ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 878 รูปงามเป็นอย่างยิ่ง
อูตี้กล่าว “นึกไม่ถึงเลยว่าในช่วงเวลาคับขัน เจ้าหมอนี่ก็มีประโยชน์เหมือนกัน”
ถึงอย่างไรกู้ไป๋อีก็เคยเป็นยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับเก้ามาก่อน ความแข็งแกร่งนี้อยู่ในตำแหน่งสูงสุดในดินแดนสี่ทิศ ส่วนประสบการณ์ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกฝนมาไม่ถึงพันปีอย่างนางสามารถเทียบได้
ครั้งนี้โชคดีมากที่เขาลงมือ
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
มู่เฉียนซียกมือขึ้น เข็มยาหลายเข็มก็พุ่งออกไปปักที่ร่างของกู้ไป๋อี
นางเอายาวิญญาณออกมาหลายขวดและเทเข้าปากกู้ไป๋อี เสี่ยวหงเห็นเช่นนี้ก็กล่าวว่า “นายท่าน นี่นายท่านจะรักษาให้เขาหายเลยอย่างนั้นเหรอขอรับ?”
“ใช่ ให้เขาหายเลย ผ่านประตูนี้เข้าไปไม่รู้ว่าต้องเจอกับอันตรายใดบ้าง ถึงแม้ว่าพลังวิญญาณของเขาจะไม่เหลือ แต่ก็อาจจะมีประโยชน์ก็ได้”
นางเคยรักษากู้ไป๋อีมาสองครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งล้วนแต่เป็นการรักษาแบบผ่าน ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาสบายเกินไป
ทว่า ครั้งนี้มู่เฉียนซีกลับพยายามอย่างสุดกำลังความสามารถ
มู่เฉียนซีใช้ยาที่ดีที่สุด กู้ไป๋อีฟื้นขึ้นมาเร็วมาก และเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองนั้นสบายขึ้นมาไม่น้อยเลย
กู้ไป๋อีเงยหน้าขึ้นมองมู่เฉียนซี สาวน้อยผู้นี้ลงมือช่วยเขาแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “นี่แหละนะที่เขาเรียกว่าอูฐที่ผอมตายก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า คนฉลาดเมื่อยามเข้าตาจนก็ยังอยู่ในสภาพที่ดีกว่าคนโง่เขลา เจ้าได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองแล้ว บาดแผลก็รักษาหายแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพวกเราเข้าไปด้านในกันเถอะ!”
มู่เฉียนซีเอาเสื้อผ้าสีเขียวชุดหนึ่งออกมาจากมิติโยนให้เขา เสื้อผ้านี้เป็นของชิงอิ่ง
เขาคุ้นชินกับการสวมเสื้อผ้าสีขาว สำหรับเสื้อผ้าสีอื่นนั้น……
กู้ไป๋อีมองดูชุดคลุมยาวสีเขียวก็หน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้น!
มู่เฉียนซีกล่าว “นี่เจ้ารังเกียจเหรอ? ข้าไม่มีชุดสีขาวให้เจ้าหรอกนะ หรือว่าเจ้าอยากจะแก้ผ้าเปลือยกายก็ตามใจ”
ตอนนี้ร่างของกู้ไป๋อีไม่ต่างอะไรกับร่างที่ห่อหุ้มไปด้วยเศษผ้าเลย แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยสูญเสียภาพลักษณ์ถึงเพียงนี้มาก่อนเลย ครั้นแล้วเขาก็จำใจต้องสวมชุดสีเขียวนี้ด้วยความกล้ำกลืนใจเป็นอย่างยิ่ง
ต้องบอกเลยว่าผู้รูปงาม ถึงอย่างไรก็ยังคงเป็นผู้รูปงามอยู่วันยังค่ำ ถึงแม้ว่ากู้ไป๋อีจะสวมชุดสีเขียว แต่เขาก็ยังคงรูปงามชวนให้น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง
ทว่า ชุดสีเขียวนี้ก็ยังคงเป็นชิงอิ่งที่สวมออกมาแล้วดูมีเสน่ห์มากกว่า!
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเราไปกันเถอะ!”
มู่เฉียนซียกมือขึ้นผลักประตูบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าออก
ครืน ตูม ตูม!
ชู่ว!
ประตูเปิดออกพร้อมกับกลิ่นอายของความโบราณที่พัดกระโชกมา
เสี่ยวหงกล่าว “นายท่าน ในนี้มีกลิ่นอายของสัตว์เทพอยู่”
อู๋ตี้กล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า “สัตว์เทพเหรอ เช่นนั้นก็มีอาหารอันโอชะอีกมื้อแล้วน่ะสิ”
ขอเพียงแค่ได้กลืนกินแกนวิญญาณของสัตว์เทพเข้าไป มันรับประกันได้เลยว่ามันต้องได้เลื่อนขั้นหลายระดับแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้นจะมีผู้ใดกล้าทำร้ายนายท่านของมันอีกเล่า
เสี่ยวหงกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะดีนักว่า “เจ้านี่ช่างเป็นแมวโง่เขลาเบาปัญญาจริง ๆ นอกจากเรื่องกินก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“เจ้าก็เหมือนกัน วัน ๆ เอาแต่นอน ๆ ๆ!”
“นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า!”
นี่ยังไม่ได้เข้าไปด้านใน เสี่ยวหงกับอู๋ตี้ก็เริ่มต่อปากต่อคำกันแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “เอาล่ะ ๆ พอได้แล้ว ไม่รู้ว่าจะต้องเจออันตรายใดด้านในบ้าง พวกเจ้าก็มาทะเลาะกันแล้ว”
กู้ไป๋อีรู้สึกว่าสัตว์พันธสัญญาทั้งสองตัวนี้ของมู่เฉียนซีผิดปกติมาก สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ปกติหากรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของสัตว์เทพก็ควรจะยำเกรงสิถึงจะถูก แต่สองตัวนี้กลับยังมีจิตใจมาทะเลาะกัน
เมื่อย่างเท้าเข้าไปข้างใน สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็คือเส้นทางที่ถูกสร้างด้วยศิลาผลึกสีดำ เส้นทางนี้เหมือนกับเป็นเส้นทางที่ไร้ที่สิ้นสุดก็มิปาน
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะถอยหนี มู่เฉียนซีกล่าว “ไปกันเถอะ!”
เมื่อเดินไปถึงปลายทางของเส้นทางศิลาผลึกสีดำ ทันใดนั้นเองเปลวไฟสีดำก็พุ่งเข้ามา มู่เฉียนซีรู้สึกราวกับได้เข้ามาสู่นรกจำลองก็มิปาน
เมื่อเห็นว่ากู้ไป๋อีกำลังจะเข้ามา มู่เฉียนซีก็โบกมือขึ้นพลางตะโกนว่า “โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
น้ำแข็งอันเย็นยะเยือกผลึกใสได้ห่อหุ้มร่างของกู้ไป๋อีเอาไว้
ขนตาของกู้ไป๋อีขยับเล็กน้อย ไม่มีพลังวิญญาณ การรับรู้ได้ถึงอันตรายก็ลดน้อยลง และเขาก็ได้ย่างกรายเข้าสู่ความอันตรายโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าจะถูกหญิงสาวผู้หนึ่งปกป้องเอาไว้!
“เสี่ยวไป๋ เจ้าถอยไป! ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรเข้ามา”
กู้ไป๋อีกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “มันสายไปแล้ว!”
เปลวไฟสีดำได้ห้อมล้อมพวกเขาเอาไว้ ตอนนี้ด้านหลังพวกเขาไม่มีทางใดที่จะถอยหนีได้แล้ว
แควก!
เสียงนกกู่ร้องแหลมสูงดังขึ้น มันคือนกสีดำสามขาตัวหนึ่ง
มันกระพือปีกพึบพับ และได้ปล่อยขนนกสีดำราวกับคมศรพุ่งไปทางพวกเขา
ขวับ ขวับ ขวับ!
มู่เฉียนซีดึงร่างของกู้ไป๋อีไว้ และใช้ทักษะก้าวเท้าเงาเทวาหลบหลีกอย่างรวดเร็ว อู๋ตี้กับเสี่ยวหงพุ่งเข้าหานกสีดำสามขาตัวนั้น
ตุบ!
นกสีดำสามขาสามารถบินได้ บนอากาศมันได้เปรียบเป็นอย่างมาก อู๋ตี้กับเสี่ยวหงไม่สามารถทำอะไรมันได้
ทันทีที่มันมีโอกาส มันก็โจมตีมู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีมนุษย์สองคนนี้ทันที หากมู่เฉียนซีหลบหลีกเพียงคนเดียว นั่นแน่นอนว่านางสามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย
ทว่า นางต้องคว้าตัวของกู้ไป๋อีผู้ที่ไร้ซึ่งพลังวิญญาณหลบหลีกด้วย จึงทำให้ความเร็วในการหลบหลีกของมู่เฉียนซีนั้นช้าลง
กู้ไป๋อีเห็นตนเองถูกหญิงสาวผู้หนึ่งลากไปมาผ่านเส้นแห่งความตายเช่นนี้ ใบหน้าของเขายังคงไร้ซึ่งอารมณ์และความรู้สึกใดใด แต่เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะแบ่งเบาภาระของมู่เฉียนซี!
พึบ พับ!
ขนนกสีดำอีกระลอกหนึ่งโจมตีเข้ามา มู่เฉียนซีรีบตะโกนว่า “เสี่ยวไป๋ ก้ม!”
ฟึ่บ!
ขนนกสีดำนั้นพุ่งไปตรงหัวของมู่เฉียนซี และปักลงที่ปิ่นปักผมของมู่เฉียนซี
เส้นผมหนานุ่มหลุดออกจากมวย และค่อย ๆ ทิ้งตัวสยายลงมากระทบกับใบหน้าของกู้ไป๋อี เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย……
แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยสัมผัสเส้นผมของหญิงสาวมาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับเส้นผมของหญิงสาว นึกไม่ถึงเลยว่าจะนุ่มนวลกว่าสายน้ำที่ไหลผ่านเสียอีก เขายื่นมือไปจับเส้นผมของมู่เฉียนซีที่สยายลงมา
กู้ไป๋อีกล่าวว่า “หากเจ้ารู้สึกว่าข้าทำให้เจ้าลำบาก เจ้าไม่ต้องสนใจข้าก็ได้นะ อย่างไรเสีย ข้าก็เป็นแค่คนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง”
“ข้าบอกแล้วว่าบางทีเจ้าอาจจะมีประโยชน์ก็ได้ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตายเด็ดขาด” มู่เฉียนซีมองหน้าเขาพลางกล่าว
“แต่จะว่าไป เจ้าก็ทำให้ข้าลำบากจริง ๆ ข้าจะต้องฆ่านกสีดำสามขานั้นให้ได้ ส่วนเจ้าก็รอข้าอยู่ตรงนี้”
ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเปลวไฟสีดำ หากไม่มีพลังธาตุวารีของมู่เฉียนซีคอยปกป้อง กู้ไป๋อีคงจะอดทนได้ไม่ถึงสิบนาทีแน่นอน
มู่เฉียนซีเอาแหวนมังกรเทพวารีออกมาจากนิ้วมือ นางพึมพำว่า “มังกรวารี ช่วยข้าต้านทานเปลวไฟที่นี่หน่อย อย่าให้เขาถูกเปลวไฟกลืนไปได้ล่ะ!”
แหวนมังกรเทพวารีถูกยัดเข้าในมือของกู้ไป๋อี “เจ้าถือเอาไว้ให้แน่น”
แหวนมังกรเทพวารีได้ยอมรับเจ้านายแล้ว กู้ไป๋อีไม่มีความสามารถที่จะขโมยของของนางไปได้
“ชิงมู่!”
จากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้เรียกหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ออกมาปรากฏขึ้นต่อหน้ากู้ไป๋อี หลังจากที่ได้จัดการทุกอย่างเรียบร้อย มู่เฉียนซีก็พุ่งไปที่นกสีดำสามขาตัวนั้นทันที
“เสี่ยวไป๋ หากข้าทำถึงเพียงนี้แล้วเจ้ายังตายอีก นั่นหมายความว่าชะตาชีวิตของเจ้าได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว และข้าก็จะไม่ฝืนลิขิตสวรรค์อีกต่อไป”
กู้ไป๋อีถือแหวนมังกรเทพวารี แหวนมังกรเทพวารีนั้นยังมีคงอุณหภูมิร่างกายของนางอยู่
และในแหวนวงนี้ก็มีพลังธาตุวารีหลั่งไหลออกมา อีกทั้งยังทำให้เปลวไฟสีดำในที่นี่ไม่กล้าเข้าใกล้เขาอีกด้วย
แหวนวงเล็กแค่นี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีพลังธาตุวารีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง!
ชิงมู่ขวางขนนกสีดำนั้นที่พุ่งเข้ามา ทำให้กู้ไป๋อีผู้ที่ไม่มีพลังวิญญาณผู้นี้ไม่ถูกขนนกเหล่านั้นฆ่าตาย
กูู้ไป๋อีมองหม้อยาที่อยู่ตรงหน้าอย่างพิจารณา หม้อยานี้อย่างน้อยก็ต้องเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพอย่างหนึ่ง ในสถานการณ์ที่คับขันและอันตรายเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าหญิงสาวที่ทำตัวโอหังอวดดีกับเขามาโดยตลอดผู้นี้จะทิ้งของล้ำค่าถึงสองอย่างไว้ให้ปกป้องเขา