ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 100
“ข้าสังหารหลินเซี่ยแล้ว”
“อะไรนะ?!”
มู่จิ่วแม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อได้ยินความจริงตรงๆ เช่นนี้ก็ยังตกตะลึง!
“หลินเซี่ยถูกจิ้งจอกชิงชิวทำร้าย ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เจ้าสำนักใช้มหาโอสถทองอันมีค่าของสำนักกับเขาเพื่อรักษาจิตต้นกำเนิด ข้าอาศัยตอนไม่มีคนในห้อง เข้าไปบีบบังคับเอามหาโอสถทองมา จากนั้นกลัวเขาจะแพร่งพรายเรื่องจริง จึงทำลายจุดตันเถียนของเขาจนแหลกละเอียด ภายหลังข้าทิ้งขนของจิ้งจอกแดงที่นอกต้าหนิงนั้นไว้ริมหมอน แล้วกินมหาโอสถทองเข้าไป สภาพจึงกลายเป็นแบบนี้”
เขาเอ่ยพลางมองไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง
มู่จิ่วสับสนอยู่นานถึงค่อยรวบรวมสติกลับมาได้ ที่แท้เขาเป็นคนสังหารหลินเซี่ย ไม่ใช่มู่หรงหลิวเย่จริงๆ เขากลับหลอกทุกคน จากนั้นยังโยนเรื่องไปให้ชิงชิว!
“ทำไมเจ้าถึงกลายเป็นแบบนี้?” มู่จิ่วยืนขึ้นมา “เจ้ารู้ไหมว่าทำอย่างนี้เกือบจะก่อให้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดไหน?!” นางรับได้เรื่องที่เขาเอาคืนสำนักแรกพยับ แต่นางรับไม่ได้ที่เขาสังหารคนแล้วยังป้ายสีผู้อื่น แบบนี้มิใช่ต่ำช้าเกินไปหรือ? เช่นนี้ต่างกับพวกจีหย่งฟางเหลียงชิวฉานที่รังแกเขาอย่างไร?
“ข้าเป็นแบบนี้มาแต่แรก”
เขาตอบเรียบๆ จากนั้นก็ละสายตากลับมาบนใบหน้านาง “ข้าเป็นคนที่หากไม่ถึงเป้าหมายจะไม่หยุดมาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรข้าไม่เคยหวังเรื่องปีนถึงตำแหน่งสูงแค่ไหน และก็ไม่เคยคิดจะเป็นเทพเซียนที่ยอดเยี่ยม ข้าเพียงแต่ต้องการความสามารถบางอย่างเพื่อช่วยแม่ข้า จากนั้นก็เลื่อนเป็นเซียนแล้วออกจากสำนักแรกพยับ”
“แต่ความจริงกับสิ่งที่หวังผิดกันนัก บนโลกใบนี้มักมีคนบางคนไม่ต้องการให้ทางเดินชีวิตแก่ข้า ข้าฝากความหวังทั้งหมดไว้กับการเลื่อนขั้น แต่ความจริงกลับตีแสกหน้าข้าโดยพลัน เพื่อกลั่นแกล้งข้า เพื่อกลั่นแกล้งข้าให้หลินเซี่ยดู ตอนนั้นที่จีหมิ่นจวินชำระล้างรากฐานวิญญาณให้ข้า นางจงใจไม่ชำระล้างให้สะอาด ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมานี้ข้าจึงหยุดอยู่ที่ขั้นจู้จี”
“ข้าก็เป็นคน ข้ากล้ำกลืนความเกลียดแค้น ยอมรับการดูหมิ่นดูถูกจากสำนักแรกพยับมาตลอดสี่ร้อยปี ไม่ใช่เพราะว่าข้าเป็นพวกไร้ค่าโดยกำเนิด แต่เพราะข้ามีความมุ่งมั่นของตน ข้ารู้ดีว่าข้ามผ่านพวกเขาไม่ได้ จึงเลือกได้เพียงแค่อดทน แต่คราวนี้ข้าไม่คิดจะทนแล้ว รากฐานวิญญาณของข้าไม่สะอาด ไม่รู้ปีไหนเดือนไหนจึงจะสามารถเลื่อนขั้น ข้าช่วยแม่ข้าไม่ได้ แล้วยิ่งไม่มีทางทำให้นางมีชาติต่อไปที่สงบ”
ตั้งแต่ต้นจนจบสีหน้าของเขาราบเรียบ เหมือนกับกำลังเล่าเรื่องๆ หนึ่งอยู่ แม้แต่ความเศร้าโศกยังต้องมองลึกเข้าไปในสายตาจึงจะรู้ได้
มู่จิ่วอดไม่ได้เดินขึ้นไปข้างหน้า “ดังนั้นเจ้าเลยสังหารเขาด้วยความเกลียดชัง?”
“ไม่ใช่ด้วยความเกลียดชัง” เขาส่ายหน้า “หากความเกลียดชังของข้าชัดเจนขนาดนี้ ข้าก็อาจจะอยู่มาไม่ถึงวันนี้ พวกจีหมิ่นจวินวางใจให้ข้าอยู่ข้างกาย เพราะมองว่าข้าเป็นสวะไร้ค่า ในสี่ร้อยปีของการขัดเกลานั้น ความเกลียดของข้าได้ถดถอยไปแล้ว ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้หรอกที่ทำให้ข้าลงมือสังหารเขา”
“ถ้าเช่นนั้นเพราะเหตุใด?”
มู่จิ่วไม่รู้จะทำอย่างไรอยู่บ้าง นางยอมรับว่านางไม่เคยผ่านประสบการณ์ซับซ้อนแบบหลินเจี้ยนหรู บางครั้งจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่เข้าใจความรู้สึกของเขา แต่เพื่อความแค้นแล้วยอมละทิ้งความเป็นคน แบบนี้ดีแล้วจริงหรือ? สังหารหลินเซี่ย สร้างความบางหมางระหว่างชิงชิวและแรกพยับ เขารู้หรือไม่ว่าหากหลังจากนี้ชิงชิวสืบพบ ผลลัพธ์ของเขาจะออกมาน่าเศร้าขนาดไหน?
“หลินเซี่ยกับทั้งสำนักแรกพยับให้ข้าเพียงแค่ความเจ็บปวดและความอัปยศ มาวันนี้มหาโอสถสามารถรักษาจิตต้นกำเนิดของข้าไว้ได้พันปี ทำไมต้องพลาดโอกาสดีๆ เล่า? ข้าสังหารหลินเซี่ยเพราะหากไม่สังหารเขา รอจนเขาตื่นขึ้นมาต้องชี้ตัวข้าแน่ ที่ทำไปก็เพื่อปกป้องตนเอง ข้ายังคิดจะยืนหยัดต่อไป ตัวข้าอดทนมาสี่ร้อยปีแล้ว ไม่อาจวางมือไปแบบนี้ได้!”
“แต่เดิมเขาก็ติดค้างชีวิตแม่ข้า วันนี้ได้ใช้คืนแล้ว ไม่นับว่าอยุติธรรม”
เลือดสดๆ ไหลออกมาจากจมูกของเขาอีก สายตาของเขาดูแล้วพร่าเลือนอยู่บ้าง
มู่จิ่วทำใจให้นิ่ง รีบนั่งลงไป ลองใช้พลังฤทธิ์ช่วยเขาบรรเทา แต่กลับไม่มีประโยชน์! พลังกล้าแกร่งนี้เกือบจะเข้าใกล้พลังที่แต่เดิมนางมีอยู่ ยามนี้นางยังถูกผนึกพลังไปหนึ่งพันปี จะทำให้ทุเลาลงได้อย่างไร?
นางขมวดคิ้วแน่น ถามเขาอีก “เรื่องนี้เจ้าได้บอกคนอื่นไปหรือไม่?”
เขาส่ายหน้า “ข้าจะบอกคนอื่นได้อย่างไร?”
พูดจบเขาก็โอนเอน ปิดดวงตาแน่นก่อนเปิดออก “เกรงว่าข้าคงไม่มีทางทำคดีนี้กับเจ้าได้แล้ว ถึงแม้หวังว่าจะได้เข้าร่วมด้วยอย่างมาก มู่จิ่ว ข้ายอมรับว่าตอนแรกที่เข้าหาเจ้า นอกจากจะรู้สึกขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าแล้ว ยังถูกใจความสามารถของเจ้า ข้าคิดจะติดตามเจ้า สร้างผลงานอยู่บนสวรรค์และเลื่อนตำแหน่ง ข้ารู้ว่าเจ้าตั้งใจขนาดนี้ต้องประสบความสำเร็จแน่ แต่ตอนนี้ข้ากลับทำไม่ได้แล้ว”
“หยุดพูดมากได้แล้ว” มู่จิ่วจิตใจสับสน “ข้าจะไปตามลู่หยามาช่วยเจ้า เขาต้องมีวิธีแน่!”
“อย่าไป!” หลินเจี้ยนหรูจับนางไว้ ถอนหายใจ จากนั้นก็ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดเลือด มองนางพลางเอ่ยว่า “อย่าไป”
“ทำไม?”
“…ไม่มีอะไร”
มู่จิ่วงุนงง ถึงแม้บางครั้งลู่หยาใจร้ายไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็เป็นคนที่น่ารักมาก นางไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงปฏิเสธ
หลินเจี้ยนหรูมองนาง อยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด สุดท้ายก็ผินหน้าไป จากนั้นยิ้มบางๆ “ที่จริงข้าก็ไม่ได้สาหัสขนาดนั้น ทนอีกหน่อยเดี๋ยวก็ดี เมื่อคืนก็เป็นแบบนี้ ภายหลังเลือดจะหยุดไปเอง”
เขาไม่ชอบลู่ยา เพราะรังเกียจที่จะเห็นคนผู้นั้นยืนข้างนางในฐานะคู่หมั้นด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
ถึงแม้จะเป็นเรื่องโกหก เขาก็ไม่ชอบ
มู่จิ่วมองเขา ฉับพลันมือก็ฟาดลงไปที่หลังคอเขา รอจนเขาสลบล้มลงไปกับพื้น นางจึงชักเท้าออกจากประตูไป!
ลู่ยาอาบน้ำเสร็จ และกำลังอาบแดด
ผมสีดำเปียกชื้นรวบไว้อย่างลวกๆ เท้าหนึ่งพาดไว้บนราวจับ มือหนึ่งเก็บดอกท้อ ท่าทางยามทอดกายอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวทำให้เขาดูแล้วงดงามราวกับภาพวาด ผีเสื้อหลายตัวบนต้นไม้ต่างเข้าแถวหยุดอยู่ที่กิ่งไม้ คล้ายมองเขาจนเหม่อลอย
มู่จิ่วกลับไม่มีเวลาชื่นชมภาพความงามนี้ นางรีบร้อนพุ่งเข้ามา เห็นคนที่นางตามหากำลังนั่งอยู่ใต้ระเบียง ก็ตรงเข้าไปด้านหน้าเขา “รีบตามข้ามา มีคนกำลังจะตายแล้ว!”
ลู่ยาถูกนางดึงให้ลุกขึ้น จากนั้นเดินอย่างสง่างามไปถึงลานสนเขียวทางตะวันตก
หลินเจี้ยนหรู? ลู่ยาดิ้นหลุดจากมือนาง หมุนศีรษะคิดจะกลับไป
มู่จิ่วรีบดึงเขากลับมา “เจ้าไปดูหน่อย คนเขากินยาผิด พลังหมุนโคจรอยู่ทั่วต้าโจวเทียน (มหาจักรวาลในร่างกาย) ใกล้จะตายแล้ว!”
ลู่ยากำลังจะพูด กลางอากาศพลันมีเมฆครึ้มค่อยๆ ก่อตัว ลมกรรโชกตามมา และรวมตัวอยู่บนอากาศทางใต้อย่างช้าๆ เขาจึงหยุดเท้าลง จากนั้นร่างกายก็สั่นวูบไหว กระโดดเข้าไปในห้องหลินเจี้ยนหรูอย่างรวดเร็ว!
หลินเจี้ยนหรูที่สลบอยู่บนพื้นในห้อง ปากจมูกยังคงมีเลือดไหล มือเท้าทั้งสี่กำลังสั่นเทา แม้แต่ลมหายใจยังมีราวกับไม่มี!
“พลังเขาปั่นป่วนกระตุ้นด่านเคราะห์อสุนีบาต นี่คือการฝืนเลื่อนขั้นแล้ว!” เขาพูด
“ฝืนเลื่อนขั้น?” มู่จิ่วตกใจ “ท่าทางเขาแบบนี้จะเลื่อนขั้นอย่างไร? นี่ถึงตายเลยไม่ใช่หรือ?!”
ลู่ยาไม่พูดอะไร ยื่นมือออกมาหยุดหน้าหลินเจี้ยนหรู ต่อมาเหนือศีรษะก็มีอสุนีบาต ตามมาด้วยแสงสายฟ้าฟาดลงมาที่หลังมือเขา! แสงสายฟ้านี้ช่างแยงตา เปรียบกับด่านเคราะห์อสุนีบาตที่มู่จิ่วเคยเจอมาแล้วยิ่งแสบตาและแปลกประหลาดมากกว่า ทำให้นางมองแล้วต้องยกมือขึ้นมาป้องกันดวงตาไว้!