อหมุนขนาดใหญ่ล้อหนึ่ง แล้วก็มีลูกดอกปาเป้าอยู่หนึ่งดอก ที่บนป้ายหินมีอักษรเขียนเอาไว้
“เมื่อหยิบลูกดอกขึ้นมาวงล้อขนาดใหญ่นั้นก็ได้เริ่มหมุนเองขึ้นมา หากลูกดอกไปปักลงที่จุดใดก็จะมีสูตรยาที่จะต้องสกัดในครั้งนี้ออกมาให้”
ไร้ซึ่งเครื่องกลไกวิญญาณจึงเห็นได้ชัดเลยว่ามันไม่ได้สะดวกสบายเหมือนกับที่หอโอสถ ไม่แปลกที่หุบเขาหมอเทวดาวางแผนที่จะยึดเอาหอโอสถมาเป็นของตนอยู่ตลอดเวลา
มู่เฉียนซีหยิบลูกดอกขึ้นมา จากนั้นวงล้อก็ได้เริ่มหมุน มู่เฉียนซีสะบัดข้อมือเบาๆลูกดอกนั้นก็ได้ไปปักเข้าบนที่แห่งหนึ่งของวงล้อนั้น
และใบสูตรยาใบหนึ่งก็ได้ลอยออกมา เมื่อมู่เฉียนซีเห็นเข้าก็ตะลึงงัน มันคือยาระดับปฐพีขั้นที่สาม
นี่มันมิใช่หลอกลวงกันหรือ?
มู่เฉียนซีพบว่าตนไม่ควรที่จะขึ้นมาบนชั้นที่สามกับจวินโม่ด้วยความใจร้อน เห็นได้ชัดเลยว่าระดับความยากของชั้นที่สามนั้นไม่น้อยเลย
จวินโม่ซีเป็นนักปรุงยาระดับสูงผู้หนึ่งที่เข้าใจและสามารถทุกสิ่งในใต้หล้า แต่กับนางนั้นมันไม่เหมือนกัน
การสกัดยาขั้นต่ำระดับที่สาม นางมิเคยสกัดมันมาก่อนโดยที่ไม่ใช้ยาเพิ่มพลังวิญญาณ แต่ทว่านางก็กะที่จะลองทำดู!
หากไม่ไหวจริงๆค่อยเพิ่มพลังวิญญาณเพื่อที่จะไปสกัดยาระดับปฐพีขั้นที่สาม
มู่เฉียนซีหยิบเอาส่วนประกอบของยาที่จำเป็นจะต้องใช้ออกมา จากนั้นก็ได้เริ่มลงมือสกัดยา หม้อพิษสามอสูรนั้นอยู่ในมือของผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดา มู่เฉียนซีมิได้ใช้หม้อเทพปาฮวางชิงมู่หรือหมอเทพนิรันดร์แต่อย่างใด
นางกลับใช้หม้อธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีพลังวิเศษใดทั้งสิ้น
ท้ายที่สุดแล้วนางมีพลังสมาธิที่เพียงพอแต่กลับขาดพลังวิญญาณ!
ตูม!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามู่เฉียนซีได้ทำให้ยาที่กำลังผสมอยู่นั้นระเบิดออกจากหม้ออย่างสวยงาม
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่างไรเสียก็ยังมีเวลาเหลืออีกไม่น้อย มู่เฉียนซีได้ใช้ยาที่มีฤทธิ์แรงกว่าเดิมแล้วทำการสกัดยาต่อไป
ตูม!
มันระเบิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เห็นได้ชัดเลยว่าการที่อยากจะสกัดยาที่มีคุณภาพสูงออกมาพลังความสามารถของตนเองก็จะต้องเพิ่มขึ้นตามให้ทันระดับด้วยถึงจะได้
แต่ครั้งนี้มู่เฉียนซีได้ถูกยาระดับต่ำขั้นที่สามขวางกั้นเอาไว้ มู่เฉียนซีได้โคจรพลังวิญญาณทั้งหมดไปสกัดยา และในตอนที่กำลังสกัดยาเม็ดระดับที่สามอยู่นี่เอง มู่เฉียนซีก็รู้สึกถึงพลังที่เต็มขั้นแล้วของระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สอง นางบรรลุขั้นเสียแล้ว
ทันใดนั้นพลังวิญญาณรอบด้านและพลังวิญญาณของหุบเขาหมอเทวดาก็พุ่งไปทางตึกโอสถแล้ววนล้อมอัดแน่นเหมือนฝูงผึ้งก็มิปาน นั่นทำให้เหล่าผู้อาวุโสแห่งหุบเขาหมอเทวดาตะลึงงัน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?
“มีคนบรรลุขั้นในตึกโอสถ!”
“มีคนผู้หนึ่งเข้าไปทำการสอบแล้วก็บรรลุขั้นพร้อมกันไปด้วย การดูดซับเอาพลังวิญญาณอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้เกรงว่าคงจะบรรลุจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่เก้าเสียแล้ว”
ในตอนนี้แม้แต่ผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาที่อยู่ส่วนลึกสุดของหุบเขาเองก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงผันผวนของพลังวิญญาณที่มีความแปลกประหลาดอยู่บ้าง
“ไปสืบดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
มู่เฉียนซีกำลังบรรลุขั้น และในเวลาเดียวกันกับที่บรรลุขั้นนั้น พลังสมาธิของนางก็ยังควบคุมหม้อปรุงยาเอาไว้อยู่เช่นเดิม และนางไม่ปล่อยให้พลังวิญญาณที่เหลือจากการบรรลุขั้นนั้นสิ้นเปลืองไปโดยเสียเปล่า นางได้เอาพลังส่วนที่เหลือนั้นอัดลงไปในการปรุงยา
เมื่อตัวยาดูดซับพลังวิญญาณได้มากพอ มู่เฉียนซีก็ได้ทำให้พลังของจักรพรรดิแห่งภูตระดับที่สามมั่นคงขึ้นมา จากนั้นก็ทุ่มเทพลังสมาธิทั้งหมดลงไปและสกัดส่วนสุดท้ายของยาเม็ดระดับปฐพีขั้นที่สามนี้ออกมาได้สำเร็จ
สำเร็จแล้ว! ครั้งนี้มิได้ล้มเหลว
มู่เฉียนซีพึมพำขึ้นมา “ดูแล้วการฝึกอย่างปีศาจร้ายของเจ้าเฒ่าประหลาดนั่นจะมีแผนการอื่นซ่อนเร้น ไม่เพียงแต่สามารถที่จะสงบจิตสงบใจปรุงยาภายใต้สถานการณ์ที่มีการต่อสู้อันตรายได้ แม้แต่ตอนที่บรรลุขั้นเองก็ยังเป็นประโยชน์”
พลังวิญญาณที่ด้านนอกได้เงียบสงบลงมาแล้ว ผู้อาวุโสกล่าวขึ้น “บรรลุขั้นสำเร็จแล้ว? แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถผ่านการสอบไปได้หรือไม่ นั่นเป็นถึงชั้นที่สามเชียว!”
เขาเพิ่งกล่าวจบ ก็มีผู้กล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ “มีผู้สอบผ่านในชั้นที่สามแล้ว!”
“เพิ่งจะบรรลุขั้นก็สอบผ่านในชั้นที่สามแล้ว มันจะเป็นไปได้อย่างไร?”
“ไหนเลยจะมีผู้ที่สามารถทำการทดสอบไปพร้อมกับการบรรลุขั้นได้ ถึงต่อให้เป็นท่านผู้เฒ่าก็ยังทำไม่ได้ คงจะสกัดยาสำเร็จไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่เพียงแค่ยังไม่ทันที่จะได้ตรวจดูพลังความสามารถก็เริ่มบรรลุไปอีกขั้น!”
“จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่”
มู่เฉียนซีได้ถูกตึกโอสถส่งตัวออกมา แต่ที่ด้านนอกยังไม่พบเงาของจวินโม่ซี!
มู่เฉียนซีเกิดความสงสัยว่าเจ้าหมอนั่นได้เอาขนมติดตัวเข้าไปด้วย และคงไม่สนใจการสอบไปช่วงเวลาหนึ่ง
นางเดาไม่ผิดจริงๆ จวินโม่ซีได้พกขนมเข้าไปกินด้วยจำนวนไม่น้อย และได้กินจนอิ่มอยู่ในห้องปรุงยาที่เงียบสงบนั้น
โชคดีที่ตึกโอสถแห่งนี้ไม่มีเครื่องกลไกวิญญาณ มิเช่นนั้นแล้วอาจจะได้สู้ตายกับจวินโม่ซีก็ไม่แน่ เพราะมีผู้ที่ดูถูกการทดสอบของมัน
เมื่อเวลาผ่านไปช้าๆจวินโม่ซีก็ได้รู้ตัวขึ้นมา “ดูเหมือนว่าใกล้จะหมดเวลาแล้ว ข้าต้องรีบหน่อยแล้วมิเช่นนั้นก็จะตกรอบ”
นักปรุงยาจวินได้ปรุงยาเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วแล้วออกไปที่ด้านนอก จากนั้นก็ได้พบมู่เฉียนซีเข้า
“ดูเหมือนว่าครั้งนี้ข้าจะค่อนข้างช้านะ!”
มู่เฉียนซีแสยะมุมปาก “ถ้าหากว่าข้าช้ากว่าเจ้าที่ไปกินขนมอยู่ด้านในตั้งครึ่งวัน เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว”
ไม่นานนักรายชื่อผู้ผ่านการทดสอบก็ออกมา มู่เฉียนซีกับจวินโม่ซีเป็นผู้ที่ขึ้นไปยังชั้นที่สามและทำการสอบจนสำเร็จสมบูรณ์ได้ แน่นอนว่าชื่อของพวกเขาจะต้องไปอยู่ในรายชื่อของผู้ที่สอบผ่าน
“นับแต่วันนี้ไป พวกเจ้าเป็นลูกศิษย์แห่งหุบเขาหมอเทวดา วันพรุ่งนี้ผู้อาวุโสแต่ละท่านของหุบเขาหมอเทวดาจะทำการคัดเลือกลูกศิษย์จากคนในบรรดาพวกเจ้า จงเตรียมตัวเสียให้ดี!”
“ขอรับ!”
หลังจากการสอบในครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ก็ได้มีผู้ไปรายงานแก่ผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดา
“รายงานท่านผู้เฒ่า ข้าได้ไปตรวจสอบมาชัดเจนแล้ว ในตอนที่มีการสอบที่ตึกโอสถได้มีศิษย์ผู้หนึ่งบรรลุขั้นในนั้น แต่ทว่าบนชั้นสามมีศิษย์ที่อยู่บนนั้นสองคนในเวลาเดียวกัน จึงไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดกันแน่”