ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 930 ข้าถนัดนัก
บาดแผลภายนอกนั้นไม่น่าเป็นห่วง มันจะต้องจัดการกับพวกรุ่นลูกหลานเหล่านี้ให้ดี!
“ให้พวกเจ้าฉวยโอกาสลงมือกับข้าอย่างหนัก จากนั้นข้าจะตบพวกเจ้าให้ตาย!”
“ตบพวกเจ้าให้ตาย!”
ตูม!
พวกเขาส่วนมากแล้วเป็นเพียงจักรพรรดิแห่งภูตขั้นสูงเท่านั้น เมื่อโดนตะปบจนตายไปแล้วก็จะเหลือแค่เพียงคนระดับมหาจักรพรรดิแห่งภูตเพียงหนึ่งถึงสองคนเท่านั้น ไหนเลยจะสามารถมาเป็นคู่ต่อสู้ของอู๋ตี้ที่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ได้
ผลสุดท้ายอู๋ตี้ก็ได้ชิงจัดการคู่ต่อสู้ของกู้ไป๋อีไปทั้งหมดโดยไม่รู้ตัว
ปัง ปัง ปัง!
คนเหล่านั้นได้ล้มลงไปทีละคน ๆ สีหน้าของผู้อาวุโสในตอนนี้เองก็มืดครึ้มขึ้นมา เขามิอาจที่จะเสียเวลาเช่นนี้ต่อไปได้อีกแล้ว จะต้องจัดการเด็กสาวผู้นี้เสีย
ทั้งตัวของผู้อาวุโสนั้นราวกับได้มอดไหม้ขึ้นมาก็มิปาน เขากล่าวด้วยเสียงขรึม “ข้าจะเริ่มเอาจริงแล้ว! สาวน้อย หากวันนี้ข้าจัดการเจ้าไม่ได้ สาบานว่าข้าจะไม่ขอเป็นคนอีก!”
มู่เฉียนซีสะบัดกระบี่มังกรเพลิงแล้วกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “เช่นนั้น ข้าจะส่งเจ้าให้ไปเกิดใหม่อย่างสบายใจ!”
“ราชสีห์เพลิงคลั่งคำราม!”
“โฮก!”
พลังวิญญาณธาตุไฟระเบิดออกมาราวกับภูเขาไฟที่ได้ปะทุพวยพุ่งออกจากโพรงก็มิปาน!
“บัวแดงพิฆาต!”
ดอกบัวเพลิงสีแดงเข้มเบ่งบานตรงหน้าของมู่เฉียนซี!
บัวเพลิงและราชสีห์เพลิงปะทะกันทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวพวกเขากลายเป็นผุยผง!
“รีบถอย!”
เจ้าเมืองเหยียนได้หิ้วตัวบุตรสาวของตนแล้วรีบหลบไปอย่างรีบร้อน อู๋ตี้กับกู้ไป๋อีเองก็พุ่งออกไปอยู่ไกล ๆ เช่นกัน
กู้ไป๋อีขมวดคิ้วเล็กน้อย พลังที่เกิดจากการปะทะเข้าด้วยกันในครั้งนี้มันมากกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ เช่นนั้นแล้วเกรงว่าสาวน้อยจะได้รับบาดเจ็บ
คิ้วของมู่เฉียนซีขมวดเข้าหากัน ดูเหมือนว่าจะประเมินพลังของเจ้าสุนัขเฒ่านี้ต่ำไป พลังวิญญาณธาตุไฟเป็นพลังที่มีแรงระเบิดที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด พลังทำลายล้างของมันในการต่อสู้ในสนามจริงนั้นน่าหวั่นอย่างแท้จริง!
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
ที่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซีได้เกิดชั้นน้ำแข็งก่อตัวขึ้นและกั้นพลังโจมตีของเปลวเพลิงนั้นเอาไว้!
แกร๊ก!
แต่ทว่าเมื่อต้องเผชิญกับพลังที่แข็งแกร่งกว่าพลังของธาตุน้ำ ก้อนน้ำแข็งที่อยู่ตรงหน้าก็ได้แตกสลายไปในทันที!
“สาวน้อย!”
กู้ไป๋อีคิดที่จะพุ่งเข้าไปในเปลวเพลิงนั้น แต่ทว่าในตอนนี้เองเงาที่โดดเดี่ยวอยู่ในเปลวเพลิงนั้นได้กลับกลายเป็นเงาของคนคู่หนึ่งขึ้นมา
จิ่วเยี่ยปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางเปลวเพลิงและกอดมู่เฉียนซีเอาไว้พร้อมกล่าว “ข้าจะพาเจ้าออกไป!”
เปลวเพลิงลุกโชนบ้าคลั่งอย่างหาสิ่งใดเปรียบมิได้ แต่ทว่าเงาร่างสีดำที่ยืนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงนั้นกลับไม่มีเศษเสี้ยวของเปลวเพลิงใดที่จะสามารถเข้าใกล้เขาได้เลยแม้แต่น้อย
จิ่วเยี่ยกอดตัวมู่เฉียนซีเอาไว้ เปลวเพลิงที่อยู่ตรงหน้านั้นได้แหวกออกเป็นสองทาง เขาสามารถออกจากที่ตรงนั้นไปได้อย่างราบรื่น
กู้ไป๋อีไม่ได้ก้าวเข้าไปข้างหน้านั้นอีกแม้แต่ก้าวเดียว เมื่อเห็นว่าเด็กสาวผู้นั้นที่ถูกชายชุดดำผู้นั้นกอดเอาไว้แคล้วคลาดปลอดภัยมิได้รับอันตรายใด ๆ เลยแม้แต่น้อย เขาจึงได้เก็บซ่อนแววตาเอาไว้
เห็นได้ชัดเลยว่าได้มาถึงที่ที่ปลอดภัยแล้ว แต่ทว่าจิ่วเยี่ยกลับไม่มีท่าทีที่จะปล่อยนางไป!
มู่เฉียนซีอยากที่จะดิ้นรนให้หลุดออกมา จิ่วเยี่ยกล่าวขึ้น “ข้าขอกอดไว้อีกสักหน่อย!”
ส่วนผู้อาวุโสแห่งเมืองหู่เสี้ยวผู้นั้น บัดนี้เสื้อผ้าทั่วทั้งตัวของเขาได้ถูกเผาไปเสียจนขาดรุ่ย ทั้งแขนและมือของเขาได้ถูกไหม้เสียจนเป็นสีดำสนิท!
การใช้ทักษะวิญญาณที่บ้าคลั่งเช่นนี้แน่นอนว่ามันย่อมทำให้ร่างกายของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก
“พรวด!” เขากระอักเลือดสีแดงสดออกมา มันแสดงความสดชัดได้อย่างที่สุดท่ามกลางเปลวเพลิง
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “นายน้อย รีบไป! รีบไปแจ้งท่านเจ้าเมือง พวกเรา…พวกเรามิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา เจ้ารีบหนีไป…”
ในตอนนี้นายน้อยหู่ทำได้เพียงคลานอยู่บนพื้นเท่านั้น!
“ข้า…ข้า…ข้ามองไม่เห็น ข้าไม่รู้ว่าจะไปทางไหน…”
ตัวเขาในตอนนี้อ่อนแอเสียยิ่งกว่าสุนัขไร้บ้านเสียอีก
นายน้อยหู่ตะโกนขึ้น “ข้านั้นเป็นถึงนายน้อยหู่แห่งเมืองหู่เสี้ยว เจ้า…ถ้าหากว่าเจ้าฆ่าข้า! บิดาข้าจะต้องไปปล่อยเจ้าไปแน่”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นอย่างช้า ๆ “คืนนี้มีคนจำนวนมากที่มาเข้าร่วมการประมูลและล้วนได้ตายไปเสียสิ้น เจ้าคิดว่าเจ้าตายอยู่ที่นี่ บิดาของเจ้าจะคิดว่าพวกเราเป็นผู้ฆ่าหรือ?”
“ผู้ที่ตายไปนั้นคือผู้อื่น พวกเราคนเมืองหู่เสี้ยวจะไม่เป็นไรอย่างแน่นอน!”
“ไม่เป็นอะไร? เจ้าลองว่ามาสิว่าทำไมพวกเจ้าคนของเมืองหู่เสี้ยวถึงจะไม่เป็นอะไร?”
นางเองก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน คนอื่น ๆ ที่เข้าร่วมงานประมูลล้วนแต่ได้ตายตกกันไปจนหมดสิ้น
ในการประมูลครั้งนี้นายน้อยหู่เป็นรองแค่เพียงนางผู้เดียวเท่านั้น ตามหลักแล้วเขาควรที่จะตายไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่ทว่าเขากลับสามารถอยู่รอดได้อย่างแคล้วคลาดปลอดภัยและยังไปลงมือกับเจ้าเมืองเหยียนได้อีก
“เพราะพวกเรา…”
ยังไม่ทันที่เขาจะกล่าวจบ ผู้อาวุโสผู้นั้นก็ได้กล่าวขึ้นขัด “นายน้อย!”
สายตาของมู่เฉียนซีตกทอดไปยังผู้อาวุโสผู้นั้น “ดูทีแล้ว เจ้าเฒ่า เจ้าน่าจะรู้เรื่องอะไรบางอย่าง?”
ผู้อาวุโสกล่าว “ถึงต่อให้ข้าล่วงรู้อะไรมา ข้าก็จะไม่บอกเจ้าหรอก! พวกเจ้าเลิกคิดเสียเถอะ!”
“ข้าจะทำให้พวกเจ้าเล่าความจริงออกมา!” มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเล็กน้อย
นางต้องการที่จะลงมือ แต่ตอนนี้นางยังอยู่ในอ้อมกอดของผู้อื่นอยู่
“ข้ามีธุระ ตอนนี้เจ้าสามารถปล่อยมือได้หรือยัง?” มู่เฉียนซีมองไปทางจิ่วเยี่ยพร้อมกล่าว
“เรื่องข่มขู่ ข้าถนัดนัก!” ดวงตาสีฟ้าอันหนาวเหน็บได้ส่อแววอันโหดเหี้ยมและเย็นยะเยือกออกมา
พลังสายหนึ่งได้มัดตัวผู้อาวุโสผู้นั้นเอาไว้ จากนั้นผู้อาวุโสก็ได้มองเห็นเลือดเนื้อที่ขาทั้งสองข้างของตนกำลังสลายหายไป และได้กลายเป็นกระดูกสีขาว
พื้นที่ของผิวหนังเลือดเนื้อที่กลายเป็นกระดูกสีขาวค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น ผู้อาวุโสร้องอย่างน่าอนาถ “อ๊าก!”
“ปีศาจ ปีศาจ!”
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ที่นายน้อยกลายเป็นเช่นนี้มิใช่เพราะว่าสาวน้อยผู้นั้น หากแต่เป็นเพราะบุรุษผู้น่าหวาดกลัวผู้นี้
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าเฒ่า ถ้าหากว่าเจ้าไม่อยากที่จะอนาถไปกว่านายน้อยของเจ้าละก็ ทางที่ดีที่สุดจงพูดความจริงมา ทำไมผู้อื่นล้วนแต่เกิดเรื่อง แต่พวกเจ้ากลับไม่เป็นอะไร? พวกเจ้าคงมีความสัมพันธ์อันดีกับพวกที่มาทำการล้างเลือดในคืนนี้กระมัง!”
มู่เฉียนซีอดที่จะบ่นจิ่วเยี่ยอยู่ในใจไม่ได้ อะไรกันที่เรียกว่าการข่มขู่นั้นเขาเองก็ถนัดนัก นี่มันเป็นความหยาบกระด้างของเขาชัด ๆ
“ข้า…ข้า…ข้าพูดไม่ได้…”
“เช่นนั้นเจ้าก็จงมองดูร่างกายของเจ้ากลายเป็นโครงกระดูกสีขาวไปอย่างช้า ๆ ก็แล้วกัน! ถึงต่อให้เจ้าตายไปแล้ว เจ้าหมอนั่นเองก็รู้เรื่องมิใช่หรือ?”
ความเย็นยะเยือกนั้นได้แผ่ซ่านออกมาจากกระดูกของเขา ทั้งตัวของเขาสั่นระริกไม่หยุด
“ข้าพูด…ข้าพูดแล้ว พวกเราเมืองหู่เสี้ยวได้ถูกสำนักขวางโซ่วยึดครองไปแล้ว ดังนั้นปฏิบัติการในครั้งนี้ของสำนักขวางโซ่วจะไม่ทำร้ายพวกเราอย่างแน่นอน ที่ข้ารู้ก็มีเพียงเท่านี้ ให้ข้าได้ตายอย่างสบาย ๆ เถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ดูจากเรื่องที่กล่าวออกจากปากเจ้ามาแล้ว คงจะไม่ได้รู้ที่ตั้งของสำนักขวางโซ่วเสียแล้ว”
“จิ่วเยี่ย มอบความสบายให้แก่เขาเถอะ!”
จากนั้นร่างของเขาก็ได้กลายเป็นกระดูกสีขาวไปในทันที ก่อนจะสลายกลายเป็นฝุ่นผงและไร้ร่องรอยไปในที่สุด
เจ้าเมืองเหยียนและเหยียนเซี่ยฉีเบิกตากว้าง พวกเขาตกใจเสียจนริมฝีปากซีดเผือด
เป็นผู้ที่น่ากลัวนัก! เป็นพลังที่น่ากลัวยิ่ง!
แววตาของกู้ไป๋อีหม่นหมองลง เขาช่างเหมือนคนผู้นั้นยิ่งนัก
แต่ถ้าเป็นคนผู้นั้นละก็ ทำไม…ทำไมเขาถึงได้อยู่ใกล้ชิดกับสตรีเพศ!
มันต่างจากข่าวลือไปอย่างสิ้นเชิง!
ท้ายที่สุดแล้ว ผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่เพียงผู้เดียวของเมืองหู่เสี้ยวก็มีแค่เพียงนายน้อยหู่ผู้นี้แล้ว
“ข้าไม่อยากตาย…ข้าไม่อยากตาย! ขอร้องพวกเจ้าปล่อยข้าไปเถอะ! ข้าเองก็มิได้ฆ่าคนของพวกเจ้า แต่เจ้ากลับฆ่าคนของเมืองหู่เสี้ยวของข้าไปมากมายเช่นนี้ ก็ถือว่าหายกันไปได้กระมัง!” เขากล่าวตะโกน
“เจ้าไม่ตายหรอก!” เสียงที่เย็นยะเยือกเสียงหนึ่งลอยมา
มู่เฉียนซีกล่าวกับจิ่วเยี่ย “เจ้าหมอนี่ไร้ประโยชน์แล้ว ฆ่าไปเสียเลยก็ไม่เป็นอะไรนี่?”