ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 893 เอาสมองมาด้วย
สามารถฝึกบำเพ็ญได้ถึงขั้นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับเก้า ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทุ่มเทอย่างสุดกำลังความสามารถ แต่พลังจิตนี้ยังนับว่าแข็งแกร่งมาก ควบคุมพลังจิตอันรุนแรงนั้นของท่านผู้เฒ่าเย่ได้อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้สีหน้าของท่านผู้เฒ่าเย่กลับมาเป็นปกติแล้ว พลังขั้นมหาจักรพรรดิอันน่ายำเกรงนั้นก็กลับมาแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เขาหัวเราะเสียงดังก้อง
ตอนนี้ผู้นำตระกูลเหลยมองเขาด้วยความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ตระกูลเย่มียอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิคนหนึ่งแล้ว
คนอื่นยิ้มพลางกล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับท่านผู้เฒ่าเย่ด้วย ยินดีด้วยขอรับ วันนี้เรื่องมงคลคู่มาพร้อมกันเลย”
“เรื่องมงคลคู่มาพร้อมกัน!”
ท่านผู้เฒ่าเย่เลื่อนขั้นพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิ ได้กลายเป็นยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิคนที่สองแห่งเมืองเหยียน
บัดนี้ นายน้อยแห่งตระกูลเย่สามารถฝึกบำเพ็ญได้แล้ว บางทีตระกูลเย่อาจจะไม่เดินทางหายนะเหมือนเมื่อก่อนแล้ว และแน่นอนว่าพวกเขาต้องผูกมิตรไมตรีที่ดีอยู่แล้ว
ท่านผู้เฒ่าเย่ยิ้มพลางกล่าว “เฉินเอ๋อร์ เจ้าช่างมีความตั้งใจจริง!”
เย่เฉินกล่าว “สามารถช่วยเหลือท่านปู่ได้ ข้าก็พึงพอใจเป็นอย่างยิ่งแล้วขอรับ!”
เมื่อครู่กระต่ายตื่นตูมไปแล้ว โชคดีที่เสี่ยวไป๋คนข้างกายของนายท่านได้ลงมือช่วย
เป็นเพราะว่ากู้ไป๋อีนั้นเป็นคนที่พูดน้อย เงียบขรึม จนถึงบัดนี้เย่เฉินก็ยังไม่รู้จักชื่อของเขา แค่ได้ยินมู่เฉียนซีเรียกเขาว่าเสี่ยวไป๋
เรื่องมงคลคู่มาพร้อมกัน งานเลี้ยงวันเกิดจึงเป็นที่ปีติยินดีมาก
ในตอนนี้เองเหลยเทียนเดินออกมาและกล่าวว่า “เย่เฉิน ข้าได้ยินมาว่าพลังของเจ้าฟื้นกลับมาแล้ว เช่นนั้นเรามาประลองกันดูสักตั้งดีหรือไม่?”
ทุกคนล้วนแต่รู้สึกประหลาดใจ ถึงแม้ว่าเย่เฉินสามารถฝึกบำเพ็ญได้แล้ว แต่ก็เพิ่งจะฝึกได้กี่วันเอง
เหลยเทียนท้าประลองเขาเช่นนี้ ช่างเป็นการรังแกผู้อื่นจริง ๆ!
เหลยเทียนกล่าว “เป็นอะไรไปล่ะ มีท่านปู่เป็นถึงยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิ แต่กลับมีหลานผู้อ่อนแอแถมยังขี้ขลาดเช่นนี้นะเหรอ?”
“นี่เจ้า……”
เย่เฉินอยากจะลงมือ แต่เขาเป็นเพียงแค่ราชาแห่งภูตระดับหนึ่ง หากเผชิญหน้ากับเหลยเทียนผู้ที่มีพลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสามคงจะดูไม่ได้เป็นแน่
“เฉินเอ๋อร์ อย่าได้ผลีผลาม!” ท่านผู้เฒ่าเย่กล่าว
มู่เฉียนซีเดินไปข้างเย่เฉิน และกล่าวว่า “ก็ไม่ได้ห่างชั้นกันมากนัก เจ้าลืมตัวตนอีกตัวตนหนึ่งของเจ้าไปแล้วเหรอ?”
มู่เฉียนซีโยนห่อยาห่อหนึ่งให้เย่เฉิน เย่เฉินรู้ว่าของข้างในนั้นคือสิ่งใด
สิ่งนี้สามารถช่วยให้เขาเอาชนะได้
ทว่า เย่เฉินมองไปที่เหยียนฉั่วฉีที่มีสีหน้าเป็นห่วงเขาเป็นอย่างยิ่งในตอนนี้ ฉีเอ๋อร์จะรู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งไม่พอหรือไม่
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคือผู้ที่มีภาพลักษณ์ที่ดีและสมบูรณ์แบบที่สุดเมื่ออยู่ต่อหน้านาง
มู่เฉียนซีกล่าว “เย่เฉิน อย่าปฏิเสธเลย เจ้าก็เป็นคนหน้าซื่อใจเหี้ยมคนหนึ่ง เจ้าจะปิดบังไปได้ตลอดชีวิตเหรอ หากเจ้าไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงต่อหน้าคนที่เจ้ารัก เจ้าไม่รู้สึกบ้างเหรอว่าความรักของเจ้ามันเป็นความรักแค่ผิวเผิน?”
เย่เฉินกำหมัดแน่น และกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว”
เย่เฉินก้าวเดินออกไป และกล่าวว่า “เหลยเทียน ในเมื่อเจ้าอยากจะประลองกับข้า ข้าก็จะประลองกับเจ้าให้ถึงที่สุด”
เหลยเทียนยิ้มขึ้น “เจ้านี่ช่างมีความกล้าหาญจริง ๆ”
พื้นที่ว่างตรงกลางในงานเลี้ยง ชายหนุ่มสองคนยืนอยู่บนลานประลอง สองกำปั้นของเหลยเทียนยกชนกัน เขากล่าว “รับกระบวนท่าให้ดีล่ะ!”
ตูม!
เพียงแค่หมัดแรก เย่เฉินก็เกือบจะโดนหมัดนี้แล้ว
เหลยเทียนยิ้มพลางกล่าวว่า “เย่เฉิน นี่ข้ายังไม่ได้ออกแรงมากมายเจ้าก็เป็นเช่นนี้แล้ว หากข้าออกแรงทั้งหมด เจ้าจะไม่ลงไปคลานกับพื้นด้วยกระบวนท่าเดียวหรอกเหรอ”
มู่เฉียนซีกล่าว “ประสบการณ์การต่อสู้จริงของเย่เฉินเป็นศูนย์!”
ตูม ปัง ปัง!
เหลยเทียนกำลังล้อเล่นเย่เฉิน เขาไม่ได้ออกแรงอย่างสุดกำลัง
“ราชาแห่งภูตระดับหนึ่ง เด็กผู้นี้เพิ่งจะฝึกบำเพ็ญก็มาถึงขั้นนี้แล้วเหรอ!”
“เมื่อก่อนฝึกบำเพ็ญไม่ได้คงจะเป็นเรื่องหลอกลวงกระมัง ด้วยพลังขั้นราชาแห่งภูตนี้ ช่างน่าประหลาดใจเกินไปแล้ว”
“……”
ทุกคนต่างก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่พลังของเย่เฉินนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะหลอกลวงได้
“แต่ต่อให้เป็นราชาแห่งภูตระดับหนึ่ง ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหลยเทียนผู้มีพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสามอยู่ดี!”
เหลยเทียนกำหมัดแน่นจะพุ่งไป เขากล่าว “ไม่เล่นกับเจ้าแล้ว ให้ข้าต่อยหน้าเจ้าด้วยหมัดนี้ และจบการประลองนี้ซะเถอะ!”
เหยียนฉั่วฉีร้อนอกร้อนใจขึ้นแล้ว “เหลยเทียน เจ้ากล้าทำร้ายท่านพี่เย่ก็ลองดูสิ!”
การข่มขู่ของเหยียนฉั่วฉีไม่เพียงแต่ไม่ได้ผล แต่ยังทำให้เหลยเทียนทวีความโหดร้ายยิ่งขึ้นอีก
ทว่า ในขณะที่เขากำลังหลั่งไหลพลังวิญญาณทั้งหมดเข้ากำปั้น ยังไม่ทันได้ลงมือแต่อย่างใด จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าร่างกายไร้เรี่ยวแรงลง
ตุบ!
เขาล้มลงไปกับพื้นทันที
“พระเจ้า!” ผู้นำตระกูลเหลยลุกยืนขึ้นพลางอุทานด้วยความตกใจ
“เหลยเทียนแพ้แล้ว!”
ทุกคนต่างก็รู้สึกไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
“เย่เฉิน เจ้า นี่เจ้าทำอะไรลูกชายข้า?” ผู้นำตระกูลเหลยกล่าวขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว
เย่เฉินกล่าว “ท่านผู้นำตระกูลเหลย ทางที่ดีท่านควรจะอบรมสั่งสอนลูกชายของท่านให้ดี ต่อไปหากจะท้าประลองผู้อื่น อย่าลืมเอาสมองมาด้วย”
“ท่านผู้นำตระกูล นายน้อยโดนพิษขอรับ!” คนผู้หนึ่งของตระกูลเหลยกล่าวขึ้น
“บัดซบ! นี่เจ้ากล้าใช้พิษใช้อุบายเช่นนี้เหรอ ชนะอย่างไม่โปร่งใส ไม่ตรงไปตรงมา!” ผู้นำตระกูลเหลยกล่าวอย่างโหดเหี้ยม
เย่เฉินยังไม่ทันได้ตอบโต้ เหยียนฉั่วฉีก็ตะโกนเสียงดังว่า “แล้วการที่ลูกชายของท่านที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าท่านพี่เย่มาท้าประลองท่านพี่เย่เช่นนี้ เขาโปร่งใส ตรงไปตรงมาหรืออย่างไร เหตุใดถึงไม่ท้าประลองกับข้า?”
บุตรสาวของตนเองออกหน้าแทนชายหนุ่มเช่นนี้ ช่างทำให้ท่านเจ้าเมืองเหยียนกลัดกลุ้มใจยิ่งนัก!
“ฉีเอ๋อร์ พ่อบอกเจ้ากี่ครั้งกี่คราแล้วว่าต้องเป็นกุลสตรีที่ดี!”
เหยียนฉัวฉีนั่งลงและหันไปกล่าวต่อปากต่อคำกับพ่อตนเองว่า “ท่านพ่อ ท่านพ่อเป็นถึงท่านเจ้าเมือง เห็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมเช่นนี้แล้วไม่ออกหน้า ข้าในฐานะที่เป็นบุตรสาวของท่าน ออกหน้าแทนเช่นนี้จะเป็นไรไป!”
แววตาของเย่เฉินเผยความอบอุ่นใจออกมา ไม่ว่าเขาจะแสดงให้นางเห็นในด้านใด ฉีเอ๋อร์ก็ไม่ทอดทิ้งเขา เชื่อในตัวเขา เช่นนี้แล้วเขาจะต้องกลัวสิ่งใดอีกเล่า
ชีวิตนี้ทั้งชีวิต เขาจะต้องดูแลหญิงสาวที่จริงใจต่อเขาผู้นี้ให้ดีที่สุด
เย่เฉินกล่าว “ในยามศึก ต้องใช้แผนหลอกตบตาศัตรูอยู่เสมอ แพ้ก็คือแพ้”
ผู้นำตระกูลเหลยกล่าว “เหลยหง ออกมา!”
ทันทีที่ผู้นำตระกูลเหลยกล่าวจบ ชายผิวคล้ำผู้หนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าผู้นำตระกูลเหลย
ผู้นำตระกูลเหลยกล่าว “นี่คือญาติสนิทในของตระกูลเหลยของข้า ในเมื่อเทียนเอ๋อร์ท้าประลองเจ้าแล้วพ่ายแพ้ลงแล้ว เขาก็อยากจะประลองกับเจ้าเช่นกัน”
เทียนเอ๋อร์พ่ายแพ้ไปด้วยความสะเพร่า แต่ครั้งนี้ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่นอน!
เหลยหงนั้นมีอายุมากกว่าเหลยเทียน ผู้นำตระกูลเหลยส่งเขาออกมา แน่นอนว่าพลังของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าเหลยเทียนมาก
เย่เฉินขมวดคิ้วขึ้น ครั้งนี้ต่อให้ใช้พิษ ก็เกรงว่าจะเอาชนะได้ยาก
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “พวกเจ้าตระกูลเหลยยังไม่จบอีกเหรอ นี่เป็นงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของท่านผู้เฒ่าเย่ ไม่ใช่งานเลี้ยงฉลองของผู้เฒ่าตระกูลเหลยสักหน่อย พวกเจ้าตระกูลเหลยมาแสดงอำนาจเช่นนี้ คิดจะทำสิ่งใดกันแน่?”
ผู้นำตระกูลเหลยกล่าว “ข้าว่าตระกูลเย่คงจะไม่กล้าน่ะสิ”
“ไม่กงไม่กล้าอะไร พวกเจ้าเพ้อฝันไปเองทั้งนั้น คิดจะท้าประลองกับเย่เฉิน เอาชนะข้าให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
ร่างของมู่เฉียนซีกระโดดออกไปและปรากฏอยู่ข้างกายเย่เฉิน พลังแผ่ซ่านออกมา นางเอ่ยปากกล่าวว่า “พลังของข้า จักรพรรดิแห่งภูตระดับสาม รังแกข้า ตระกูลเหลยยังพอมีหน้ามากกว่ารังแกราชาแห่งภูตระดับหนึ่งคนนึงกระมัง!”
ทุกคนต่างก็รู้สึกเช่นกันว่าการที่จักรพรรดิแห่งภูตผู้หนึ่งรังแกราชาแห่งภูตผู้หนึ่งนั้น ช่างไม่เป็นธรรมเกินไป ครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว หากเกิดขึ้นอีกครั้งแล้วล่ะก็ เหอะ ตระกูลเหลยนี่ช่าง……
ผู้นำตระกูลเหลยกล่าว “จักรพรรดิแห่งภูตระดับสามเหรอ?”
พลังของเหลยหงกำจัดสาวน้อยพลังจักรพรรดิแห่งภูตระดับสามคนเดียวผู้นี้ ยังมีแรงเหลือเฟือ
เขามองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “เจ้าพูดแล้วนะ ว่าหากเหลยหงเอาชนะเจ้าได้ ก็สามารถท้าประลองกับเย่เฉินได้”
สุดท้ายมู่เฉียนซีส่ายหน้าอย่างเชื่องช้า และกล่าวว่า “ไม่ใช่เหลยหง!”