ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 937 มีชีวิตรอดได้เพียงผู้เดียว
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นผู้นำทาง เช่นนั้นก็นำทางพวกเราไปสิ!”
หนูทะเลทรายตัวน้อยกล่าวว่า “ไม่ได้! ข้านำทางให้ได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น”
มีคนกล่าวถามขึ้นว่า “นี่เจ้าหมายความว่ายังไง?”
หนูทะเลทรายหันไปตอบคนผู้นั้นว่า “ก็หมายความว่า ข้านำทางให้ได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น พวกเจ้าตัดสินใจกันเอาเองว่าใครจะไปกับข้า”
พวกเขาแต่ละคนต่างก็ทุ่มไปไม่น้อยเลยกว่าจะมาถึงที่แห่งนี้ได้ ไม่มีใครยอมทิ้งโอกาสนี้แน่นอน
แกร่ก! หนูทะเลทรายได้เจาะเข้าไปในทรายอีกครั้งและอันตรธานหายไปเสียแล้ว
ในตอนนี้เอง แสงคมมีดสว่างวาบขึ้น เป้าหมายก็คือมู่เฉียนซี
ไม่มีใครยอมสละสิทธิ์ เช่นนั้นก็มีแค่เพียงทางเลือกเดียวเท่านั้นก็คือฆ่าคนอื่นทิ้งซะ
ตราบใดที่ทำให้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นหายสาบสูญไปได้ ผู้ที่เหลืออยู่เพียงผู้เดียวก็จะถูกหนูทะเลทรายนำทางไปยังเมืองเฮยตู
เมื่อเผชิญกับการโจมตีแบบกะทันหันเช่นนี้ มุมปากของมู่เฉียนซีก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย หรือว่านางดูเหมือนคนที่รังแกได้ง่ายที่สุดแล้วอย่างนั้นเหรอ
ทันทีที่ฝีเท้าของเขาเริ่มเคลื่อนไหว มู่เฉียนซีก็หลบหลีกการโจมตีนี้ได้อย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเองร่างในชุดขาวก็พุ่งออกมา กู้ไป๋อีชักกระบี่ยาวสีเงินครามเล่มนั้นออกมา
น้ำเสียงอันเย็นชาดังก้องกังวาล “เงาจันทราหนาวเหน็บ!”
จันทราสีเงินปรากฏขึ้นในทะเลทรายสีดำนี้!
อ๊ากกก!
คนผู้นั้นที่ลงมือกับมู่เฉียนซี ด้านหน้าเขาปรากฏแสงจันทราขึ้น เลือดสีแดงสดสาดกระจายลงในทะเลทรายสีดำแห่งนี้
ขวั่บ ขวั่บ ขวั่บ!
คนอื่นเห็นเช่นนี้ต่างก็ถอยหลังไปหลายก้าว
พวกเขามองกู้ไป๋อีด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง และกล่าวว่า “ช่างเป็นทักษะกระบี่ที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!”
“เป็นชายหนุ่มที่น่ากลัวมาก!”
เพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถสยบพวกเขาลงได้แล้ว มู่เฉียนซีกล่าว “หากพวกเจ้ายังไม่อยากตายก็รีบหาทางออกไปจากทะเลทรายดำนี้ซะ”
“นี่ นี่ นี่! แม่นางน้อย เจ้าคงจะไม่เข้าใจเกี่ยวกับทะเลทรายดำนี้กระมัง จะมีชีวิตออกไปได้ก็ต่อเมื่อมีชีวิตรอดออกมาจากเมืองเฮยตูและถูกมังกรปีกทมิฬรับไป มิเช่นนั้นก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดเดินออกไปจากทะเลทรายดำแห่งนี้ได้ พวกเราในตอนนี้ นอกเสียจากความตายแล้ว ก็ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเดินแล้ว”
พวกเขาล้วนแต่ไม่ใช่พวกกลัวตาย หากกลัวตาย พวกเขาก็คงไม่คิดจะไปสถานที่อย่างเมืองเฮยตูเช่นนี้
“อีกอย่างพวกเจ้า ต่อให้เจ้าหนุ่มชุดขาวผู้นี้จะแข็งแกร่งมากเพียงใด พวกเจ้าก็คงจะรอดอยู่แค่สองคน ช่างน่าสงสารยิ่งนัก”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พวกข้าสองคนจะเป็นเช่นไรนั้น ไม่ใช่เรื่องของพวกเจ้า ในเมื่อมีทางเลือกเพียงแค่ทางเดียว เช่นนั้นข้าจะส่งพวกเจ้าลงนรกไปก่อนก็แล้วกัน!”
ร่างในชุดสีม่วงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มู่เฉียนซีพุ่งไปที่พวกคนเหล่านั้น ส่วนกู้ไป๋อีก็ลงมือแล้วเช่นกัน
ความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ ทว่า แต่ละคนนั้นก็ไม่อาจดูถูกไปได้
“ทักษะเทียนซวน!”
ตูม! ทักษะเทียนซวนพุ่งออกไป มู่เฉียนซีก็โจมตีหนึ่งคนในนั้นกระเด็นลอยออกไป
พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าไม่เพียงแต่กู้ไป๋อีที่แข็งแกร่งมาก มู่เฉียนซีผู้ที่ดูเหมือนว่าจะอ่อนแอที่สุด แต่ความแข็งแกร่งกลับน่าทึ่งได้ถึงเพียงนี้
เห็นได้ชัดว่านางเป็นเพียงแค่จักรพรรดิแห่งภูตระดับสาม และมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับต่ำนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลย
ปัง ปัง ปัง!
มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีจัดการกับคนเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว จนตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่เขาสองคนแล้ว
มู่เฉียนซีมองกู้ไป๋อีและกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ เจ้ารู้กฎนี้ใช่หรือไม่ เจ้ารู้กฎแล้วเหตุใดยังจะมากับข้าอีก บอกวิธีกับข้าว่ามายังไง เข้าไปยังไงก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วตอนนี้…”
กู้ไป๋อีกล่าว “ข้าเป็นคนแนะนำให้คุณหนูใหญ่มาที่เมืองเฮยตู ข้าอยากเห็นคุณหนูใหญ่เข้าไปได้อย่างปลอดภัยข้าถึงจะวางใจ”
มู่เฉียนซีตกใจผงะไป “นี่เจ้าหมายความว่ายังไง?”
“หรือว่าจะเข้าไปด้วยกันสองคนไม่ได้จริง ๆ เหรอ?” มู่เฉียนซีกำหมัดแน่น นางตะโกนเสียงดังขึ้นว่า “เจ้าหนูทะเลทราย ออกมาเดี๋ยวนี้!”
“เจ้าหนูทะเลทราย…”
กู้ไป๋อีกล่าวเสียงขรึมว่า “คุณหนูใหญ่ พวกเราสองคน เข้าไปได้แค่คนเดียวเท่านั้น”
มู่เฉียนซีโกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว “เจ้าอยากจะให้ข้าฆ่าเจ้าแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
กู้ไป๋อีกล่าว “คุณหนูใหญ่ ข้าอยากรู้มากจริง ๆ ว่าตกลงแล้วทักษะโยวหลัวที่ชายผู้นั้นสอนแข็งแกร่งกว่า หรือทักษะกระบี่ของข้าแข็งแกร่งกว่า”
“ฉะนั้น คุณหนูใหญ่ ลงมือเถอะ!”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ได้!”
ร่างในชุดสีม่วงได้แยกร่างเป็นภาพลวงตาต่อหน้ากู้ไป๋อีอย่างรวดเร็ว กู้ไป๋อีตกใจสะดุ้งเล็กน้อย รวดเร็วยิ่งนัก!
กลิ่นอายความเย็นยะเยือกพลุ่งพล่านขึ้นมาจากรอบ ๆ มู่เฉียนซีตะโกนอย่างเย็นชาว่า “มังกรวารีพิฆาต!”
เมื่อเจอกับการโจมตีทางด้านหลังเช่นนี้ กู้ไป๋อีก็แค่เอนตัวเล็กน้อย ไม่ให้ตนเองถูกทักษะวิญญาณอันแข็งแกร่งนี้แม้แต่น้อย
กระบี่เฉียนหานถูกชักออกมาจากฝัก ในทะเลทรายสีดำอันมืดมิด แสงสีเงินก็ได้ส่องสว่างขึ้น
“เงาจันทราหนาวเหน็บ!”
กระบี่เล่มนี้ของกู้ไป๋อีนั้นไม่ได้ชักช้ายืดยาดเลย
ฉิ้ง! กระบี่มังกรเพลิงถูกชักออกมาจากฝักเช่นกัน
กลิ่นอายความร้อนแผดเผาของกระบี่แผ่ซ่านออกมาต้านทานกระบวนท่าเงาจันทราหนาวเหน็บนั้น
ในตอนนี้เอง มืออีกข้างของมู่เฉียนซีก็ชักกระบี่อีกเล่มออกมา และโจมตีด้วยกระบวนท่าอันแข็งแกร่ง “เงาจันทราหนาวเหน็บ!”
รูม่านตาของกู้ไป๋อีหดลง ทักษะกระบี่คู่!
นึกไม่ถึงว่าสาวน้อยผู้นี้จะสามารถใช้กระบี่สองชนิดที่แตกต่างกันอย่างลิบลับในเวลาเดียวกันได้
การกระทำเช่นนี้ของมู่เฉียนซีเกินกว่าที่กู้ไป๋อีได้จินตนาการเอาไว้มาก ครั้งนี้เขาไม่สามารถหลบหลีกไปง่าย ๆ ได้เหมือนที่ผ่านมา
เลือดสีแดงสดไหลย้อมไปทั่วแขนเสื้อ กู้ไป๋อีกล่าวเสียงขรึมว่า “คุณหนูใหญ่แข็งแกร่งขึ้นแล้ว ดูท่าข้าจะต้องตั้งใจฝึกฝนให้ดีถึงจะถูก!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าควรตั้งใจตั้งนานแล้ว ประเมินข้าต่ำ เจ้าต้องชดใช้”
บนผืนทะเลทรายอันดำสนิท ร่างสีขาวกับร่างสีม่วงทั้งสองร่างต่อสู้สลับกันไปมา ทั้งสองลงมืออย่างไร้ความปรานี
กระบี่คู่ยังฝึกไม่ชำนาญ ใช้ทักษะกระบี่ที่กู้ไป๋อีฝึกฝนมานานหลายสิบปีคิดจะเอาชนะเขานั้นไม่มีทางเป็นไปได้
กระบี่มังกรเพลิงระเบิดการโจมตีออกมาครั้งสุดท้าย “บัวแดงพิฆาต!”
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ ร่างชุดขาวก็หลบหลีกไปอย่างรวดเร็ว ถึงอย่างไรเสียการโจมตีด้วยกระบวนท่านี้เขาก็คุ้นเคยเป็นอย่างมาก
ร่างของมู่เฉียนซีพุ่งออกมาราวกับลูกปืนใหญ่ พร้อมกับการโจมตีทางทักษะวิญญาณ “ทักษะเทียนซวน!”
ความแข็งแกร่งของทักษะเทียนซวนอันทรงพลังกับพลังวิญญาณของกระบี่ก็ได้ปะทะกันภายในชั่วพริบตาเดียว
ตูม!
เม็ดทรายสีดำในทะเลทรายดำได้ม้วนตัวขึ้นกลางอากาศเนื่องจากพลังทั้งสองที่ได้ปะทะกัน และได้ก่อตัวขึ้นเป็นม่านสีดำสนิทเต็มทั่วท้องฟ้า
ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวทะลุผ่านม่านสีดำเข้าไปใกล้กู้ไป๋อี นางกล่าว “เสี่ยวไป๋ เจ้าอยากรู้มากไม่ใช่หรือว่าทักษะโยวหลัวมันแข็งแกร่งเพียงใด เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าได้เห็น!”
“ทักษะโยวหลัว!”
พลังธาตุวารีได้ก่อตัวเป็นระลอกคลื่น ตอนนี้มันไม่ใช่ความนุ่มนวลของวารีแล้ว แต่กลับเป็นจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัว
เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังการกดขี่คุกคามนี้ กู้ไป๋อีก็รับรู้ได้อย่างแท้จริงแล้วว่าทักษะโยวหลัวนั้นน่ากลัวเพียงใด
“กำแพงกระบี่หลิง!” กู้ไป๋อีกวัดแกว่งกระบี่ ทำให้สิ่งที่ปิดกั้นบริเวณโดยรอบกลายเป็นกำแพงกำแพงหนึ่งที่แม้แต่กระบี่นับหมื่นก็ยากที่จะทำลายได้
ตูม! การโจมตีอันแข็งแกร่งโจมตีเข้ามา กำแพงกระบี่ปรากฏรอยแตกร้าวขึ้น!
ฉ่า!
รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นเพียงนิดเดียว กำแพงกระบี่ก็พังทลายลง กู้ไป๋อีได้รับบาดเจ็บสาหัส
ตุบ! และร่างของเขาก็ล้มลง
มุมปากอันงดงามในตอนนี้ได้ปรากฏรอยเลือดขึ้น
มู่เฉียนซีจรดเท้าลงมาจากอากาศ และกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ ในที่สุดข้าก็เอาชนะเจ้าได้แล้ว เพียงแต่ว่าข้าลงมือหนักไปหน่อย เจ้ารีบกินยารักษาบาดแผลเถอะ!”
มู่เฉียนซีก้มลงยื่นยาให้เขา แต่จู่ ๆ เขาก็จับมือของมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีตกตะลึง
เจ้าหมอนี่ได้รับบาดเจ็บแล้วยังคิดจะโจมตีอีกเหรอ ทว่า กู้ไป๋อีกลับไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด เขาเพียงขยับตัวเข้าใกล้มู่เฉียนซีและกระซิบข้างหูนางสามคำว่า “ฆ่าข้าซะ!”