ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 94 รถใหม่
บทที่ 94 รถใหม่
ฝูงชนรอบ ๆ เมื่อได้เห็นภาพที่คู่สามีภรรยาของแก็งค์มังกรครามก้มหัวขอขมาให้กับอวี้ฮ่าวหราน พวกเขาก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
บ้าไปแล้ว ทำไมทุกอย่างมันกลับตาลปัตรแบบนี้?
เหตุการณ์มันควรจะจบด้วยการนองเลือดไม่ใช่เหรอ?
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมทุกอย่างมันเป็นแบบนี้?”
“ไอ้เจ้าหนุ่มคนนั้นมีเบื้องหลังไม่ธรรมดางั้นเหรอ?”
“น่าจะเป็นแบบนั้น นับได้ว่านังผู้หญิงคนนั้นหาเรื่องให้ผัวของตัวเองแท้ ๆ สมน้ำหน้า!”
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อเขาเห็นว่าคนทั้งคู่ยอมคุกเข่าขอขมาให้เขาแต่โดยดี เขาก็รู้สึกจนใจทำอะไรไม่ลง
ไอ้คนคนนี้ที่ชื่อเฉินซิวนี่มันยืดหยุ่นดีจริง ๆ ยอมละทิ้งศักดิ์ศรีทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด คนแบบนี้ย่อมมีชีวิตยืดยาวพอสมควร
แต่ในเมื่อคนพวกนี้สร้างความเดือดร้อนให้เขาอีกรอบ เขาจะปล่อยไปเลยโดยที่ไม่ทำอะไรเลยมันย่อมไม่ได้!
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่รถของเขาเองซึ่งถูกชนจนขับต่อไม่ได้ก่อนจะหันกลับมาพูดกับเฉินซิวว่า “รถของฉันโดนเมียของแกชนจนขับต่อไม่ได้ แกจะชดใช้ยังไง?”
เมื่อได้ยินคำถามของอวี้ฮ่าวหราน เฉินซิวรีบตบหน้าอกของเขาทันทีและชี้ไปที่รถ bentley bentayga ของเขาเอง “พี่ชาย หากไม่รังเกียจรถของผม พี่เอารถของผมไปได้เลยตามสบาย!”
ทันทีที่พูดจบ เฉินซิวลุกขึ้นและยื่นกุญแจรถให้กับอวี้ฮ่าวหรานด้วยท่าทางสุภาพที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
อวี้ฮ่าวหรานหยิบกุญแจมา จากนั้นเขาลองกดปุ่มปลดล็อกรถจากกุญแจเพื่อดูว่าเป็นคันไหนที่เฉินซิวมอบให้เขา ซึ่งเขาก็ได้เห็นว่ารถที่เฉินซิวมอบให้เขานั้นมันน่าจะแพงกว่ารถของเขาพอดู
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ในใจของเขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมลักษณะนิสัยยืดหยุ่นของเฉินซิว
“รถของนายฉันชอบมาก เอาเป็นว่าเรื่องคราวนี้ฉันจะยกโทษให้ก่อน แต่จำคำพูดของฉันเอาไว้ให้ดีนับจากนี้ดูแลผู้หญิงของนายหน่อย ไม่งั้นสักวันนายคงตายเพราะเธอ!” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินกลับไปที่รถของเขาเองเพื่ออุ้มถวนถวนพร้อมกับลูกหมาออกมา
“ได้ครับพี่ ได้ครับพี่! เดี๋ยวผมจะเดินไปส่งนะครับรถของผมจอดอยู่ค่อนข้างไกล…” เฉินซิวโค้งตัวหลายรอบตกปากรับคำ อวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าประจบประแจง จากนั้นเขารีบเดินค้อมหัวตามอวี้ฮ่าวหรานราวกับว่าตัวเขาเองเป็นลูกน้องยังไงยังงั้น
หลังจากขึ้นรถ อวี้ฮ่าวหรานพาถวนถวนตรงกลับคอนโดอย่างรวดเร็ว
ในห้องนั่งเล่น
“พ่อจ๋า ลูกกวาดยังร้องอยู่เลย พ่อช่วยรักษามันที!”
ถวนถวนลูบหัวปลอบลูกหมาพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าโศก
อวี้ฮ่าวหรานใช้เนตรเทวะสำรวจดูทั่วทั้งร่างของลูกหมาอีกครั้ง จากนั้นเขาวางมือลงไปที่ขาของมันข้างที่กระดูกแตกแล้วค่อย ๆ ปล่อยพลังวิญญาณเข้าไปเรื่อย ๆ อย่างแผ่วเบา
สาเหตุที่อวี้ฮ่าวหรานไม่รักษาให้ลูกหมาตัวนี้เลยตั้งแต่ในระหว่างรอให้พวกเฉินซิวมาถึง เป็นเพราะในเวลานี้พลังของเขายังไม่แข็งแกร่งถึงขนาดรักษาอาการบาดเจ็บต่าง ๆ ให้กับสิ่งมีชีวิตหรือคนให้หายขาดได้อย่างรวดเร็ว
เขาในตอนนี้หากจะรักษาอาการบาดเจ็บให้กับอะไรสักอย่าง… จำเป็นต้องใช้สมาธิและเวลาพอสมควร ดังนั้นหากในเวลานั้นพวกเฉินซิวโผล่มาตอนที่เขากำลังรักษาเจ้าลูกหมาน้อยตัวนี้อยู่พอดี มันจะทำให้เขาเสียสมาธิ! ซึ่งถ้าเมื่อไหร่ที่การรักษาด้วยพลังวิญญาณขาดตอนไป เจ้าหมาตัวนี้อาจพิการถาวรไปเลยก็ได้
แต่ในตอนนี้เมื่อกลับมาถึงห้องแล้ว เขาจึงสามารถรักษามันได้อย่างมั่นใจ
อวี้ฮ่าวหรานใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงก็รักษาลูกหมาตัวน้อยนี้เสร็จ
“โฮ่ง โฮ่ง!”
หลังจากได้รับการรักษาแล้ว เจ้าลูกกวาดค่อย ๆ ยันตัวของมันยืนขึ้นอย่างไม่แน่ใจ ซึ่งหลังจากที่มันยืนขึ้นได้สักพักและแน่ใจว่ามันไม่เจ็บอะไรแล้ว มันก็แกว่งหางอย่างร่าเริงและวิ่งกระโดดไปรอบ ๆ
“ฮ่าฮ่า ลูกกวาด ลูกกวาดหายดีแล้ว!”
ถวนถวนปรบมือดีใจและรีบวิ่งไปเล่นกับลูกหมาตัวน้อยทันที
เมื่อเห็นภาพที่ลูกสาวของตัวเองกำลังมีความสุข อวี้ฮ่าวหรานก็เดินไปนั่งลงที่โซฟาด้วยสีหน้าอิ่มเอมลืมความเหนื่อยล้าทั้งหมดไป
เวลาผ่านไปอีกราว 15 นาที หลี่หรงก็กลับมาจากที่ทำงาน
“พี่เขย พวกเรามีแขกงั้นเหรอ? ฉันเห็นมีรถใครไม่รู้มาจอดตรงที่จอดรถของห้องเรา อ้อใช่ ว่าแต่รถพี่ไปไหนแล้ว?”
หลี่หรงถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย เพราะทุกห้องจะมีที่จอดรถส่วนตัวถูกจัดเอาไว้ให้เจ้าของห้อง 2 ช่องเป็นที่จอดถาวร แต่วันนี้มันกลับมีรถที่ไม่ใช่ของพี่เขยเธอมาจอด ตามปกติแล้วถ้าเป็นรถของคนนอกมันควรจะไปจอดในที่จอดส่วนกลางชั่วคราวแทน
“อ้อ พวกเราไม่มีแขกหรอก รถคันนั้นมันเป็นรถใหม่ของพี่เองเผอิญว่าวันนี้มีใครบางคนให้มันกับพี่” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับด้วยสีหน้าปกติ
หลี่หรงแสดงสีหน้าโง่งมเมื่อได้ยินคำตอบนี้
ใครกันที่ใจดีมอบรถให้คนอื่นง่าย ๆ แบบนี้? และยิ่งไปกว่านั้น นั่นมันรถ bentley เชียวนะ!
“ใครกันใจดีกับพี่ขนาดนี้?” หลี่หรงเอ่ยถามขึ้นอีกรอบด้วยสีหน้างุนงง
“เป็นคนที่นิสัยน่าสนใจมากเลยล่ะ” อวี้ฮ่าวหรานยิ้มและตอบกลับ เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเฉินซิวที่ยอมคุกเข่าให้กับเขาเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดและสู้ไม่ได้
“โฮ่ง โฮ่ง!”
ก่อนที่หลี่หรงจะทันได้ถามอะไรต่อ ความสนใจของเธอก็ถูกเบี่ยงเบนด้วยเสียงหมาเห่า และจากนั้นเธอก็เห็นเจ้าลูกกวาดวิ่งออกมาจากห้องของถวนถวน
เจ้าลูกหมาน้อยไม่รู้จักหลี่หรง ดังนั้นมันจึงเห่าก่อนที่จะรีบวิ่งมาดมขาเธอด้วยท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ
“เอ๊? ลูกหมาตัวนี้มาจากไหนกัน?” หลี่หรงเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง จากนั้นเธอย่อตัวลงไปอุ้มมันขึ้นมาดูชัด ๆ
“ว้าว เจ้าลูกหมาตัวนี้น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย!”
“บังเอิญว่าวันนี้ขากลับจากบริษัท พี่ขับรถผ่านตลาดขายสัตว์เลี้ยงพอดีแล้วถวนถวนอยากลงไปดูพวกสัตว์ พี่ก็เลยพาเข้าไป แล้วจากนั้นเทพธิดาน้อยจอมซนของเราก็ไปต้องตาต้องใจเจ้าลูกหมาตัวนี้พี่ก็เลยซื้อมันมา” อวี้ฮ่าวหรานอธิบายสั้น ๆ แบบกระชับ
“ดีจัง!” หลี่หรงเอ่ยขึ้นด้วยสายตาเป็นประกายในขณะที่มองเจ้าลูกหมาซึ่งกำลังอยู่ในอ้อมกอดของเธอ
“พี่เขย อันที่จริงฉันเองก็อยากจะเลี้ยงพวกสัตว์เอาไว้ในห้องมานานแล้วเหมือนกัน แต่มันติดตรงที่ว่าก่อนหน้านี้ฉันไม่ค่อยจะมีเวลาเลย และฉันก็ไม่อยากจะรบกวนพี่เลี้ยงหนิงสักเท่าไหร่ ฉันก็เลยไม่ได้สมหวังสักที”
เมื่อพูดถึงประโยคนี้ หลี่หรงลูบเจ้าลูกกวาดด้วยความเอ็นดูก่อนจะพูดต่อ “แต่ตอนนี้มันคงไม่มีปัญหานั้นแล้ว เพราะพี่เขยกลับมาแล้ว พวกเราช่วยกันเลี้ยงมันได้แน่นอน!”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าให้กับหลี่หรง เขารู้สึกดีใจมากกว่าเดิมที่เห็นว่าหลี่หรงเองก็ชอบเจ้าลูกหมาตัวนี้เช่นกัน
บ่ายวันต่อมา ในที่สุดป้ายชื่อบริษัทชงซานก็ถูกเปลี่ยนเป็น ‘เครือฮ่าวหราน’
“ผู้จัดการหวัง ตอนนี้ประสิทธิภาพในสายการผลิตของเราเป็นยังไงบ้างหลังจากปรับโครงสร้างไปเรียบร้อย?”
ขณะนี้อวี้ฮ่าวหรานนั่งอยู่ในออฟฟิศของเขาเองพร้อมกับมีผู้จัดการหวังนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงานของเขา
“ท่านประธานอวี้ หลังจากปรับโครงสร้างภายในไปและได้ติดตั้งหุ่นปัญญาประดิษฐ์ไปแล้ว 2 ชุด ขณะนี้กำลังการผลิตของเราเพิ่มขึ้นมาได้ราว 45% ซึ่งผมได้คำนวณเอาไว้คร่าว ๆ ว่าถ้าเมื่อไหร่ที่หุ่นปัญญาประดิษฐ์ถูกนำมาติดตั้งครบ 6 ชุด กำลังการผลิตของเราคงเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนประมาณที่ 120% ส่วนปัญหาภายในแผนกการผลิตที่เกี่ยวกับคนงานตอนนี้ทุกอย่างถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ผมมั่นใจว่าไม่มีใครกล้าประท้วงโดยไร้เหตุผลอีกแน่นอน”
ผู้จัดการหวังรายงานขึ้นพร้อมกับวางเอกสารปึกใหญ่ให้กับ อวี้ฮ่าวหราน เพื่อให้เขาอ่านรายละเอียดทุกอย่างดูด้วยตัวเองอีกครั้ง
นับวันเขายิ่งเชิดชูอวี้ฮ่าวหรานมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะแผนการของอวี้ฮ่าวหรานนั้นมันใช้ได้ผลจริง ๆ
ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนใด ๆ ระบบการทำงานของที่นี่ค่อนข้างหละหลวมเป็นอย่างมาก มีหลายตำแหน่งในบริษัทอย่างมากที่วัน ๆ ไม่มีอะไรทำเอาแต่นั่งอยู่เฉย ๆ กินเงินเดือนไปแบบเปล่า ๆ ในทางกลับกันตำแหน่งไหนที่ยุ่ง ก็ยุ่งกันจนหัวหมุนแทบไม่มีเวลากินข้าวกันเลย
แต่หลังจากปรับปรุงโครงสร้างบริษัทเรียบร้อย ทุกตำแหน่งก็มีการแบ่งสันปันส่วนงานกันอย่างเท่าเทียม ซึ่งมันทำให้งานต่าง ๆ ในบริษัทมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมโดยที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนเงินเพิ่มเลยนอกจากการซื้อหุ่นทั้ง 6 ชุดมาใหม่
“ดีมาก ในเมื่อเป็นแบบนี้ทุกอย่างมันก็ตรงกับที่แผนที่ผมเคยวางเอาไว้ตั้งแต่แรก”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเขาเอ่ยถามต่อ
“ในเมื่อปัญหาภายในถูกแก้ไปแล้ว ตอนนี้มีปัญหาอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในบริษัทบ้างไหม?”
“มีครับท่านประธาน” ผู้จัดการหวังพยักหน้า “หลังจากที่พวกเราปรับปรุงโครงสร้างบริษัทเรียบร้อย ซึ่งมันส่งผลให้พวกเรามีกำลังการผลิตที่มากขึ้น แต่มันก็ส่งผลในด้านลบกับเราเช่นกัน เนื่องจากด้วยจำนวนสินค้าที่เราผลิตได้เร็วเกินไป มันจึงทำให้เราขายไม่ทันและทำให้โกดังของเราเต็มไปด้วยสินค้าค้างสต๊อกจนแทบจะล้น”
บทที่ 94 รถใหม่
ฝูงชนรอบ ๆ เมื่อได้เห็นภาพที่คู่สามีภรรยาของแก็งค์มังกรครามก้มหัวขอขมาให้กับอวี้ฮ่าวหราน พวกเขาก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
บ้าไปแล้ว ทำไมทุกอย่างมันกลับตาลปัตรแบบนี้?
เหตุการณ์มันควรจะจบด้วยการนองเลือดไม่ใช่เหรอ?
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมทุกอย่างมันเป็นแบบนี้?”
“ไอ้เจ้าหนุ่มคนนั้นมีเบื้องหลังไม่ธรรมดางั้นเหรอ?”
“น่าจะเป็นแบบนั้น นับได้ว่านังผู้หญิงคนนั้นหาเรื่องให้ผัวของตัวเองแท้ ๆ สมน้ำหน้า!”
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อเขาเห็นว่าคนทั้งคู่ยอมคุกเข่าขอขมาให้เขาแต่โดยดี เขาก็รู้สึกจนใจทำอะไรไม่ลง
ไอ้คนคนนี้ที่ชื่อเฉินซิวนี่มันยืดหยุ่นดีจริง ๆ ยอมละทิ้งศักดิ์ศรีทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด คนแบบนี้ย่อมมีชีวิตยืดยาวพอสมควร
แต่ในเมื่อคนพวกนี้สร้างความเดือดร้อนให้เขาอีกรอบ เขาจะปล่อยไปเลยโดยที่ไม่ทำอะไรเลยมันย่อมไม่ได้!
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่รถของเขาเองซึ่งถูกชนจนขับต่อไม่ได้ก่อนจะหันกลับมาพูดกับเฉินซิวว่า “รถของฉันโดนเมียของแกชนจนขับต่อไม่ได้ แกจะชดใช้ยังไง?”
เมื่อได้ยินคำถามของอวี้ฮ่าวหราน เฉินซิวรีบตบหน้าอกของเขาทันทีและชี้ไปที่รถ bentley bentayga ของเขาเอง “พี่ชาย หากไม่รังเกียจรถของผม พี่เอารถของผมไปได้เลยตามสบาย!”
ทันทีที่พูดจบ เฉินซิวลุกขึ้นและยื่นกุญแจรถให้กับอวี้ฮ่าวหรานด้วยท่าทางสุภาพที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
อวี้ฮ่าวหรานหยิบกุญแจมา จากนั้นเขาลองกดปุ่มปลดล็อกรถจากกุญแจเพื่อดูว่าเป็นคันไหนที่เฉินซิวมอบให้เขา ซึ่งเขาก็ได้เห็นว่ารถที่เฉินซิวมอบให้เขานั้นมันน่าจะแพงกว่ารถของเขาพอดู
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ในใจของเขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมลักษณะนิสัยยืดหยุ่นของเฉินซิว
“รถของนายฉันชอบมาก เอาเป็นว่าเรื่องคราวนี้ฉันจะยกโทษให้ก่อน แต่จำคำพูดของฉันเอาไว้ให้ดีนับจากนี้ดูแลผู้หญิงของนายหน่อย ไม่งั้นสักวันนายคงตายเพราะเธอ!” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินกลับไปที่รถของเขาเองเพื่ออุ้มถวนถวนพร้อมกับลูกหมาออกมา
“ได้ครับพี่ ได้ครับพี่! เดี๋ยวผมจะเดินไปส่งนะครับรถของผมจอดอยู่ค่อนข้างไกล…” เฉินซิวโค้งตัวหลายรอบตกปากรับคำ อวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าประจบประแจง จากนั้นเขารีบเดินค้อมหัวตามอวี้ฮ่าวหรานราวกับว่าตัวเขาเองเป็นลูกน้องยังไงยังงั้น
หลังจากขึ้นรถ อวี้ฮ่าวหรานพาถวนถวนตรงกลับคอนโดอย่างรวดเร็ว
ในห้องนั่งเล่น
“พ่อจ๋า ลูกกวาดยังร้องอยู่เลย พ่อช่วยรักษามันที!”
ถวนถวนลูบหัวปลอบลูกหมาพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าโศก
อวี้ฮ่าวหรานใช้เนตรเทวะสำรวจดูทั่วทั้งร่างของลูกหมาอีกครั้ง จากนั้นเขาวางมือลงไปที่ขาของมันข้างที่กระดูกแตกแล้วค่อย ๆ ปล่อยพลังวิญญาณเข้าไปเรื่อย ๆ อย่างแผ่วเบา
สาเหตุที่อวี้ฮ่าวหรานไม่รักษาให้ลูกหมาตัวนี้เลยตั้งแต่ในระหว่างรอให้พวกเฉินซิวมาถึง เป็นเพราะในเวลานี้พลังของเขายังไม่แข็งแกร่งถึงขนาดรักษาอาการบาดเจ็บต่าง ๆ ให้กับสิ่งมีชีวิตหรือคนให้หายขาดได้อย่างรวดเร็ว
เขาในตอนนี้หากจะรักษาอาการบาดเจ็บให้กับอะไรสักอย่าง… จำเป็นต้องใช้สมาธิและเวลาพอสมควร ดังนั้นหากในเวลานั้นพวกเฉินซิวโผล่มาตอนที่เขากำลังรักษาเจ้าลูกหมาน้อยตัวนี้อยู่พอดี มันจะทำให้เขาเสียสมาธิ! ซึ่งถ้าเมื่อไหร่ที่การรักษาด้วยพลังวิญญาณขาดตอนไป เจ้าหมาตัวนี้อาจพิการถาวรไปเลยก็ได้
แต่ในตอนนี้เมื่อกลับมาถึงห้องแล้ว เขาจึงสามารถรักษามันได้อย่างมั่นใจ
อวี้ฮ่าวหรานใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงก็รักษาลูกหมาตัวน้อยนี้เสร็จ
“โฮ่ง โฮ่ง!”
หลังจากได้รับการรักษาแล้ว เจ้าลูกกวาดค่อย ๆ ยันตัวของมันยืนขึ้นอย่างไม่แน่ใจ ซึ่งหลังจากที่มันยืนขึ้นได้สักพักและแน่ใจว่ามันไม่เจ็บอะไรแล้ว มันก็แกว่งหางอย่างร่าเริงและวิ่งกระโดดไปรอบ ๆ
“ฮ่าฮ่า ลูกกวาด ลูกกวาดหายดีแล้ว!”
ถวนถวนปรบมือดีใจและรีบวิ่งไปเล่นกับลูกหมาตัวน้อยทันที
เมื่อเห็นภาพที่ลูกสาวของตัวเองกำลังมีความสุข อวี้ฮ่าวหรานก็เดินไปนั่งลงที่โซฟาด้วยสีหน้าอิ่มเอมลืมความเหนื่อยล้าทั้งหมดไป
เวลาผ่านไปอีกราว 15 นาที หลี่หรงก็กลับมาจากที่ทำงาน
“พี่เขย พวกเรามีแขกงั้นเหรอ? ฉันเห็นมีรถใครไม่รู้มาจอดตรงที่จอดรถของห้องเรา อ้อใช่ ว่าแต่รถพี่ไปไหนแล้ว?”
หลี่หรงถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย เพราะทุกห้องจะมีที่จอดรถส่วนตัวถูกจัดเอาไว้ให้เจ้าของห้อง 2 ช่องเป็นที่จอดถาวร แต่วันนี้มันกลับมีรถที่ไม่ใช่ของพี่เขยเธอมาจอด ตามปกติแล้วถ้าเป็นรถของคนนอกมันควรจะไปจอดในที่จอดส่วนกลางชั่วคราวแทน
“อ้อ พวกเราไม่มีแขกหรอก รถคันนั้นมันเป็นรถใหม่ของพี่เองเผอิญว่าวันนี้มีใครบางคนให้มันกับพี่” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับด้วยสีหน้าปกติ
หลี่หรงแสดงสีหน้าโง่งมเมื่อได้ยินคำตอบนี้
ใครกันที่ใจดีมอบรถให้คนอื่นง่าย ๆ แบบนี้? และยิ่งไปกว่านั้น นั่นมันรถ bentley เชียวนะ!
“ใครกันใจดีกับพี่ขนาดนี้?” หลี่หรงเอ่ยถามขึ้นอีกรอบด้วยสีหน้างุนงง
“เป็นคนที่นิสัยน่าสนใจมากเลยล่ะ” อวี้ฮ่าวหรานยิ้มและตอบกลับ เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเฉินซิวที่ยอมคุกเข่าให้กับเขาเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดและสู้ไม่ได้
“โฮ่ง โฮ่ง!”
ก่อนที่หลี่หรงจะทันได้ถามอะไรต่อ ความสนใจของเธอก็ถูกเบี่ยงเบนด้วยเสียงหมาเห่า และจากนั้นเธอก็เห็นเจ้าลูกกวาดวิ่งออกมาจากห้องของถวนถวน
เจ้าลูกหมาน้อยไม่รู้จักหลี่หรง ดังนั้นมันจึงเห่าก่อนที่จะรีบวิ่งมาดมขาเธอด้วยท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ
“เอ๊? ลูกหมาตัวนี้มาจากไหนกัน?” หลี่หรงเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง จากนั้นเธอย่อตัวลงไปอุ้มมันขึ้นมาดูชัด ๆ
“ว้าว เจ้าลูกหมาตัวนี้น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย!”
“บังเอิญว่าวันนี้ขากลับจากบริษัท พี่ขับรถผ่านตลาดขายสัตว์เลี้ยงพอดีแล้วถวนถวนอยากลงไปดูพวกสัตว์ พี่ก็เลยพาเข้าไป แล้วจากนั้นเทพธิดาน้อยจอมซนของเราก็ไปต้องตาต้องใจเจ้าลูกหมาตัวนี้พี่ก็เลยซื้อมันมา” อวี้ฮ่าวหรานอธิบายสั้น ๆ แบบกระชับ
“ดีจัง!” หลี่หรงเอ่ยขึ้นด้วยสายตาเป็นประกายในขณะที่มองเจ้าลูกหมาซึ่งกำลังอยู่ในอ้อมกอดของเธอ
“พี่เขย อันที่จริงฉันเองก็อยากจะเลี้ยงพวกสัตว์เอาไว้ในห้องมานานแล้วเหมือนกัน แต่มันติดตรงที่ว่าก่อนหน้านี้ฉันไม่ค่อยจะมีเวลาเลย และฉันก็ไม่อยากจะรบกวนพี่เลี้ยงหนิงสักเท่าไหร่ ฉันก็เลยไม่ได้สมหวังสักที”
เมื่อพูดถึงประโยคนี้ หลี่หรงลูบเจ้าลูกกวาดด้วยความเอ็นดูก่อนจะพูดต่อ “แต่ตอนนี้มันคงไม่มีปัญหานั้นแล้ว เพราะพี่เขยกลับมาแล้ว พวกเราช่วยกันเลี้ยงมันได้แน่นอน!”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าให้กับหลี่หรง เขารู้สึกดีใจมากกว่าเดิมที่เห็นว่าหลี่หรงเองก็ชอบเจ้าลูกหมาตัวนี้เช่นกัน
บ่ายวันต่อมา ในที่สุดป้ายชื่อบริษัทชงซานก็ถูกเปลี่ยนเป็น ‘เครือฮ่าวหราน’
“ผู้จัดการหวัง ตอนนี้ประสิทธิภาพในสายการผลิตของเราเป็นยังไงบ้างหลังจากปรับโครงสร้างไปเรียบร้อย?”
ขณะนี้อวี้ฮ่าวหรานนั่งอยู่ในออฟฟิศของเขาเองพร้อมกับมีผู้จัดการหวังนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงานของเขา
“ท่านประธานอวี้ หลังจากปรับโครงสร้างภายในไปและได้ติดตั้งหุ่นปัญญาประดิษฐ์ไปแล้ว 2 ชุด ขณะนี้กำลังการผลิตของเราเพิ่มขึ้นมาได้ราว 45% ซึ่งผมได้คำนวณเอาไว้คร่าว ๆ ว่าถ้าเมื่อไหร่ที่หุ่นปัญญาประดิษฐ์ถูกนำมาติดตั้งครบ 6 ชุด กำลังการผลิตของเราคงเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนประมาณที่ 120% ส่วนปัญหาภายในแผนกการผลิตที่เกี่ยวกับคนงานตอนนี้ทุกอย่างถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ผมมั่นใจว่าไม่มีใครกล้าประท้วงโดยไร้เหตุผลอีกแน่นอน”
ผู้จัดการหวังรายงานขึ้นพร้อมกับวางเอกสารปึกใหญ่ให้กับ อวี้ฮ่าวหราน เพื่อให้เขาอ่านรายละเอียดทุกอย่างดูด้วยตัวเองอีกครั้ง
นับวันเขายิ่งเชิดชูอวี้ฮ่าวหรานมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะแผนการของอวี้ฮ่าวหรานนั้นมันใช้ได้ผลจริง ๆ
ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนใด ๆ ระบบการทำงานของที่นี่ค่อนข้างหละหลวมเป็นอย่างมาก มีหลายตำแหน่งในบริษัทอย่างมากที่วัน ๆ ไม่มีอะไรทำเอาแต่นั่งอยู่เฉย ๆ กินเงินเดือนไปแบบเปล่า ๆ ในทางกลับกันตำแหน่งไหนที่ยุ่ง ก็ยุ่งกันจนหัวหมุนแทบไม่มีเวลากินข้าวกันเลย
แต่หลังจากปรับปรุงโครงสร้างบริษัทเรียบร้อย ทุกตำแหน่งก็มีการแบ่งสันปันส่วนงานกันอย่างเท่าเทียม ซึ่งมันทำให้งานต่าง ๆ ในบริษัทมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมโดยที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนเงินเพิ่มเลยนอกจากการซื้อหุ่นทั้ง 6 ชุดมาใหม่
“ดีมาก ในเมื่อเป็นแบบนี้ทุกอย่างมันก็ตรงกับที่แผนที่ผมเคยวางเอาไว้ตั้งแต่แรก”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเขาเอ่ยถามต่อ
“ในเมื่อปัญหาภายในถูกแก้ไปแล้ว ตอนนี้มีปัญหาอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในบริษัทบ้างไหม?”
“มีครับท่านประธาน” ผู้จัดการหวังพยักหน้า “หลังจากที่พวกเราปรับปรุงโครงสร้างบริษัทเรียบร้อย ซึ่งมันส่งผลให้พวกเรามีกำลังการผลิตที่มากขึ้น แต่มันก็ส่งผลในด้านลบกับเราเช่นกัน เนื่องจากด้วยจำนวนสินค้าที่เราผลิตได้เร็วเกินไป มันจึงทำให้เราขายไม่ทันและทำให้โกดังของเราเต็มไปด้วยสินค้าค้างสต๊อกจนแทบจะล้น”