ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 977 สะอิดสะเอียนเข้าแล้ว
ใบหน้านั้นแห้งเหี่ยวยิ่งกว่าเปลือกไม้ที่เน่าผุเสียอีก
และสิ่งที่เหลือเชื่อมากไปกว่านั้นก็คือ ท่ามกลางความแห้งเหี่ยวบนใบหน้านั้น ยังมีผิวขาวนวลบางส่วนปะปนอยู่อีกด้วย ซึ่งขับให้ใบหน้านี้ดูแปลกประหลาดยิ่งไปกว่าเดิม
มู่เฉียนซียืนขึ้นและมองไปที่คนตรงหน้าผู้นี้ “ช่างบังเอิญยิ่งนัก! นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะได้เจอเจ้าที่นี่”
หญิงสาวอสรพิษถอยหลังไปหลายก้าว ดวงตาของนางเบิกกว้างมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความตกใจ “เป็นเจ้า…เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย…”
ถึงแม้ว่าสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าจะแปลงกาย แปลงเพศมา แต่สัญชาตญาณของนางไม่มีผิดแน่นอน
“เจ้า…”
มู่เฉียนซีกล่าว “เดิมทีข้าก็แค่อยากเล่นด้วยสนุก ๆ เท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะมาจับเจ้าได้”
ฝันร้ายในคราก่อน ทำให้หญิงสาวอสรพิษรู้สึกหวาดกลัวต่อความสามารถของมู่เฉียนซี
ร่างของนางเคลื่อนไหวโดยหมายที่จะกระโดดลงไปทางหน้าต่าง แต่ความเร็วของมู่เฉียนซีนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีกล่าว “ครั้งนี้ เจ้าหนีไม่รอดแน่!”
หญิงสาวอสรพิษกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หนีเหรอ ข้าไม่ได้คิดจะหนีอยู่แล้ว คราก่อนเป็นเหตุสุดวิสัย ครานี้อยู่ในพื้นที่อาณาเขตของข้า ข้ายังจะต้องหนีอีกอย่างนั้นเหรอ”
หลังจากที่ตกใจและหวาดกลัวไปเมื่อครู่ ตอนนี้หญิงสาวอสรพิษก็ได้สุขุมขึ้นแล้ว
ถึงแม้ว่าสาวน้อยผู้นี้จะมีความแข็งแกร่งที่น่าประหลาด แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงแค่จักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่เท่านั้น
อีกทั้งตอนนี้นางมาตัวตนเดียว ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวนาง
ขวับ ขวับ ขวับ! นางตบมือเบา ๆ จากนั้นยอดฝีมือของสำนักขวางโซ่วที่แอบซ่อนตัวอยู่ก็ออกมา
ท่านเจ้าเมืองก็รีบวิ่งตามมาเช่นกัน เขากล่าวถามว่า “นายท่าน เกิดอันใดขึ้น?”
หญิงสาวอสรพิษกล่าว “ฆ่าสาวน้อยผู้นี้ซะ!”
พวกเขาต่างตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น สาวน้อยอย่างนั้นเหรอ? คนตรงหน้าผู้นี้เป็นชายหนุ่มชัด ๆ!
“นางคือสาวน้อยผู้น่ารังเกียจผู้นั้นที่ทำให้ข้าเสียโฉม จับตัวนางเอาไว้ ข้าจะทำให้นางชดใช้ให้ข้าพันเท่าหมื่นเท่า!” หญิงอัปลักษณ์กล่าวด้วยท่าทางดุร้าย
มู่เฉียนซีถูกพวกเขาห้อมล้อมไว้แล้ว แต่สีหน้าท่าทางของนางยังคงนิ่งสงบอยู่เฉกเช่นเดิม
นางมองหน้าหญิงสาวอสรพิษและกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าข้าตัวคนเดียวอย่างนั้นเหรอ?”
“เสี่ยวไป๋ ออกมา!”
ร่างในชุดขาวปรากฏกายลงมาจากกลางอากาศ และจรดเท้าลงมาอยู่ข้างกายมู่เฉียนซี
เมื่อหญิงสาวอสรพิษได้เห็นกู้ไป๋อีผู้งดงามที่ดูสูงศักดิ์ดุจดั่งเทพเซียนเข้า ดวงตาของนางก็แทบจะไม่กระพริบเลย นางยิ้มพลางกล่าวว่า “ดี ดียิ่งนัก! นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าก็มาหาข้าถึงที่เช่นนี้ด้วย วันนี้ข้าจะจัดการกับพวกเจ้าทั้งสองคน”
“จับตัวมาให้ข้า!”
เกรงว่าเมืองเทียนอวิ่นก็คงจะถูกสำนักขวางโซ่วควบคุมแล้ว ที่นี่มีคนของสำนักขวางโซ่วอยู่เยอะมาก
มู่เฉียนซีหรี่ตายิ้มพลางกล่าวว่า “นี่เจ้าจะอาศัยว่าคนของตัวเองเยอะอย่างนั้นเหรอ!”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง ออกมา!”
ครั้งตอนที่อยู่ในเมืองเฮยตู อู๋ตี้กับเสี่ยวหงไม่สามารถออกมาช่วยเจ้านายรับมือกับศัตรูได้พวกมันก็รู้สึกกล้ำกลืนมากพออยู่แล้ว ในที่สุดตอนนี้เจ้านายของพวกมันก็ออกมาจากเมืองเฮยตูแล้ว และพวกมันก็สามารถออกมาได้แล้ว
“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทาน หนึ่งเดียวในใต้หล้า! พวกขยะอย่างพวกเจ้า ยังคิดจะมาต่อสู้กับนายท่านของข้าอย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!” อู๋ตี้กล่าวอย่างสูงส่ง
เสี่ยวหงกล่าว “นานแล้วที่ข้าไม่ได้ยืดเส้นยืดสาย พอดีเลยได้จัดการกับพวกเจ้า”
“เพลิงเผาสวรรค์!”
จำต้องบอกเลยว่าลูกน้องของหญิงสาวอสรพิษผู้นี้ฝีมือไม่ค่อยเท่าไหร่เลย!
มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อียังคงไม่ยอมรามือ! อู๋ตี้กับเสี่ยวหงก็ฆ่าศัตรูได้อย่างราบรื่น ใบหน้าของหญิงสาวอสรพิษผู้นี้เขียวคล้ำขึ้นแล้ว
ร่างในชุดขาวเคลื่อนไหวไป หญิงสาวอสรพิษพุ่งเข้าไปตรงหน้ามู่เฉียนซี งูพิษในร่างของนางก็พุ่งออกไปเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “พลังวิญญาณของเจ้าเลื่อนขั้นถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่แล้วจริง ๆ”
ในตอนนี้ดวงตาคู่นั้นของหญิงสาวอสรพิษพลันเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกต ดวงตาคู่นั้นไม่เหมือนมนุษย์ แต่กลับเป็นงูพิษโบราณตัวหนึ่ง
พรวด พรวด พรวด! งูพิษเหล่านี้ถูกเข็มยาโจมตีร่วงลงบนพื้นและไม่สามารถขยับตัวได้
ในตอนนี้เอง เสียงตัดผ่านอากาศเสียงหนึ่งดังขึ้น มู่เฉียนซีก็ได้เห็นหางสีดำหางหนึ่งกำลังกวาดมาที่นาง
นางรีบโคจรพลังวิญญาณเพื่อหลบหลีก หางสีดำนั้นทำร้ายนางไม่ได้แม้แต่น้อย มันสะบัดถูกร่างมายาของนางเท่านั้น
มู่เฉียนซีนึกไม่ถึงเลยว่า หญิงสาวอสรพิษผู้นี้จะมีหางสีดำงอกออกมาเช่นนี้
“ท่านรองเจ้าสำนัก!”
“นายท่าน!”
หญิงสาวชุดขาวที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ใบหน้าดุจดั่งภูติผี อีกทั้งยังมีหางสีดำงอกออกมาอีก ช่างน่าทึ่งเสียจริง
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้ารักในความสวยความงามไม่ใช่หรอกเหรอ การทรมานเช่นนี้ไม่เหมือนมนุษย์เอาซะเลย”
ชิงมู่ได้บอกเนื้อหาในการศึกษาวิปริตนั้นอย่างคร่าว ๆ แต่ก็เพิ่งได้เห็นของจริงก็ครั้งนี้เอง นางรู้สึกสะอิดสะเอียนเป็นอย่างมาก
หญิงสาวอสรพิษกล่าว “เพื่อความแข็งแกร่ง เพื่อฆ่าเจ้า ข้าไม่อาจลังเลได้ วันนี้ เจ้าต้องตาย ส่วนชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นของเจ้า ข้าก็จะรับไว้ก็แล้วกัน ตราบใดที่กลืนกินพลังของเขาได้ ใบหน้าของข้าก็คงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม อย่างไรเสียพรสวรรค์ของเขาก็ไม่เลว”
มู่เฉียนซีกล่าว “หยุดละเมอเพ้อพกฝันกลางวันได้แล้ว เจ้าคิดจริง ๆ เหรอว่ามีหางงอกออกมาเช่นนี้แล้วจะเอาชนะข้าได้”
กระบี่มังกรเพลิงถูกชักออกมาจากฝัก และมู่เฉียนซีก็กวัดแกว่งกระบี่ออกไป!
“มังกรเพลิงสังหาร!”
ร่างชุดม่วงเคลื่อนไหวไป มู่เฉียนซีปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศอยู่เหนือนาง และโจมตีอีกครั้ง “ทักษะโยวหลัว”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
มู่เฉียนซีโจมตีอย่างฉับพลันและเฉียบขาด ในที่สุดก็สามารถจัดการกับหญิงสาวอสรพิษได้
พลังวิญญาณของนางนั้นแข็งแกร่งกว่ามู่เฉียนซีมาก แต่กลับถูกมู่เฉียนซีโจมตีจนแพ้พ่าย
การต่อสู้อันนองเลือดในเมืองเฮยตูในทุก ๆ การต่อสู้นั้นแม่นยำมาก สังหารได้อย่างไร้ซึ่งความลังเล สำหรับการต่อสู้ที่ว่องไวและเฉียบแหลมนั้น ไม่ใช่ผู้ที่ใช้ทักษะชั่วร้ายในการเพิ่มระดับอย่างหญิงสาวอสรพิษจะสามารถเทียบได้ เช่นนี้แล้วหากนางจะไม่พ่ายแพ้จะได้อย่างไรเล่า!
“เงาจันทราหนาวเหน็บ!”
“เงาจันทราคู่!”
แสงสีเงินปรากฏขึ้น ทักษะกระบี่อันไร้ซึ่งความปรานีของกู้ไป๋อีก็แสดงพลังอานุภาพทำให้จวนเจ้าเมืองเสียหายอย่างหนัก
“จักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับเก้า!”
พวกเขาหมดคำพูดแล้ว จักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับเก้าผู้นี้สังหารผู้ที่มีพลังวิญญาณระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดายราวกับหั่นผักหั่นปลา ต่อสู้ข้ามระดับสังหารขั้นมหาจักรพรรดิได้ง่ายดายราวกับดื่มน้ำก็มิปาน ช่างน่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว
หญิงสาวอสรพิษถูกมู่เฉียนซีโจมตีด้วยทักษะวิญญาณอย่างต่อเนื่องจนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่นางคิดจะตอบโต้ ก็ถูกมู่เฉียนซีฉวยโอกาสนี้ทำให้นางไม่อาจตอบโต้ได้เลย
มู่เฉียนซีกล่าว “พลังเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย แต่กำลังในการต่อสู้ของเจ้ายังคงอ่อนแอเช่นเดิม วันนี้ ผู้พ่ายแพ้ก็คือเจ้า!”
“น่ารังเกียจยิ่งนัก!” หญิงสาวอสรพิษรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่กลับทำอันใดมิได้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่วิปริตเช่นนี้ นางทำได้เพียงแค่ยอมแพ้เท่านั้น
ตูม ปัง ปัง!
จวนเจ้าเมืองเกิดความเคลื่อนไหวเช่นนี้ขึ้นทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้คนไม่น้อย เมื่อคนพวกเขามาถึงก็ได้เห็นกับตัวประหลาดตัวหนึ่งที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
“นี่มัน…นี่มันเป็นสัตว์ประหลาดอันใดกัน! ดูเหมือนมนุษย์แต่ก็ไม่ใช่มนุษย์”
“หากเป็นมนุษย์ แล้วเหตุใดใบหน้าถึงได้อัปลักษณ์ปานนี้เล่า อีกทั้งยังมีหางสีดำนั่นอีก”
“……”
อัปลักษณ์ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้ากล่าววาจาว่านางอัปลักษณ์ ใบหน้าของหญิงสาวอสรพิษพลันเปลี่ยนเป็นโหดร้ายขึ้น
“เอ่อ…พวกเจ้าสังเกตเห็นนั่นหรือไม่ ชุดที่หญิงสาวผู้นี้สวมใส่เหมือนกันกับชุดที่คุณหนูใหญ่ของจวนเจ้าเมืองใส่เลย!”
“เว้นเสียจากหางนั่นแล้ว รูปร่างก็เหมือนกันมาก”
“ชายหนุ่มชุดม่วงนั่น ไม่ใช่ผู้ที่ชนะการประลองในวันนี้หรอกหรือ?”
ครั้นแล้วพวกเขาก็ได้รู้เรื่องที่น่ากลัวมากเรื่องหนึ่ง “คุณหนูใหญ่ของจวนท่านเจ้าเมืองเป็นสัตว์ประหลาด!”
“พระเจ้า! นึกไม่ถึงว่านางจะเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ โชคดีนะที่ข้าแพ้การประลอง มิเช่นนั้นแล้วหากต้องเข้าหอกับนาง แล้วอยู่ ๆ นางกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดเช่นนี้ข้าคงตกใจจนกระเจิงแน่”
.