ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 880 ข้าชื่นชมเจ้า
มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเล็กน้อย “หากข้าปฏิเสธ เจ้าคงอยากจะบอกว่าทั่วทั้งโลกสี่ทิศมีคนที่ต้องการเคารพเจ้าเป็นอาจารย์ตั้งแต่ทิศตะวันออกต่อแถวยาวไปจนถึงทางทิศตะวันตกเลยใช่หรือไม่ แต่สาวน้อยอย่างเจ้ากลับปฏิเสธอย่างไม่คิด?”
กู้ไป๋อีตะลึงงัน หากสาวน้อยผู้นี้ปฏิเสธ เขาย่อมมีความคิดเช่นนี้
ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ขั้นที่เก้าเต็มขั้น ทั่วทั้งโลกสี่ทิศมีเพียงไม่กี่คน และเขาตั้งใจฝึกฝนเพื่อให้ตนเองได้ฝึกฝนไปจนถึงจุดสูงสุด หลายปีมานี้เขาไม่เคยรับศิษย์มาก่อน!
เมื่อเห็นสีหน้าของกู้ไป๋อี มู่เฉียนซีก็รู้ได้ทันทีว่าที่ตนเองพูดมานั้นถูก
“แต่เสี่ยวไป๋! ข้าก็บอกเจ้าแล้วเช่นกันว่าผู้ที่อยากจะรับข้าเป็นศิษย์ก็ต่อแถวตั้งแต่ทิศใต้ไปจนถึงทิศเหนือ คนที่หน้าตาดีกว่าเจ้าก็มี ดังนั้น…”
“เจ้าไม่มีโอกาสแล้ว!”
ชิงมู่หัวเราะและกล่าวว่า “ถ้านายท่านรู้ว่าท่านชมเขาว่าหน้าตาดี เขาจะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน”
มู่เฉียนซีเบ้ปากและกล่าวว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่าข้ากําลังพูดถึงนิรันดร์?”
นางปฏิเสธอย่างไม่เกรงใจ กู้ไป๋อีประหลาดใจเล็กน้อย!
“รอเมื่อข้าฟื้นฟูพลังแล้ว เจ้าจะต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน!”
“อย่ามั่นใจเกินไปนักเลย! คนอื่นอยากเปลี่ยนสถานะเป็นเจ้านาย แต่เจ้าอยากเปลี่ยนสถานะเป็นอาจารย์ คิดง่ายเกินไปแล้ว”
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า นางดูหยิ่งยโสราวกับสายลมที่ทําให้ผู้คนไม่อาจเข้าใจได้ กู้ไป๋อีกล่าว “ผู้ที่ล่วงเกินข้าล้วนถูกข้าสังหารไปหมดแล้ว คุณหนูใหญ่ล่วงเกินข้า ข้าเพียงต้องการให้เจ้าเป็นศิษย์ของข้า เจ้าปฏิเสธ ข้าจะ…”
“ถ้าจะสังหารข้า ก็ต้องมาดูว่าเจ้ามีความสามารถเช่นนั้นหรือไม่!” เข็มยาเข็มหนึ่งปะทะเข้ากับลําคอของกู้ไป๋อี
ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายราวกับดวงดาวที่เปล่งประกายเย็นเยือก
“ข้าจะปกป้องเจ้าให้เติบโต ในโลกนี้ไม่มียอดฝีมือขั้นสูงสุดปรากฏตัวมานานแล้ว” กู้ไป๋อีกล่าวต่อ
มู่เฉียนซีขยับเข็มยาออกและยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าเป็นคนใจกว้างจริง ๆ”
กู้ไป๋อีมองมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “เพราะข้าชื่นชมเจ้า!” มู่เฉียนซีหันหน้ามากล่าวว่า “เจ้ามีความคิดเช่นนี้ ก็นับว่าไม่เสียแรงที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้ แต่การปกป้องข้าก็ไม่จําเป็น เพราะบางทีเจ้าอาจจะปกป้องข้าไม่ได้ การกระทําที่อวดดีของข้า บางทีสวรรค์ของโลกทั้งสี่ทิศนี้อาจทำให้กระจ่างก็เป็นได้”
หากตำหนักเป่ยหานเป็นศัตรู คำพูดที่เขาพูดออกมาในตอนนี้ เกรงว่าคงจะทำให้ลําบากใจในอนาคต และแน่นอนว่ามู่เฉียนซีปฏิเสธทันที
มู่เฉียนซีรีบเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนห่างจากกู้ไป๋อีไประยะหนึ่ง กู้ไป๋อีจึงรีบไล่ตามไป
กู้ไป๋อีมองแผ่นหลังของมู่เฉียนซี ด้วยสีหน้าเย็นชา ทว่ากลับยังคงไม่มีท่าทีใด ๆ
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดของโลกทั้งสี่ทิศ เขาจะมีคนที่ไม่สามารถปกป้องได้จริง ๆ หรือ?
ระหว่างที่เดินนี้ มู่เฉียนซีก็พบว่าตนเองได้เข้าไปในที่ราบเปลวเพลิงสีดําอีกครั้งหนึ่ง นางตะโกนว่า “เสี่ยวไป๋ รอข้าอยู่ข้างนอก!”
ร่างของมู่เฉียนซีหายลับไปจากเบื้องหน้าของกู้ไป๋อี แต่เขาในตอนนี้ยังไม่สามารถรวบรวมพลังลมปราณได้แม้แต่นิดเดียว จึงไม่อาจเข้าไปช่วยได้
ฟึ่บฟึ่บฟึ่บ!
นกสีดํายาวประมาณหนึ่งชุ่นแต่ละตัวพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซี
ตูม บึ้ม!
มู่เฉียนซีหมุนตัวอยู่ในนั้น แต่ความเร็วของเจ้าพวกนี้นั้นกลับรวดเร็วอย่างหาที่เปรียบมิได้
ร่างกายของมู่เฉียนซีราวกับใบหลิวก็มิปาน ภายใต้การโจมตีของนกกระจอกวิญญาณทมิฬที่ราวกับพายุฝนฟ้าคะนองที่ไม่รู้ว่าจบสิ้นเมื่อใด
“เร็ว! เร็ว! เร็ว!”
มู่เฉียนซีต้องรีบและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วภายใต้การโจมตีที่ราวกับพายุฝนที่ตกหนัก
“เพลิงเผาสวรรค์!”
“สวรรค์พิโรธ!”
อู๋ตี้และเสี่ยวหงก็ไม่สามารถทนเห็นผู้เป็นนายของตนเองถูกซัดได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มโจมตีโต้กลับ
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
แม้ว่าความเร็วของนกกระจอกวิญญาณทมิฬจะรวดเร็วแต่ภายใต้การโจมตีที่ระเบิดออกมาของอู๋ตี้และเสี่ยวหง พวกมันก็แทบจะวอดวายไปทั้งกองทัพ!
แต่หลังจากกองทัพทั้งหมดล่มสลาย ก็ปรากฏออกมาอีกจํานวนมาก และยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
อู๋ตี้และเสี่ยวหงโมโหขึ้นมาแล้ว “มันยังไม่หมดอีก!”
“บ้าเอ๊ย! ยิ่งฆ่าก็ยิ่งมาก เป็นเช่นนี้คงได้ตายที่นี่กันหมดแน่ นายท่าน พวกเราควรใช้หอฉงโหลวบนเมฆาเพื่อออกไปจากที่นี่!” อู๋ตี้แนะนํา
“หินแห่งมิติหาได้ยาก ไม่สามารถฟุ่มเฟือยมากจนเกินไปได้ ตอนนี้สามารถทนได้ไหว ก็ทนไว้ก่อน!”
ตูม!
แกรก!
มู่เฉียนซีวิ่งผ่านนกกระจอกวิญญาณทมิฬที่บ้าคลั่งและพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย!
โลกภายใต้ดินแดนอันรกร้างของทุ่งศิลาดํานี้ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว กู้ไป๋อีกลับรู้สึกว่าเกิดเรื่องขึ้นกับมู่เฉียนซีแล้วหรือ?
เขาอยากจะก้าวเข้าไป แต่…
ตอนนี้เขาทําอะไรไม่ได้เลย!
เมื่อเวลาผ่านไปบาดแผลบนร่างกายของมู่เฉียนซีก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เปลวเพลิงสีดําดึงนกวิญญาณทมิฬเหล่านี้ออกไป
มู่เฉียนซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก “มันจบแล้วเหรอ?”
การทดสอบครั้งนี้คือความเร็วไม่ใช่การต่อสู้ เมื่อเปลวเพลิงถอยออกไป มู่เฉียนซีก็ได้ปรากฏตัวขึ้นบนถนนผลึกสีดํานั่นอีกครั้ง นางเหนื่อยจนไม่สามารถยกนิ้วของนางขึ้นมาได้และล้มลงกับพื้นทันที
“นายท่าน!”
กู้ไป๋อีเดินเข้าไปช่วยมู่เฉียนซีเอาไว้ เขาอยากจะให้ยามู่เฉียนซีกิน แต่กลับพบว่าตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่คนจนคนหนึ่ง
อย่าว่าแต่ยาเลย แม้แต่หยกวิญญาณระดับต่ำสักก้อน เขาก็ไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียว
กู้ไป๋อีทําได้เพียงรอให้นางฟื้นขึ้นมา แต่นางที่พลังวิญญาณหมดลงกลับหลับใหลอยู่เป็นเวลานาน
เมื่อนางตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่นางต้องทําคือการกินยา ครั้งนี้กู้ไป๋อีได้เห็นวิธีการกินยาที่เกินกว่าเหตุนั่นของมู่เฉียนซีอีกครั้ง
“เจ้าใช้ยาเม็ดเช่นนี้ ไม่กลัวว่ายาจะไม่พอใช้บ้างรึ!” กู้ไป๋อีกล่าวเสียงเรียบ
มู่เฉียนซียิ้มและกล่าวว่า “ข้าน่ะหรือจะขาดแคลนเม็ดยา? นั่นมันเป็นไปไม่ได้ ตระกูลของข้าขายยา สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือยา”
มู่เฉียนซีมองสํารวจเขาแล้วกล่าวว่า “ต่อไปเจ้าอยู่กับข้าเอาไหม รับรองว่าเจ้าจะสบายกว่าเมื่อก่อน! เจ้าสามารถกินยานี้เป็นเหมือนถั่วน้ำตาลได้เลย และเจ้าคงไม่เคยได้รับผลประโยชน์เช่นนี้มาก่อนกระมัง!”
กู้ไป๋อีจากที่รังเกียจจนถึงชื่นชมมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีก็เช่นกัน ดังนั้นนางจึงมีความคิดที่จะแย่งชิงบุคลากรของศัตรู
เมื่อได้ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ขั้นที่เก้าเต็มขั้นมา ต่อให้ต้องมาพบกับขุมกําลังสำนักนิกายระดับสาม นางก็ไม่ต้องกดดันมากนัก
“ความคิดชั่วร้ายเยอะมาก แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจทำตามใจตนเองได้!” กู้ไป๋อีกล่าวเสียงเข้ม
ไม่อาจทำตามใจตนเองได้!
ตําหนักเป่ยหานได้ฝึกฝนเลี้ยงดูยอดฝีมือเช่นนี้ขึ้นมา แน่นอนว่าคงจะไม่ปล่อยให้คนอื่นเอาเปรียบได้ง่าย ๆ มู่เฉียนซีเข้าใจดี
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะไม่บังคับแล้ว พวกเราไปกันเถอะ! ดูซิว่าข้างหน้ามีอะไรบ้าง?” มู่เฉียนซีเดินไปข้างหน้า!
เขาไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เปลวเพลิงอีก เพียงแต่เข้าสู่ห้องโถงทรงกลมที่กว้างโล่งและรอบด้านถูกสร้างด้วยผลึกสีดํา
กู้ไป๋อีเงยหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเห็นหงส์สีดําที่เหมือนจริงอยู่ด้านบนสุดของห้องโถงใหญ่นี้
กู้ไป๋อีกล่าว “ที่นี่มีรูปสัญลักษณ์ของหงส์ดำโบราณ!”
“หงส์ดำโบราณ!” มู่เฉียนซีเองก็เงยหน้ามองเช่นกัน
จากนั้น หงส์บนรูปสัญลักษณ์นั่นก็ราวกับมีชีวิตขึ้นมา มันเริ่มกางปีกและบินจากข้างบนลงมา
“ข้ารอมานานมากแล้ว ในที่สุดก็มีมนุษย์บุกเข้ามาที่นี่ แต่ว่า… มนุษย์ไร้ระดับพลังผู้หนึ่งกับสาวน้อยระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สาม พวกเจ้ามาถึงที่นี่ได้อย่างไรกัน?”