ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 110
“ท่านปู่!” ราชาจิ้งจอกพลันทิ้งตัวลงไปร้องไห้เสียงดังบนพื้น พูดว่า “สิบสามไปวังจิตกระจ่างครั้งนี้ นับว่าลำบากลำบนโดยแท้!”
“ข้าเพียงให้เจ้าไปนำกระดิ่งมาเท่านั้น ให้เจ้าไปลำบากลำบนอย่างไร?” สีหน้าลู่ยาไม่เปลี่ยนยามหยิบแก้วชา ไม่มีความรู้สึกผิดและความละอายแม้แต่น้อย
“หลายวันก่อนหลังท่านปู่ออกจากชิงชิว สิบสามก็ไปพบท่านเอ้อร์จู่ซือที่วังจิตกระจ่าง”
“พอดีท่านเอ้อร์จู่ซือกำลังซ่อมแซมกระดิ่งหุนหยวน สิบสามจึงตั้งใจรั้งอยู่ไม่ไป ภายหลังท่านเอ้อร์จู่ซือคิดว่าข้าวุ่นวาย จึงพาข้าไปหาซานเหนียงเหนียง (หนี่ว์วาเหนียงเหนียง) ข้าอาศัยช่วงที่พวกเขาพูดคุยกันกลับไปยังวังจิตกระจ่างเพื่อนำกระดิ่งมา ไหนเลยจะรู้ว่าเพิ่งเก็บเข้าไปในอก ก็ถูกธรณีประตูขวางกันไว้จนล้มไปทีหนึ่ง กระดิ่งร่วงจึงออกมา ทำให้เหล่าผู้อารักขาตกใจ…”
“ร่วงออกมา?” ลู่ยายืดตัวขึ้น ช่างน่าเสียดายนัก!
“ไม่ผิด!” ราชาจิ้งจอกพูดทั้งน้ำมูกน้ำตา “หลังจากเหล่าผู้อารักขามา ท่านเอ้อร์จู่ซือก็มาด้วย ครั้นได้ยินว่าข้านำกระดิ่งไป ก็หรี่ตาถามข้าทันทีว่าใช่ท่านส่งข้ามาหรือไม่? ข้าไม่กล้าโกหก ทำได้เพียงตอบว่าใช่ ไหนเลยจะรู้ว่าท่านเอ้อร์จู่ซือถอนหายใจ แล้วก็ไล่ข้าออกไปเลย”
“ข้าผ่อนคลายได้หน่อย ยังเข้าใจไปว่าเรื่องจบแล้ว ใครจะรู้ว่าตั้งแต่ออกจากวังจิตกระจ่างมา ตลอดทางหากไม่ล้มลงกับพื้นก็หกคะเมนหัวทิ่ม เมื่อวานเกือบล้มเข้าไปในหม้อน้ำแกงในงานเลี้ยงของราชามังกรแห่งทะเลทิศประจิม เสียหน้าแก่ๆ อย่างมาก ตลอดทางของข้าไม่ราบรื่นเลย ฮือฮือ!”
เขายกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างเจ็บปวด
“ลำบากขนาดนั้นเลย?” ลู่ยาพูดพลางหมุนแก้ว แต่ก็ดี ตอนนี้นับได้ว่ามีคนโชคร้ายเป็นเพื่อนเขาแล้ว
“สิบสามเกือบโดนราชามังกรตุ๋นแล้ว!”
ราชาจิ้งจอกพูดเน้นเสียง
เขาไม่เชื่อหรอกว่าลู่ยาไม่รู้?
ของอะไรไม่ให้ไปเอา คนผู้นี้กลับให้เขาไปเอากระดิ่งเวรนั่น เรื่องนี้จะไม่มีลับลมคมในหรือ? ต้องรู้ว่าหลังออกจากวังจิตกระจ่างแล้ว เขาก็มุ่งตรงไปยังวังจิ้งจอกเก้าหางเลย ได้ยินอีกฝ่ายพูดจึงรู้ว่าคนตรงหน้านี้ไปล่วงเกินกระดิ่งเข้าจึงต้องหนีออกมา ความรู้สึกเสียใจภายหลังนี้! คิดไม่ถึงว่าเขาหลักแหลมเป็นที่หนึ่ง กลับยังถูกคนชั่วช้าตรงหน้านี่ทำร้ายเอาได้!
“เอาละ รู้ว่าเจ้าลำบากแล้ว” ลู่ยาปลอบใจ จากนั้นยื่นมือเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบร่มคันเล็กซึ่งส่องสว่างโปร่งใสราวกับน้ำแข็งออกมา เอ่ยว่า “นี่เป็นของเล่นที่ข้าทำขึ้นมาเอง ตบรางวัลให้เจ้า”
เทพบรรพกาลทั้งสี่ล้วนชำนาญในการทำของวิเศษ ราชาจิ้งจอกเพียงเห็นสี่ด้านของร่มคันนี้ปกคลุมไปด้วยตาข่ายบางราวปีกจักจั่น ก็รู้ว่าเป็นของไม่ธรรมดา จึงรีบรับมาทันที
ลู่ยากลับพูด “เช่นนั้นเจ้ามีวิธีนำเจ้ากระดิ่งมาได้หรือไม่?”
ราชาจิ้งจอกไม่อยากไปอีกแล้ว
แต่หากไม่ไปละก็ คนชั่วช้านี่ต้องไม่รับปากรับรุ่ยเจี๋ยเป็นศิษย์แน่ เส่าชิงก็ถูกทำลายพลังบำเพ็ญไปสามหมื่นปีแล้ว อย่างไรเขาก็ต้องกรุยหนทางดีๆ ให้แก่รุ่ยเจี๋ยอยู่แล้ว?
บนสวรรค์และพื้นพิภพมีใครฐานะสูงส่งเหนือเทพทั้งสี่แห่งชั้นสวรรค์สามสิบเก้าบ้าง? มาวันนี้หงจวินไม่รู้ไปแห่งหนไหน หุนคุนหลงใหลอยู่กับการปลูกผักทำนา หนี่ว์วาเป็นนายของจิ้งจอกเก้าหาง เขาคงไม่สามารถฝากฝังจิ้งจอกน้อยกับนางได้? แบบนั้นมิกลายเป็นว่าต่อไปพวกเขาเผ่าจิ้งจอกเก้าหางต้องเรียกจิ้งจอกน้อยว่านายน้อยหรือไร?
ดังนั้นคิดไปคิดมาแล้ว ลู่ยานั้นเหมาะสมที่สุด
คิดดังนี้แล้ว เขาจึงกัดฟันพูด “ข้าลองอีกรอบได้ แต่หลังจากนั้นหากท่านเอ้อร์จู่ซือด่าทอข้าขึ้นมา ท่านปู่ต้องรับผิดชอบแทนสิบสามด้วย”
“เอาละ เอาละ ดูสิเจ้าเครียดจนเป็นแบบนี้แล้ว ทำตัวให้มีประโยชน์เสียหน่อย!”
ลู่ยามองเขาพลางตำหนิ พูดจบก็หยิบกระดิ่งจากในแขนเสื้อออกมาวางบนโต๊ะ “เจ้าแอบเอาเจ้านี่ไปวางไว้แทนที่เดิม แล้วนำอันนั้นกลับมา ของเล่นนั่นศิษย์พี่ข้าไม่ได้ใช้บ่อย จะจับได้ได้อย่างไร? รอจนข้าควบคุมมันได้ ต่อไปพวกเราก็ไม่ต้องลำบากกันแล้ว รู้ไหม?”
ตอนนี้ดวงตาทั้งสองของราชาจิ้งจอกถึงค่อยสว่างขึ้น รับกระดิ่งนี้มามองซ้ายทีขวาที ยิ่งดูก็ยิ่งประหลาดใจระคนยินดี ด้านบนไม่เพียงแต่มีสีสันฉูดฉาด แม้แต่รอยแตกรอยหนึ่งที่ด้ามจับยังถูกขัดจนสว่างเหมือนกับกระดิ่งนั้นมาก หากไม่ใช่ลู่ยาพูดว่าเป็นของปลอม ตนคงเข้าใจว่าเขาลอบไปนำมันมาแล้ว!
“ได้ สิบสามจะไปอีกครั้ง” เขาพูดพลางเก็บกระดิ่งเข้าแขนเสื้อไป
พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ ประตูลานบ้านก็มีเสียงเปิดออก ลู่ยามองไป เห็นเพียงมู่จิ่วกับซ่างกวนสุ่นเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน มุ่งตรงไปเรือนทางตะวันตก
เขาจึงพูด “พวกเขาคงตรวจพบอะไร เจ้าอยากจะไปฟังหรือไม่?”
ราชาจิ้งจอกร่าเริงขึ้นมา “แน่นอนว่าอยาก!”
คดีสามารถคลี่คลายได้เร็ว จิตจิ้งจอกของรุ่ยเจี๋ยก็นำกลับมาได้เร็วเช่นกัน!
ดังนั้นจึงตามหลังลู่ยาไปเรือนทางตะวันตก
อิ่นเสวี่ยรั่วกินข้าวเสร็จเดินออกมาแล้ว เรือนด้านหน้าทางตะวันตกเปลี่ยนเป็นห้องอาหารไปแล้ว มีมากี่คนก็ไม่กลัว
มู่จิ่วกำลังฟังว่ามีคนชรามาหาลู่ยา เงยหน้าขึ้นมาเห็นราชาจิ้งจอกเดินตามหลังเขาเข้ามาก็อึ้งไป!
“แม่นางกัว ช่วงนี้สบายดีหรือ?” ราชาจิ้งจอกยิ้มตาหยีประสานมือทักทายนาง ก่อนหยิบเพชรห้ามุมหกสีออกมาวางบนโต๊ะ พูดว่า “ออกมาอย่างเร่งรีบเลยไม่ได้เตรียมของติดไม้ติดมืออะไรมา นี่เป็นน้ำใจเล็กน้อย ขอให้แม่นางรับไว้”
ทำให้ลู่ยาคนนี้ดูแลใส่ใจได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา หากเขาอยากให้ภายภาคหน้าดีหน่อย ทางที่ดีที่สุดคือเอาอกเอาใจเด็กสาวคนนี้ไว้ อีกอย่างเจ้าลองดูนางวันนี้ ถึงแม้ฐานะจะเป็นเพียงหัวเสินที่ถูกผนึกพลังบำเพ็ญไปครึ่งหนึ่ง แต่ทางซ้ายมีเสือขาวยืนน่าเกรงขามอยู่ข้างๆ ด้านขวามีนกต้าเผิงไว้เป็นพาหนะ บนสวรรค์พื้นพิภพนี้คนที่สามารถมีแบบนี้ได้ก็ไม่มากมิใช่หรือ?
ยิ่งไม่ต้องพูดว่ายังมีเทพเซียนอยู่ข้างๆ กำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อให้นาง!
อนาคตเด็กสาวคนนี้ดูแคลนไม่ได้
เสี่ยวซิงมองเพชรกองนั้นพลางสูดลมหายใจเย็นๆ เข้าไป!
นางสงสัยนัก คนชราผู้นี้เพิ่งปล้นของบรรณาการกลับมาใช่หรือไม่ หยิบของออกมาก็ใจกว้างขนาดนี้! แม้คนที่บำเพ็ญเป็นเซียนจะไม่ใช่พวกวัตถุนิยม แต่เพชรหยกมีค่าเด็กสาวคนไหนไม่ชอบบ้าง? ยิ่งไปกว่านั้นยังเม็ดใหญ่ขนาดนี้ สีสดขนาดนี้ เป็นเพชรที่อลังการอย่างยิ่ง!
มู่จิ่วอึ้งไป “ราชาจิ้งจอกทำไมต้องเกรงใจขนาดนี้?”
ดูแล้วช่างเหมือนพังพอนอวยพรปีใหม่ไก่[1]!
แต่หินมีสีนี้กลับดูไม่เลวเลย
ทว่านางยังคงสนใจใคร่รู้ในเจตนาการมาของเขา จิ้งจอกเฒ่าตนนี้มาถึงก็บอกว่ามาหาลู่ยา เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาทั้งสองยังมีความลับอะไรอีก?
มองแล้วทำให้คนรู้สึกว่าเหมือนกำลังเล่นอะไรไม่ดีอยู่
“รับไว้เถอะ” ลู่ยาหยิบพัดเขี่ยหินไปหลายครั้งก่อนพูด จากนั้นจึงถามราชาจิ้งจอก “ข้าจำได้ว่าข้างแท่นหอมหมื่นลี้ของเจ้ามีไข่มุกราตรีใช้ได้หลายลูก ที่นี่ตกกลางคืนยังต้องการไฟ แสงสว่างไม่กระไรนัก เจ้าก็เอามาสักสองลูกแล้วกัน?”
เขากลับเอ่ยปากขอเอาเลย!
แต่ราชาจิ้งจอกไหนเลยจะกล้าปฏิเสธ? รับคำว่า “พอดีข้านำมาสองลูกไว้ใช้ตอนเดินทางกลางคืน หากแม่นางไม่รังเกียจว่าเก่า ก็จะมอบให้แม่นางไว้เล่น” เขาพูดพลางหยิบไข่มุกราตรีขนาดเท่าแตงโมออกมา
ในห้องพลันมีแสงสว่างสาดไปรอบด้าน ส่องจนคนลืมตาไม่ขึ้น!
…………………………………………………………
[1] พังพอนอวยพรปีใหม่ไก่ เปรียบว่า ทำอะไรซ่อนจุดประสงค์อื่นไว้ในใจ