ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 121
“เป็นไปได้อย่างไร?” ซ่างกวนสุ่นเดินเข้ามา “ข้าได้ยินชัดเจนว่าถูกขังอยู่ที่นี่!”
มู่จิ่วกำลังจะด่าเขา สายตาลู่ยาพลันสว่างวาบขึ้นมา พลันเอ่ยว่า “มีคนมา! รีบซ่อนตัวเร็ว!” พูดพลางลากพวกเขาทั้งสองไปยังหญ้าน้ำด้านข้าง และทำคุกหินให้กลับสู่สภาพเดิมในพริบตาเดียว
ก้นทะเลสาบสงบเงียบไปชั่วครู่ ก่อนค่อยๆ มีเสียงน้ำไหลดังเข้ามา
จากนั้นมีคนสามคนเดินมายังคุกหิน คนด้านหน้ากลับเป็นหลีเปิง! และคนสองคนด้านหลังเขาสวมเสื้อที่ปักสัญลักษณ์นกเสวียน เป็นคนของลัทธิฉ่าน!
“สองคนนี้ต้องเป็นตัวปลอมแน่ เรื่องนี้มีเงื่อนงำ!” ซ่างกวนสุ่นอดพูดไม่ได้
มู่จิ่วเหลือบมองเขา จากนั้นดูต่อไป
ได้ยินเพียงหลีเปิงพูด “ของที่ควรนำมา เอามาหมดแล้วใช่หรือไม่?”
คนอีกสองคนชูถุงผ้าขนาดไม่เล็กนักขึ้นมา แล้วเอ่ย “อยู่นี่ทั้งหมด ไม่ขาดแม้แต่ชิ้นเดียว!”
หลีเปิงนำมาดู พูดอีกว่า “รอคนอื่นกลับมาก็สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว”
มู่จิ่วพูดไม่ออกอย่างยิ่ง ดูแล้วหลังจากเรื่องในชิงชิว อู่เต๋อยังไม่หยุดมือ เพียงแต่ไม่รู้ว่าคราวนี้ไปก่อคดีที่ไหน? เห็นของในมือพวกเขา หรือจะเป็นของวิเศษที่ขโมยมาจากที่อื่น? ของวิเศษที่อู่เต๋อขโมยมาเป็นเพียงแผนลวง สร้างความบาดหมางให้ลัทธิฉ่านกับแต่ละภพถึงเป็นของจริง คราวนี้พวกเขานับว่าหนีไม่ได้แล้ว!
ไม่นานก็มีคนเดินมาจากที่ไกลๆ สวมเสื้อสีเดียวกัน คุยกับหลีเปิงในเรื่องเดียวกันกับก่อนหน้านี้
ชัดเจนว่าหลีเปิงไม่ได้ถูกอู่เต๋อขังไว้จริง แต่ตั้งใจอาศัยเรื่องที่นางสงสัยว่าหลีเปิงไปโลกมนุษย์ เพื่อให้เขาทำเรื่องต่างๆ ให้เรียบร้อยแทนตน
มิน่ารอบด้านจึงไม่มีเวรยามเฝ้าคุมเลย
“ไปเถอะ”
หลังจากพวกหลีเปิงคุยกันเสียงเบาหลายประโยค ก็เริ่มออกไปข้างนอก
รอจนพวกเขาเดินไปไกลแล้ว พวกมู่จิ่วก็กลายร่างเป็นปลาและกุ้งตามหลังพวกเขาไป
จนกระทั่งมุ่งตรงออกจากผิวน้ำ เหยียบเมฆขึ้นไปบนฟ้า พวกมู่จิ่วจึงค่อยซ่อนร่างตามไป
แสงจันทร์กลมโตสาดส่องผืนแผ่นดินใหญ่ กลุ่มคนสองกลุ่มหน้าหลังมุ่งหน้าไปยังทิศใต้
สุดท้ายมาถึงชนเผ่าทางใต้ พวกหลีเปิงกระโดดลงจากเมฆ เข้าไปในผืนป่า หยุดลงด้านหน้าภูเขาที่ไม่ค่อยสะดุดตาลูกหนึ่ง จากนั้นเปิดกลุ่มเถาวัลย์ที่ปิดประตูหินไว้ ผลักประตูเข้าไปข้างใน ก่อนจะปิดลงอย่างรวดเร็ว
มู่จิ่วยื่นหน้าออกไปดูถ้ำหินที่สลักตัวอักษรไว้ว่า ยอดเขาราชาเพลิง
ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เขานี้ก็ไม่สะดุดตา คิดแล้วคงเพราะเหตุนี้อู่เต๋อจึงเลือกมัน
“ที่นี่ต้องเป็นที่เก็บของวิเศษแน่นอน พวกเราเข้าไปดูกัน” นางพูด
ลู่ยาพยักหน้า พาพวกเขาทะลุถ้ำหินเข้าไปโดยตรง
เพิ่งเข้าไปในถ้ำ ก็เห็นพลังเหมือนคลื่นน้ำกระทบเข้ามาทีละคลื่นทีละคลื่น เสียงก้องกังวานเฉพาะตัวของสิ่งของวิเศษดังเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำมาไม่ขาดสาย ยิ่งเดินไปข้างหน้าคลื่นนี้ยิ่งแข็งแกร่ง แม้ไม่ถึงกับทำให้คนซ่อนร่างไม่ได้ แต่ก็รุนแรงอย่างมาก
“ดูสิ!”
ซ่างกวนสุ่นหยุดเท้าอยู่ด้านหน้า ชี้ไปยังท้องถ้ำที่เปิดออกพลางร้องเสียงดังขึ้นมา
ในท้องถ้ำเต็มไปด้วยของวิเศษกองอยู่ แต่ละชิ้นส่องสว่างเจิดจ้าจนทำให้คนลืมตาไม่ขึ้น เมื่อเพ่งสายตามองไป ของเหล่านั้นครอบครองพื้นที่ของถ้ำไปกว่าครึ่ง!
“นั่นมันฉาบทองของตระกูลซ่างกวน!”
ซ่างกวนสุ่นก้าวไปหยิบฉาบทองซึ่งส่องแสงสีทองขึ้นมา “ย่ามันเถอะ อยู่ที่นี่จริงด้วย!…นี่ไม่ใช่จอกเหล้าวิญญาณงูของปีศาจงูหรือ? ยังมีเกราะห้าดาราของตระกูลจงซยงอีก! ทั้งหมดล้วนอยู่ที่นี่ ข้าอยากดูนักว่าครานี้อู่เต๋อจะหนีไปไหน?…แล้วสัตว์เขาเดียวนั่นล่ะ?”
มู่จิ่วตระหนกจนแม้แต่พูดยังพูดไม่ออก ได้ยินก็รีบมองไปรอบด้าน ลู่ยาพูด “เข้ามาแล้ว!”
ขณะกำลังพูด เสียงฝีเท้าจากด้านนอกก็ดังเข้ามา เป็นหลีเปิงที่นำศิษย์ ‘ลัทธิฉ่าน’ สี่ห้าคนนั้นเข้ามา
ที่แท้ลู่ยาพาพวกนางทะลุเข้ามาเร็วยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก!
“ใครน่ะ?!”
หลีเปิงเห็นพวกเขาก่อน จึงรีบหยิบมีดขึ้นมา
บนใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ บางทีอาจเป็นเพราะนึกไม่ถึงว่าจะมีคนอยู่ที่นี่!
ซ่างกวนสุ่นโผเข้าไปด้านหน้า ชิงถุงผ้าในมือพวกเขามาเปิดดู จากนั้นใบหน้าก็พลันบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ!
“ที่แท้ก็เป็นของวิเศษอีก!…พวกเจ้าสังหารปีศาจงูเขียวใช่หรือไม่?!”
เขาพูดพลางออกกระบวนท่ากระโดดตรงเข้าไปหาพวกนั้น
แม้แต่ร่างคนหลีเปิงยังแปลงได้ไม่สมบูรณ์ ไหนเลยจะเป็นคู่ประมือของซ่างกวนสุ่น? ไม่เกินสามกระบวนท่าก็ถูกเขาตีจนหมอบไปกับพื้น กลับกันพวกปลอมตัวเป็นศิษย์ลัทธิฉ่านยังพอมีความสามารถ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ มองดูก็รู้ว่าพวกเขาล้วนถูกมือของซ่างกวนสุ่นฟันได้ทุกเวลา
“อย่าสังหารพวกเขา!”
มู่จิ่วร้องห้าม ไม่ง่ายนักกว่าจะหาแหล่งกบดานของพวกเขาเจอ หากสังหารไปแล้วทุกอย่างจะจบสิ้นหมด
ซ่างกวนสุ่นจับพวกเขาหมอบอยู่กับพื้น หยิบของวิเศษแล้วเดินถอยออกมา
ของวิเศษนี้ไม่ได้มีค่าอะไรพิเศษ บางทีอาจเป็นเพราะ หนึ่งคือของวิเศษที่สูงค่าพวกเขาไม่อาจเอามาได้โดยง่าย สองคือง่ายต่อการเกิดเรื่อง แต่ของวิเศษพันสองพันชิ้นเต็มเขานี้ก็มากพอจะทำให้คนตกใจได้แล้ว ของวิเศษทั้งหมดล้วนต้องเป็นคนที่บำเพ็ญวิถีเต๋าสูงส่งจึงสามารถควบคุมได้ หากนำพวกมันมาหลอมทำของวิเศษหนึ่งชิ้น พลังทั้งหมดรวมอยู่ด้วยกัน นั่นก็เป็นปริมาณที่น่ากลัวอย่างมาก!
“ข้าผนึกภูเขาไว้แล้ว หลังจากกลับไป อาจิ่วรีบไปรายงานหลิวจวิ้น!”
ลู่ยามัดหลีเปิงและอีกหลายคนไว้ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน หมุนตัวเดินนำพวกเขาออกไปนอกถ้ำ จากนั้นหยิบยันต์จากแขนเสื้อแผ่นหนึ่งออกมาแปะประตูถ้ำไว้ แล้วจึงขี่เมฆบินกลับสวรรค์ไป!
การเคลื่อนไหวรวดเร็วเช่นนี้ เกรงว่าพวกหลีเปิงแม้แต่คิดยังคิดไม่ทัน!
มาครั้งนี้เพื่อจับหลีเปิง คิดจะให้เขาเปิดเผยความจริงออกจากปาก กลับคิดไม่ถึงว่ายังมีเรื่องน่ายินดีอีก! พวกเขาสามารถหาที่เก็บซ่อนของที่ถูกขโมยมาได้! ตอนนี้ขโมยถูกจับได้แล้ว สามารถคลี่คลายคดีได้ ใจมู่จิ่วยิ่งกระตือรือร้นกว่าเมื่อเทียบกับพวกเขา เมื่อเข้าประตูสวรรค์แดนใต้ ลู่ยาไม่เข้าร่วมด้วยและกลับไปก่อน จากนั้นนางกับซ่างกวนสุ่นจึงมุ่งตรงไปยังที่พำนักกวงซวีซิงจวินของหลิวจิ้น
หลิวจวิ้นนอนหลับอยู่บนเตียงแล้ว ได้ยินนางทุบประตูก็อดไม่ได้ ด่านางว่าเด็กสาวไร้มารยาททีหนึ่ง ก่อนลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าเดินไปถึงโถงหน้า เห็นนางหอบหายใจอย่างหนักพุ่งเข้ามา “ใต้เท้า! ข้าเจอผู้วางแผนคดีฆาตกรรมที่ชิงชิวแล้ว! ก็คืออู่เต๋อเจินจวิน! ของวิเศษที่หายไปข้าก็หาเจอแล้ว พาหนะของเขาถูกลู่ยาขังไว้ข้างในด้วยกัน รีบตามข้าไปดูเถิด!”
หลิวจวิ้นได้ยินว่านางคลี่คลายคดีนี้ได้แล้ว ก็ตกใจจนกระทั่งลืมต่อว่า รีบกลับไปหยิบกระบี่ จากนั้นนำทหารสองกลุ่มขี่มังกรสี่ขามุ่งไปยังประตูสวรรค์แดนใต้!
ไม่นานก็มาถึงด้านหน้าถ้ำนั้น หลิวจวิ้นยกมือขึ้นดึงยันต์ที่ลู่ยาแปะไว้ออก ประตูถ้ำส่งเสียงแล้วเปิดกว้าง คนสองคนด้านหน้าสุดพุ่งออกมา!
หลิวจวิ้นตกใจ พลันพูดอย่างโกรธขึ้ง “ให้ข้าจัดการทั้งหมดเอง!”
คนที่ออกมาสองคนโดนเขาฟาดฝ่ามือล้มไป โยนให้ทหารสวรรค์ที่ตามมาด้านหลัง ก่อนเดินเข้าไปในถ้ำ
ฟากหลีเปิงที่รออย่างกังวลอยู่นานตรงทางเดิน ครั้นเห็นหลิวจวิ้นมู่จิ่วและซ่างกวนสุ่น ก็จับผนังถอยร่นเข้าไป หลิวจวิ้นกัดฟันแน่นพุ่งเข้าหา หลีเปิงกลิ้งตัวหลายตลบกลับเข้าไปกลางถ้ำอีกครั้ง!