ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 793 ค่าตอบแทนของเจ้าตะกละ
มู่เฉียนซีนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “ดังเหรอ ?”
“เจ้ายังไม่รู้ว่าเจ้าได้ลงมือกับบุตรชายของรองหัวหน้าหุบเขา ตั้งแต่คนตระกูลเจ้าท่านนั้นได้ทำให้หัวหน้าหุบเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ ตอนนี้อำนาจทั้งหมดของหุบเขาหมอเทวดาก็ตกอยู่ในมือของหัวหน้าเก๋อกุยท่านนี้” จวินโม่ซีกล่าว
“ต่อให้ข้ารู้ ข้าก็จะลงมือเช่นนั้นอยู่ดี”
“ตอนนี้พวกเขานำคนมาล้อมจัดการเจ้าไม่น้อยเลยนะ จักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าก็ไม่น้อย เจ้าคิดจะทำเช่นไร ?”
“ข้ายังมีเจ้าไม่ใช่เหรอ ?” มู่เฉียนซีมองเขาพลางกล่าว
“อาหารต่อจากนี้หนึ่งเดือน เป็นหน้าที่เจ้า!”
จะรับจ้างต่อสู้ทั้งที แน่นอนว่าจวินโม่ซีต้องฉวยโอกาสนี้ขอประโยชน์ให้กับตัวเอง!
มู่เฉียนซีแสยะมุมปากเล็กน้อยและกล่าวว่า “เจ้าสำคัญตัวมากเกินไปแล้ว มากสุดได้แค่หนึ่งวัน ข้ายังจะต้องฝึกบำเพ็ญ”
“สาวน้อย ถึงอย่างไรข้าก็เป็นคนยึดถือสัจจะเป็นใหญ่ เจ้าก็อย่าได้ไร้เมตตาเกินไปหน่อยเลยนะ!” จวินโม่บ่น
“หรือว่า ข้าจะคิดหาวิธีเองดี!”
“ไม่ ไม่ อย่านะ! เจ้าให้โอกาสข้าได้แสดงฝีมือครั้งนี้เถอะ ผลตอบแทนครึ่งเดือนเป็นเช่นไร ?” จวินโม่ซีกระวนกระวายใจขึ้น
“วันเดียว!”
“เจ็ดวัน!”
“สามวัน! มิเช่นนั้นก็เลิกพูด!”
จวินโม่ซีกัดฟันกรอดพลางกล่าว “สามวันก็สามวัน แม่ค้าหน้าเลือดจริง ๆ!”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เพราะฉะนั้น ท่านนักปรุงยาจวิน ในเมื่อรู้ว่าข้าเป็นแม่ค้าหน้าเลือด ต่อไปก็ทำตัวดี ๆ หน่อย อย่าได้ต่อรองกับข้าอีก เจ้าเหมาะกับการเป็นนักปรุงยาเจ้าตะกละมากกว่า การเจรจาต่อรองนั้นไม่เหมาะกับเจ้า!”
ใช้อาหารสามวันจ้างยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิผู้หนึ่ง มู่เฉียนซีคิดว่าไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวพวกคนข้างล่างกลุ่มนั้น
จะรุมอย่างนั้นเหรอ กลัวซะที่ไหนเล่า!
ในขณะที่ร่างร่างหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นที่ภูเขาด้านล่าง เหล่าสุนัขรับใช้เก๋อเหลียงกลุ่มนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมา “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่! สาวน้อยผู้นั้นลงมาแล้วขอรับ”
เก๋อเหลียงกล่าว “แล้วพวกเจ้ายังนิ่งกันอยู่ทำไมเล่า ตามมันไป!”
“พวกเจ้ากล้าลงมือก็ลองดู!” จวินโม่ขวางด้านหน้ามู่เฉียนซีเพื่อปกป้องคูปองอาหารสามวันนี้ของเขาเอาไว้
เก๋อเหลียงกล่าวว่า “นึกไม่ถึงว่าหญิงสาวหน้าตาอัปลักษณ์เช่นเจ้าจะมีบุรุษโผล่มาช่วย แต่หน้าตาอัปลักษณ์เช่นพวกเจ้าก็เหมาะกันดีนะ จัดการมันพร้อมกัน!”
จวินโม่ซีกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “หน้าตาอัปลักษณ์อย่างนั้นเหรอ หน้าตาเจ้าอย่างกับพวกสัตว์ปีกยังมีหน้ามาว่าคนอื่นอีก”
จวินโม่ซีผู้นี้ สำหรับเรื่องรูปร่างหน้าตาแล้วเขามีความมั่นใจในตัวเองมาก ครั้งแรกที่มีคนว่าเขาหน้าตาอัปลักษณ์เช่นนี้เขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้น
“เจ้าว่าไงนะ หน้าตาข้าดีดั่งหยกเช่นนี้ เจ้ากล้าว่าข้าหน้าเหมือนสัตว์ปีกอย่างนั้นเหรอ รนหาที่ตาย!”
“จับเจ้านี้สับร่างมันให้ละเอียดแล้วเอาไปโยนให้สัตว์ปีกกินเดี๋ยวนี้!”
เก๋อเหลียงถูกประจบสอพลอมาตั้งแต่เด็ก และเขาก็หลงตัวเองเป็นอย่างมาก เมื่อถูกด่าเช่นนี้แน่นอนว่าเขาต้องโกรธ
ปัง ปัง ปัง! ครั้นแล้วการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น
คนมากมายล้อมโจมตีจวินโม่ผู้เดียวเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าจะจัดการเขาไม่ได้!
“ไร้ประโยชน์ พวกเจ้ามันไร้ประโยชน์ แค่คนคนเดียวก็จัดการไม่ได้!”
“พี่ใหญ่ เขาเป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าเชียวนะขอรับ ประหลาดเกินไปแล้ว เป็นศิษย์ใหม่แต่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!”
“แล้วพวกเจ้าไม่ใช่ระดับเก้าเหรอ รุมมัน!” เก๋อเหลียงแผดเสียงด้วยความโกรธ
จวินโม่ซีโคจรพลังธาตุอัคคีขึ้น สถานที่การต่อสู้นี้ก็ดูเหมือนจะแย้มบานไปด้วยดอกไม้ไฟก็มิปาน ร่างขอพวกเขากระเด็นลอยไปทีละคน
จวินโม่ซีดึงมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “สาวน้อย เรียบร้อยแล้ว! เช่นนั้น……เอ่อ!”
“เจ้ารู้อยู่แล้ว!”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย “อืม! ข้ารู้แล้ว เจ้าอย่าเอาให้ถึงตายก็พอ!”
ครั้นแล้วสองคนนี้ก็กล้าวางตัวเป็นคู่อริกับเก๋อเหลียง และได้โบกมือจากไปเช่นนี้
เก๋อเหลียงตะโกน “จับตัวพวกมันเอาไว้!”
“พวกเจ้าตายกันหมดแล้วหรือไงห๊ะ ?”
“……”
สุนัขรับใช้กลุ่มนี้ถูกจวินโม่ซีโจมตีจนไร้กำลังต่อสู้แล้ว
เก๋อเหลียงกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง “ข้า……ข้าไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าไปแน่”
วันต่อมา มู่เฉียนซีเอาเม็ดยาขั้นปฐพีระดับสองส่งมอบ และได้ขึ้นไปชั้นสิบเอ็ดเพื่อฝึกบำเพ็ญในชั้นที่สูงกว่า จากนั้นก็ได้สังเกตค่ายกลของเขาโอสถ ส่วนจวินโม่ซีก็อยู่ข้างกายนาง
จวินโม่ซีกล่าว “เท่าที่เจ้าพูดมา ข้าเองก็รู้สึกว่าเขาโอสถแห่งนี้มีปัญหาจริง ๆ ข้าสงสัยว่าพลังวิญญาณของเขาโอสถทั้งหมดนี้ ไม่ได้เกิดจากการรวมตัวกันของสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ที่พวกเราเห็นเท่านั้น แต่น่าจะยังมีแกนกลางของสมุนไพรวิญญาณอันทรงพลังอยู่ด้วย”
“อีกอย่าง……” จวินโม่ซียังกล่าวไม่จบ มู่เฉียนซีก็กล่าวแทรกขึ้นว่า “อีกอย่าง ด้วยการจัดวางค่ายกลเช่นนี้ แม้แต่ผู้วางค่ายกลเองก็ไม่รู้ว่ามีแกนกลางของสมุนไพรวิญญาณอยู่ ก็แค่วางค่ายกลเข้าเป้าโดยบังเอิญเท่านั้น มิเช่นนั้นแล้วอัตราการใช้แกนกลางของสมุนไพรวิญญาณคงจะไม่ต่ำเช่นนี้”
จวินโม่กล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “เฮ้อ! สมกับที่เป็นเจ้านายของหม้อเทพนิรันดร์จริง ๆ หากให้เจ้าเติบโตยิ่งขึ้น ข้าก็คงจะไร้ประโยชน์แล้ว เนื้อย่างของข้า เนื้อย่างสีแดงของข้า ข้า……”
ใบหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำด้วยความโกรธ “ต่อให้ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า ข้าก็ไม่ให้เจ้าอดตายหรอกนะ!”
อีกอย่างก็เป็นถึงยอดปรมาจารย์นักปรุงยา ยังต้องมากลุ้มใจเรื่องกินอีกเหรอ ?
“นี่เจ้าพูดเองนะ!” ดวงตาของจวินโม่ซีเปล่งประกายขึ้น
“ข้าสนใจในแกนกลางสมุนไพรวิญญาณอันแข็งแกร่งนั้นมาก นั่นต้องเป็นของล้ำค่าอย่างแน่นอน จะต้องหามันให้เจอให้ได้” มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้น
“ถูกสาวน้อยอย่างเจ้าจับจ้อง ยังคิดว่าจะหนีพ้นเหรอ”
วันต่อมา เมื่อมู่เฉียนซีเดินลงจากภูเขาก็ถูกพวกเขาล้อมโจมตีอีกครั้ง และครั้งนี้ แม้กระทั่งยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิก็มาด้วย
ในตอนนี้ เก๋อเหลียงได้ยืนอยู่ข้างรูปร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่ง เขากล่าว “พี่ใหญ่ เป็นพวกมันที่โจมตีจนมีสภาพเช่นนั้น พี่ใหญ่ต้องแก้แค้นให้ข้านะ!”
“เหอะ! ครานี้พวกเจ้าต้องตายแน่!”
จวินโม่ซีกล่าว “จะทำยังไงดี ?”
ฝ่ายตรงข้ามพาพวกมามากมาย หากไม่อยากถูกเอาเปรียบ เขาอาจจะเปิดเผยพลังที่แท้จริงได้ มู่เฉียนซีมองไปที่ชายร่างสูงใหญ่ผู้นั้น “ศิษย์พี่ พวกท่านไม่เพียงแต่คนเยอะรังแกคนน้อย แต่ยังคิดจะรังแกผู้น้อยอีกอย่างนั้นเหรอ หุบเขาหมอเทวดาเป็นสถานที่ศึกษาแห่งหนึ่ง ข้าเพิ่งจะเข้ามาได้ไม่นาน เหตุใดถึงได้พบว่าหุบเขาหมอเทวดากลายเป็นสถานที่สู้รบตีกันซะแล้วล่ะ”
เก๋อซือกล่าว “ศิษย์น้อง นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าไม่เพียงแต่จะรู้จักการสู้รบ แต่ยังมีรู้จักพูดอีกด้วย หุบเขาหมอเทวดาล้วนแต่เป็นผู้มีคุณสมบัติผู้ดี อ่อนโยนและมีเมตตาจิตมาโดยตลอด แน่นอนว่าจะไม่ลงมือกับเรื่องที่ไม่ควรลงมือ แต่เจ้ามารังแกน้องชายของข้า ในฐานะพี่ชาย หากว่าข้าไม่สนใจ ก็จะทำให้น้องชายของข้าเสียใจแย่นะสิ”
“เพราะฉะนั้น จึงทำได้เพียงแค่ ทำให้ศิษย์น้องนักปรุงยาเจ็บเนื้อเจ็บตัวเสียแล้ว”
เก๋อเหลียงผู้นี้ยังไม่ได้เรียนรู้ถึงแก่นแท้ของหุบเขาหมอเทวดา แต่คนตรงหน้าผู้นี้นั้นได้เรียนรู้ไปส่วนหนึ่งแล้ว
ไร้ยางอายสิ้นดี! ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษมีคุณสมบัติผู้ดี อันที่แท้ก็เป็นผู้ดีจอมปลอม!
มู่เฉียนซีกล่าว “ในเมื่อพวกเจ้าอยากจะต่อสู้ เช่นนั้นก็รีบลงมือเถอะ!”
มู่เฉียนซีกระซิบข้างหูจวินโม่ซีว่า “ถ้าสู้ไม่ได้ก็หนี หากสู้กับคนพวกนี้แล้วต้องเปิดเผยพลังที่แท้จริงมันจะไม่คุ้ม พวกเราใช้ความพยายามอย่างมากว่าจะเข้ามาได้ ในหุบเขาหมอเทวดานี้ใหญ่มาก ข้าไม่เชื่อว่าจะหาโอกาสฆ่าพวกมันไม่ได้”
จวินโม่ซียิ้มพลางกล่าว “เอาตามที่เจ้าบอก!”
ตูม! ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มต่อสู้ขึ้นมา ชั่วครู่หนึ่งก็ไม่อาจสลัดหลุดออกมาได้
ฝ่ายตรงข้ามมีมหาจักรพรรดิไม่น้อยเลย หากพวกเขาไม่เผยไม้ตายออกมาก็ยากที่จะเอาชนะได้
มู่เฉียนซีได้วางแผนทางหนีทีไล่เอาไว้แล้ว แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงอันโกรธเกรี้ยวเสียงหนึ่งดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”
“มาต่อสู้กันที่เขาโอสถสถานที่ฝึกฝนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เสียงดังเอะอะโวยวาย นี่พวกเจ้ากำลังทำให้หุบเขาหมอเทวดาของข้าอับอายขายหน้านะ”