ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 854 ใจเต้นมิสู้ลงมือทำ
ในที่สุดหุบเขาหมอเทวดาก็ได้ถูกเก็บกวาดสะอาดเกลี้ยงเป็นที่เรียบร้อย มู่เฉียนซีได้สั่งให้คนของหอหมอปีศาจกลับมา
“นายท่าน!”
“ท่านผู้นําตระกูล!”
“…….”
เมื่อพวกเขาเห็นว่ามู่เฉียนซีไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด สีหน้าของพวกเขาก็ได้เผยแววแห่งความยินดีออกมา
มู่เฉียนซีกล่าว “รีบนำตัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไปทำการรักษา ส่วนเจ้าเฒ่านี่ เอาตัวมันกลับไปที่หอหมอปีศาจ และกระจายข่าวออกไปด้านนอกว่าหุบเขาหมอเทวดาได้ถูกพวกเราหอหมอปีศาจทำลายล้างไปแล้ว ส่วนผู้เฒ่าหมอเทวดาได้หนีไปพร้อมกับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์!”
“มู่เฉียนซี เจ้ามันไร้ยางอาย!” ผู้เฒ่าหมอเทวดานั้นโกรธเสียจนแทบจะกระอักเลือดออกมา
ในตอนนี้เขาได้กลายเป็นนักโทษแล้ว แต่ยังกลับให้เขาแบกรับภาระนั้นเอาไว้อีก
รอจนเมื่อมู่เฉียนซีได้สั่งการเสร็จสิ้น จิ่วเยี่ยก็ได้กอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่นอย่างแกร่งกร้าวและหายวับไปต่อหน้าของทุกคน
โม่จิ่นกล่าวอย่างจนปัญญา “แล้ว….ทำไมผู้ที่ต้องคอยมาเก็บกวาดงานในตอนท้ายต้องเป็นข้า?”
แต่เขาก็ไม่มีความกล้าพอที่จะไปรั้งผู้ยิ่งใหญ่ผู้นั้นเอาไว้ เขาจึงทำได้เพียงแต่ยอมรับชะตากรรม!
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “จิ่วเยี่ย ข้าหาชิ้นส่วนชิ้นที่สองของสุ่ยจิงอิ๋งพบแล้ว….อื้อ….”
จิ่วเยี่ยไม่สนใจว่ามู่เฉียนซีจะหาสิ่งใดพบ เขาต้องการเพียงแค่อยู่ใกล้ชิดกับนาง
เหมือนกับดั่งเสพติดก็มิปาน แต่มันก็ยังมิเพียงพอต่อความต้องการ
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความโกรธเคือง “หวงจิ่วเยี่ย เจ้ายังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่! ข้านั้นเพิ่งเหนื่อยล้ามาอย่างที่สุด เจ้ายังจะมาทำล่วงเกินเช่นนี้อีก…..”
จิ่วเยี่ยตะลึงค้าง เขากล่าว “เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าฟื้นฟูขึ้นมา!”
เขาอุ้มมู่เฉียนซีเข้าไปในบ่อน้ำพุร้อนแห่งหนึ่ง ตรงจุดที่มือของเขาไปสัมผัสถึงก็ได้มีพลังวิญญาณไหลเข้าไปในร่างของมู่เฉียนซี
พลังที่แห้งแล้งเริ่มฟื้นฟูขึ้นมาด้วยฝีมือของจิ่วเยี่ย!
แต่นิ้วมือที่ตกลงไปอยู่บนผิวของนางนั้น มิได้มีจุดหมายเพียงช่วยมู่เฉียนซีฟื้นฟูพลัง แต่มันกลับกำลังหยอกล้อกับเส้นประสาทของนาง ทำให้นางไม่สามารถควบคุมตัวได้ไปทั่วทั้งตัว……
เมื่อมู่เฉียนซีเรียกสติคืนมาได้บ้างเล็กน้อยก็ได้จับจิ่วเยี่ยเอาไว้แล้วถามขึ้น “นี่….นี่ใครสอนเจ้ามาอีก?”
เมื่อก่อนจิ่วเยี่ยทำเช่นนี้ไม่เป็นอย่างแน่นอน!
“จื่อโยว!” คำพูดง่าย ๆ เพียงสองพยางค์ จิ่วเยี่ยก็ได้ทรยศต่อลูกสมุนผู้ซื่อสัตย์
“จื่อโยว!” มู่เฉียนซีกัดฟันแล้วกล่าวคำสองคำนี้ออกมา
“คราหน้าหากได้เจอเขา ข้าจะสับเจ้าหมอนั่นให้ละเอียดแล้วเอาไปให้สุนัขกิน”
จิ่วเยี่ยกล่าว “ซีจะมีโอกาสนั้นอย่างแน่นอน!”
จื่อโยวในแดนตะวันออกแห่งโลกทั้งสี่ทิศที่กำลังทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่จู่ ๆ ก็พลันรู้สึกหนาวสันหลังขึ้นมา
จิ่วเยี่ยมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างเงียบงันแล้วกล่าว “ในตอนนี้ซีมีแรงที่จะด่าผู้อื่นแล้ว พลังความสามารถเองก็ฟื้นฟูแล้ว เช่นนั้น…..”
“ไม่!”
“ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก!”
จิ่วเยี่ยใช้เหตุผลอันชอบธรรมนี้เพื่อหยุดการปฏิเสธของมู่เฉียนซี และจูบนางเหมือนดั่งสายฝนที่กำลังร่วงโรยลงมา….
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หุบเขาหมอเทวดาได้ถูกทำลายไปแล้ว ผู้นำตระกูลมู่ก็ได้หายตัวไป หัวหน้าหอหมอปีศาจเองก็ได้หายตัวไปเช่นกัน
ส่วนหัวหน้านักปรุงยาจวินในตอนนี้ถึงจะกำลังกร่นด่าสาปแช่งคนซ้ำไปวนมาอยู่ก็ตาม แต่เขาก็ได้เพียงแต่ไปทำงานอันวุ่นวายต่อกับผู้ดูแลโม่
ไม่นานนัก ข่าวที่หอหมอปีศาจไปทำลายล้างหุบเขาหมอเทวดาก็ได้กระจายออกไป
“หอหมอปีศาจทำลายล้างหุบเขาหมอเทวดา นี่มันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?”
“ในตอนนี้ทางหุบเขาหมอเทวดาไม่มีใครก้าวออกมากล่าวอะไรทั้งสิ้น แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องจริงอย่างแน่แท้!”
“ได้ยินมาว่าผู้เฒ่าหมอเทวดาได้นำมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์หนีไปด้วย แล้วก็ไม่รู้ว่าได้หนีไปยังหนใดแล้ว? แต่ทว่าค่ายกลส่งระยะไกลของแดนใต้ยังซ่อมไม่เสร็จดี เขาน่าจะยังมิได้หนีออกจากแดนใต้ไป”
“ในข่าวลือว่ากันว่า ผู้เฒ่าหมอเทวดาได้ใช้ควันพิษขับไล่ผู้ที่เข้าไปในหุบเขาหมอเทวดาทุกคนออกมา คนของหอหมอปีศาจใช้วิธีการใดในการทำลายล้างหุบเขาหมอเทวดากันแน่?”
“หอหมอปีศาจก็มีหมอปีศาจอย่างไรเล่า! บางทีเขาอาจจะสามารถสกัดยาที่สามารถล้างพิษออกมาได้ จึงทำให้ยอดฝีมือที่เข้าไปในนั้นไม่ต้องพิษเข้า!”
“ใช่ ๆ ๆ จะต้องเป็นเช่นนี้แน่”
เมื่อข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไป คนจำนวนไม่น้อยก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปในหุบเขาหมอเทวดาได้ต้องพิษเข้า พิษนั้นทั้งแดนใต้ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะแก้ได้
ไม่ว่าจะมีพลังความสามารถแข็งแกร่งมากเพียงใด อย่างมากก็คงทำได้เพียงยื้อเวลาให้มีชีวิตต่อไปได้อีกหนึ่งเดือนเท่านั้น หลังจากเมื่อถึงหนึ่งเดือนแล้วยังไม่สามารถควบคุมพิษเอาไว้ได้ เช่นนั้นก็มีแต่ความตายสถานเดียวแล้ว
“หมอปีศาจ ข้าจะไปหอหมอปีศาจเพื่อพบหมอปีศาจ!”
“ข้าต้องการพบหมอปีศาจ!”
“ข้า…”
“……”
ยอดฝีมือที่ได้เข้าร่วมในหุบเขาหมอเทวดาทั้งหมดล้วนแต่รีบมุ่งไปที่หอหมอปีศาจ
บัดนี้พวกเขาไม่สนใจแล้วว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จะไปอยู่ที่แห่งหนใด พวกเขาคิดแต่เพียงอยากที่จะรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้เท่านั้น
ดังนั้นแล้วในช่วงหลายวันนี้ ที่หอหมอปีศาจจึงล้นหลามไปด้วยผู้คน อีกทั้งผู้ที่มาเยือนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นยอดฝีมือขั้นสูงเป็นอย่างมากเสียด้วย ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่ผู้ที่เป็นผู้ควบคุมสำนักนิกายระดับที่สองก็ยังมี
โม่จิ่นกล่าว “ช่วงหลายวันนี้หมอปีศาจไม่มีเวลา สิ่งที่หลาย ๆ ท่านอยากจะถามค่อยมาเอาวันอื่นเถิด!”
“นี่เป็นเรื่องที่สำคัญถึงชีวิตเชียว! พวกเราจะไปรอได้อย่างไร!”
“ให้หมอปีศาจออกมา!”
“รีบให้เขาออกมาเร็วเข้า!”
เนื่องด้วยเรื่องนี้เกี่ยวกับชีวิตของพวกเขาเอง พวกเขาจึงร้อนรนเป็นอย่างมาก
โม่จิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าหากว่าพวกเจ้าอยากจะกลายเป็นศัตรูกับหอหมอปีศาจของข้า ก็จงสร้างความวุ่นวายต่อไป!”
พวกเขาเงียบลงทันใด เป็นศัตรูกับหอหมอปีศาจพวกเขาจะไปกล้าได้อย่างไร?
ปัจจุบันนี้หอหมอปีศาจมีอิทธิพลอย่างมากในแดนใต้ กำลังทรัพย์เองก็อุ่นหนาฝาคั่ง
มาตอนนี้ยังได้ทำลายล้างหุบเขาหมอเทวดาอีก ตอนนี้หอหมอปีศาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่จะสามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้
หากพวกเขาเป็นศัตรูกับหอหมอปีศาจ เช่นนั้นก็เท่ากับรนหาที่ตาย
“ผู้ดูแลโม่อย่าได้โมโหไปเลย พวกเราก็เพียงแค่ร้อนใจเท่านั้น!”
“ใช่แล้ว! ผู้ดูแลโม่อย่าได้โกรธเคือง พวกเรายินดีที่จะรอ นานเท่าไรก็รอ ขอแค่เพียงหมอปีศาจจะปรากฏตัวขึ้นมาเท่านั้น!”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว!”
พวกเขายิ้มอย่างประจบสอพลอ
มู่เฉียนซีเองก็ไม่รู้ว่านางได้หลับไปนานเท่าไร เมื่อตื่นขึ้นมาก็ได้เห็นใบหน้าอันงดงามที่อยู่ติดกับตนเองนั้น งดงามเสียจนไร้ที่ติ
พอตื่นขึ้นมาก็เห็นความงดงามเช่นนี้ ช่างน่ารื่นรมย์มาก แต่เมื่อมองดูรอยเขียวช้ำบนร่างกายของนาง ไม่ว่าจะงดงามไปอีกมากเพียงใดนางก็มิอาจที่จะสะกดความโกรธของตนเองเอาไว้ได้
มู่เฉียนซีกำลังจะถีบจิ่วเยี่ยลงไป “จิ่วเยี่ย เจ้าไสหัวไป!”
แต่ปรากฏว่าขาทั้งสองข้างของนางได้สกัดเอาไว้โดยที่จิ่วเยี่ยมิได้ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยสิ่งใหญ่ยักษ์ นางจึงได้เหวี่ยงกำปั้นเข้าไปในทันที!
แต่ก็ปรากฏว่ากำปั้นนั้นก็ได้ลอยอยู่กลางอากาศ แขนและขาทั้งสองข้างของมู่เฉียนซีถูกจับเอาไว้ในทันที
ดวงตางสีฟ้าอันเย็นยะเยือกคู่นั้นมองมู่เฉียนซีอย่างลึกซึ้ง “ซีมุทะลุตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้ ทำให้ข้าใจเต้นนัก…..”
“ใจเต้น!” มู่เฉียนซีกัดปากกล่าวคำสองคำนี้ออกมา
บุรุษผู้ที่อยู่ตรงหน้านางผู้นี้แข็งแกร่งเกินไปนัก ไม่ว่านางคิดที่จะถีบเขาลงเตียงไปอย่างไรก็ตาม มันก็กลับทำได้ยากยิ่ง
มู่เฉียนซียิ้มและกล่าว “เช่นนั้นองค์ชายจิ่วเยี่ย พระองค์จงบอกมาว่าใจเต้นเช่นไร?”
มือของจิ่วเยี่ยได้สัมผัสลงไปบนริมฝีปากของจิ่วเยี่ย และมองที่มู่เฉียนซีอย่างจริงจัง
“ใจเต้นจนขั้นที่อยากจะกลืนกินซีไปทั้งหมดไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูกชิ้นเดียว”
หัวใจของมู่เฉียนเต้นอย่างระทึกขวัญจนน่าขนลุก เพราะว่าจิ่วเยี่ยกล่าวด้วยอาการที่ดูจริงจังเล็กน้อย ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ได้โอกาส เมื่อพลังวิญญาณโคจรขึ้นมา นางก็หลุดออกมาได้ และกดทับจิ่วเยี่ยเอาไว้อยู่ด้านล่าง
แน่นอนว่าองค์ชายจิ่วเยี่ยจะไม่ยอมให้ตนเองถูกกดทับอยู่ด้านล่าง เขาคิดที่จะตอบโต้กลับแต่ปรากฏว่ามู่เฉียนซีได้นำเข็มยาขึ้นมาเข็มหนึ่ง!
“แม้ว่าทุกคนมักจะบอกว่าใจเต้นไม่สู้ลงมือทำ แต่ทว่าจิ่วเยี่ยเจ้าอย่าได้ทำอะไรหุนหันพลันแล่นเชียว! มิเช่นนั้นข้าเอาเข็มนี้ทิ่มลงไปเพียงเข็มเดียว เจ้าได้เป็นขันทีไปตลอดชีวิตแน่” มู่เฉียนซียิ้มอย่างโอหัง
ในที่สุดนางก็ได้จุดยืนของตนเองกลับมาเสียที!