ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 856 งานเลี้ยงฉลอง
“นายท่าน!” บุรุษรูปงามในชุดคลุมสีม่วงเข้มเดินเข้ามาในห้องหนังสือของมู่เฉียนซีและเรียกเบา ๆ
มู่เฉียนซีเงยหน้ามองเขา “มีข่าวจากทวีปเหยียนโจวมาหรือยัง?”
โม่จิ่นพยักหน้า “เจ้าสำนักเฝินส่งข่าวมาว่าให้ขุมกําลังใหญ่ร้อยสํานักมุ่งหน้าไปยังสำนักเฝินเยี่ยนเพื่อปรึกษาหารือกันเรื่องค่ายกลส่งระยะไกล”
หลังจากหาหินแห่งมิติเสร็จ ก็ควรถึงเวลาแล้วที่จะหารือกันเรื่องการซ่อมแซมค่ายกลส่งระยะไกล
แต่เนื่องจากการปรากฏตัวของสุ่ยจิงอิ๋งทําให้แผนการเดิมของเขายุ่งเหยิง
ผู้คนทั้งหมดต่างก็มุ่งความสนใจไปที่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ต่อสู้กันมาอยู่นานจนทำให้เรื่องเกี่ยวกับค่ายกลส่งระยะไกลล่าช้าออกไป
มู่เฉียนซีพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะรีบออกเดินทางกลับทวีปเหยียนโจวทันที”
ที่นางนั้นมีหินแห่งมิติอยู่มากมาย!
การเสาะหาหินแห่งมิติในครั้งนี้ แม้จะพบเจอกับมังกรปีศาจจ่านคงที่น่ากลัวนั่น ทว่ากลับได้รับผลประโยชน์มากมาย
ก่อนที่สุ่ยจิงอิ๋งจะทําลายหอศิลา สุ่ยจิงอิ๋งได้ย้ายหินแห่งมิติทั้งหมดเข้าไปในมิติของนาง
การหารือของสํานักเฝินเยี่ยน ตอนนี้มีหุบเขาหมอเทวดาหายไปหนึ่งสำนัก ส่วนสำนักอื่น ๆ ก็กำลังทยอยกันมาอย่างต่อเนื่อง
และหอหมอปีศาจก็เป็นอีกครั้งที่มาช้า
ตอนนี้ไม่มีใครกล้าที่จะคัดค้านและพูดอะไรเกี่ยวกับหอหมอปีศาจที่ไม่ใช่สำนักนิกายระดับสองอีกต่อไป
แม้ว่าตอนนี้หอหมอปีศาจจะไม่ใช่กองกำลังสำนักนิกายระดับสอง แต่พวกเขาก็ยังน่ากลัวกว่ากองกำลังสำนักนิกายระดับสอง
ในเวลานี้มีคนมารายงานข่าวว่า “หัวหน้าหอหมอปีศาจ ปรมาจารย์จวินหัวหน้านักปรุงยาแห่งหอหมอปีศาจและผู้ดูแลโม่แห่งหอหมอปีศาจได้มาถึงแล้ว!”
ดวงตาของทุกคนเปล่งประกาย หัวหน้าหอหมอปีศาจผู้ลึกลับนั่น ในที่สุดก็มาถึงแล้ว!
เงาร่างสีเขียวอ่อนปรากฏขึ้นตรงหน้าของทุกคน ชายหนุ่มที่งดงามไร้ที่ติเหมือนดั่งปีศาจ
ผมยาวสีเขียวอมเทาลื่นไถลลงมาราวกับผ้าไหม ทุกการเคลื่อนไหวล้วนแฝงไว้ด้วยความมีชีวิตชีวาจนทําให้ผู้คนตกตะลึง
ด้านหลังของเขามีคนสี่คน ผู้หนึ่งเป็นชายชุดดําสวมหน้ากาก หน้ากากปีศาจนั้นทําให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกที่ไม่เหมือนของคนบนโลกมนุษย์นั้น ทําให้ห้องโถงใหญ่ดูราวกับจะถูกแช่แข็ง
บุรุษอีกผู้หนึ่งสวมชุดพลิ้วไหวสีขาวไม่เปื้อนฝุ่นราวกับเทพเซียนก็มิปาน ทําให้ผู้คนไม่กล้าดูหมิ่น
โม่จิ่นผู้หล่อเหลาและชั่วร้ายเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย แต่อีกสามคนนั้นล้วนไม่ธรรมดา!
พวกเขานั่งลงในพื้นที่ของหอหมอปีศาจ และทุกคนก็ยังไม่ได้ก้าวออกมาจากท่ามกลางการมองเห็นที่ไม่ธรรมดานี้
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “เจ้าสํานักเฝิน ถึงเวลาแล้ว สามารถปรึกษากันได้หรือยัง?”
เสียงนั้นเย็นเฉียบราวกับสายน้ำที่ไหลผ่านภูเขา ทําให้ทุกคนตื่นจากภวังค์
เจ้าสํานักเฝินกล่าว “ได้!”
เขามองไปที่ทุกคน “การเสาะหาหินแห่งมิติในครั้งนี้ ข้าคิดว่าทุกท่านคงจะได้รับผลประโยชน์กัน ทุกกองกำลังใหญ่จงมอบหินแห่งมิติออกมาสิบก้อน เพื่อใช้ในการซ่อมแซมค่ายกลส่งระยะไกล”
“สิบก้อน นั่นเท่ากับว่าเกือบหนึ่งพันกว่าก้อน ต้องการมันมากขนาดนั้นเลยจริง ๆ เหรอ?”
“นี่มันจะมากเกินไปแล้วกระมัง! หินแห่งมิติมีค่ามาก!”
“……”
เจ้าสํานักเฝินกล่าว “หรือว่าพวกเจ้าไม่เชื่อใจข้า! การซ่อมแซมค่ายกลส่งระยะไกลต้องใช้หินแห่งมิติจํานวนมาก ถ้าไม่พอ ก็จําเป็นต้องเพิ่มมัน”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าสำนักเฝินพูดถูก การซ่อมค่ายกลต้องใช้หินแห่งมิติมากมายขนาดนี้ ข้าเชื่อใจเจ้าสํานักเฝิน นี่เป็นหินแห่งมิติของหอหมอปีศาจของพวกเรา ขอเจ้าสำนักเฝินจงรับไว้”
มู่เฉียนซีหยิบหินแห่งมิติออกมาสิบก้อนอย่างมีความสุข อีกทั้งทุกคนยังพบว่าหินแห่งมิตินี้ใหญ่และบริสุทธิ์กว่าที่พวกเขาพบมาก
พวกเขาอดทอดถอนใจไม่ได้ หอหมอปีศาจจะไม่ใช่หอหมอปีศาจแล้วกระมัง! เขาหยิบหินแห่งมิติสิบก้อนออกมาโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตา มันช่างมั่งคั่งร่ำรวยเสียจริง ๆ!
เมื่อหอหมอปีศาจส่งมอบให้ได้อย่างสบาย ๆ คนเหล่านั้นที่เดิมคิดอยากจะเจรจาต่อรองก็ต้องหุบปากลงเช่นกัน
แต่ละคนได้ส่งมอบหินแห่งมิติสิบก้อนออกมาให้ เจ้าสํานักเฝินมองมู่เฉียนซีด้วยความซาบซึ้งใจ ต้องขอบคุณหมอปีศาจที่เข้าใจดีและมีคุณธรรม! มิฉะนั้นคงจะไม่ราบรื่นเช่นนี้อย่างแน่นอน
ให้พวกเขาหาของนั้นง่ายมากแต่จะให้พวกเขานําสมบัติของพวกเขาออกมา นั่นไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเหมือนกับการถูกตัดเนื้อ และไม่ได้เป็นเรื่องง่าย!
แต่ตอนนี้หอหมอปีศาจเป็นผู้นำที่ดี พวกเขาจึงไม่กล้าพูดพล่ามไร้สาระต่ออีกเลย
เมื่อเก็บหินแห่งมิติเสร็จ เจ้าสำนักเฝินก็กล่าวว่า “ข้าจะนําหินแห่งมิติไปเชิญปรมาจารย์เฉียด้วยตัวเอง จะไม่ทําให้ทุกคนผิดหวังอย่างแน่นอน”
ทุกคนก็พูดกันอย่างมีน้ำใจ “เช่นนั้นก็คงต้องลําบากเจ้าสํานักเฝินแล้ว”
เรื่องนี้ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว เรื่องต่อไปเจ้าสํานักเฝินน่าจะจัดการได้
มู่เฉียนซีกลับมาที่ทวีปเสียโจว ที่แห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของหอหมอปีศาจที่นอกทวีปเซี่ยโจว
งานเลี้ยงฉลองของหอหมอปีศาจของพวกเขาก็จัดขึ้นที่นี่เช่นกัน
ในทวีปเสียโจว สํานักศึกษาซวนเสียเป็นสถานที่ที่ดีที่สุด
มู่เฉียนซียังได้ส่งจดหมายเชิญไปยังสํานักศึกษาอันดับหนึ่งของทวีปเหลยโจวอีกด้วย สํานักศึกษาซวนเสียมีแขกผู้มีเกียรติมามากมาย ทั่วทั้งสํานักซวนเสียจึงคึกคักขึ้น
หอหมอปีศาจจัดงานเลี้ยงอย่างหรูหรา ใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุด สมุนไพรวิญญาณทุกชนิดราวกับแจกให้เปล่าไม่เอาเงิน และยังมีเหล้าสมุนไพรที่มีรสชาติกลิ่นหอมนุ่มนวล
มีการปิ้งย่างกลางแจ้งและนําเนื้อสัตว์วิญญาณระดับสูงมาให้ทุกคนที่ได้เห็นต้องน้ำลายไหล
ฟ้ายังไม่ทันจะสาง ทั้งสํานักศึกษาก็ครึกครื้นขึ้นมา
และวันนี้หอหมอปีศาจที่อยู่ทางใต้ทั้งหมดก็ได้ปิดร้าน ช่วยไม่ได้ หาเงินได้มากก็มักเอาแต่ใจตัวเอง!
งานเลี้ยงยังไม่เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ แขกรับเชิญที่ได้รับเชิญก็มารวมตัวกันแล้ว
อันดับแรกมู่เฉียนซีได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ และมาประกาศเริ่มต้นงานเลี้ยงในครั้งนี้ในฐานะหัวหน้าหอหมอปีศาจ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หอหมอปีศาจพัฒนาขึ้นในแดนใต้ ไม่ถึงครึ่งปีก็ประสบความสําเร็จถึงเพียงนี้ ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแรงร่วมใจกัน และขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ช่วยเหลือข้าอย่างสุดความสามารถ ข้าขอดื่มให้ทุกคน”
ทุกคนยกแก้วขึ้นแล้วยิ้ม “นี่ก็ล้วนเป็นความสามารถที่ไม่ธรรมดาของหัวหน้าหอ!”
“หอหมอปีศาจของพวกเราประสบความสําเร็จเช่นนี้ ทั้งหมดก็ล้วนเป็นเพราะมีหัวหน้าหอเป็นผู้นำ”
“ฮ่า ๆ! หอหมอปีศาจประสบความสําเร็จเช่นนี้ พวกเราไม่ได้ช่วยอะไรเลย พูดไปก็ละอายใจ!”
เหล้าแก้วหนึ่งดื่มรวดเดียวหมด และทุกคนก็ล้วนมีรอยยิ้มบนใบหน้า
ดวงตาสีฟ้าเย็นเยือกคู่นั้นจับจ้องมู่เฉียนซีที่กําลังดื่มสุราอยู่ เพียงครั้งนี้เท่านั้น
การปรากฏตัวของหมอปีศาจผู้มีชื่อเสียง ไม่นานเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ทุกคนต้องการที่จะรั้งเอาไว้ แต่หมอปีศาจก็เร็วเกินไปจริง ๆ
หัวหน้านักปรุงยาจวินเงยหน้ามอง ในที่สุดก็เห็นมู่เฉียนซีกลับมาแล้ว
แต่สุดท้าย! เขากลับกลายเป็นอารมณ์เสียมาก
เพราะเขาไม่สามารถแย่งเนื้อย่างได้เลย ใครใช้ให้เขาอ่อนแอเกินไป
ภายใต้คําเตือนที่เคร่งขรึมของมู่เฉียนซี จิ่วเยี่ยไม่ได้คิดที่จะย่างเนื้อย่างด้วยตัวเอง
มู่เฉียนซีกลัวเขามาก ถ้าจิ่วเยี่ยลงมือทำอะไรขึ้นมาจริง ๆ งานเลี้ยงฉลองของนางคงได้กลายเป็นฉากหายนะไปแล้ว
ในเมื่อไม่จําเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง จึงเป็นธรรมดาที่จิ่วเยี่ยจะขัดขวางคนที่พยายามจะขโมยเนื้อย่างของมู่เฉียนซี
เขากินอย่างสง่างามและยังป้อนให้มู่เฉียนซีกินอีกด้วย ช่างเป็นการเติมเต็มคะแนนความเกลียดชังได้สูงมาก
จวินโม่ซีรู้สึกเศร้าสลดและจ้องมองจิ่วเยี่ยด้วยความโกรธ
“มู่เฉียนซี ยินดีด้วย!” เหลยหมิงยกแก้วสุราขึ้นมาแล้วยิ้ม
จิ่วเยี่ยยืนขึ้นและพูดอย่างไม่แยแส “ซีไม่ดื่มสุรากับใคร เจ้าไปได้แล้ว!”
ภายใต้สายตาที่เย็นชาราวกับจะแช่แข็งเขา เหลยหมิงจึงรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย