ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 122
“ใต้เท้า ท่านดู! ของเหล่านี้คือสิ่งของวิเศษที่ถูกขโมยมาจากเผ่าต่างๆ! หลายชิ้นในนี้ซ่างกวนสุ่นยังยืนยันแล้ว เป็นของทั้งหมดที่หายไปจากเนินอารามไม่ผิดแน่!” มู่จิ่วชี้ไปยังของวิเศษเต็มถ้ำพลางพูด
หลิวจวิ้นมองดูรอบๆ จากนั้นหยิบของหลายชนิดขึ้นมาดู ก่อนฟาดแส้ลงไปบนร่างของหลีเปิง พูดว่า “นำกลับไปทัพทหารสวรรค์ ทำการสอบสวนทันที! หากใครแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ต้องรับโทษสมรู้ร่วมคิดด้วย!”
เหล่าทหารเดินพรึบมานำตัวไป กลุ่มคนเดินออกจากถ้ำ หลิวจวิ้นไปยังประตูถ้ำเพื่อผนึกตราของกองทัพสวรรค์ไว้ จากนั้นคลุมเสื้อไปบนศีรษะของหลีเปิง ก่อนพาพวกเขากลุ่มใหญ่กลับไปสวรรค์
พลลาดตระเวนที่เปลี่ยนกะได้รับข่าวว่าต้องสอบสวนผู้กระทำผิด จึงเตรียมห้องสอบสวนไว้แล้ว รอจนกระทั่งผู้กระทำผิดมา กลุ่มคนเห็นร่างทั้งร่างพวกเขาปกคลุมไปด้วยเสื้อคลุม ในใจนึกสงสัยแต่ไม่กล้าอยู่ที่นั่น หลิวจวิ้นเพียงกวาดสายตาไป พวกเขาก็ชิดผนังถอยกลับไปไกลแล้ว
ระหว่างทางกลับมู่จิ่วจัดระเบียบเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างสืบคดีไว้เรียบร้อย หลิวจวิ้นรอเพียงหนึ่งก้านธูป นางก็เขียนเรื่องราวทั้งหมดออกมาอย่างชัดเจน
หลิวจวิ้นอาศัยบันทึกคดีความสอบถามหลีเปิงไปทีละเรื่อง หลีเปิงถูกจับคาหนังคาเขา ไหนเลยจะกล้าขัดขืน? เล่าเรื่องที่อู่เต๋อสั่งให้เขาไปทำออกมาอย่างละเอียด ที่แท้ไม่เพียงแค่เขาเนินอารามและชิงชิว พวกเขายังเข้าไปก่อเรื่องที่เขาสุสานประจิมและแม่น้ำมืดทิศอุดรด้วย ถึงแม้ระดับการก่อคดีจะไม่เหมือนกัน แต่ความเกลียดชังที่มีต่อลัทธิฉ่านกลับถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว
ทุกครั้งพวกเขาก่อคดีต้องหาวิธีทิ้งร่องรอยของลัทธิฉ่านไว้ และเรื่องจริงก็เป็นไปตามที่พวกเขาคาดหวัง แต่เดิมชื่อเสียงของลัทธิฉ่านที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว มาวันนี้ค่อยๆ กลายเป็นเป้าหมายของทุกคน โดยเฉพาะหลังจากที่เหล่าจิ้งจอกเก้าหางแห่งชิงชิวไล่ล่าสังหารศิษย์ลัทธิฉ่าน เหล่าเผ่าเซียนที่ได้รับความเสียหายยิ่งโหมกระพือไฟโกรธอันรุนแรง
ทางเขาให้ความร่วมมือ ขั้นตอนก็ราบรื่นรวดเร็วขึ้นมาก
ตอนฟ้าสว่างหลิวจวิ้นนำมู่จิ่วไปยังห้องทำงาน ครั้นเข้าไปก็ถามขึ้น “เจ้าสงสัยอู่เต๋อเจินจวินได้อย่างไร?”
มู่จิ่วเขียนเรื่องราวในบันทึกคดีแก่เขาว่าให้ซ่างกวนสุ่นไปจับตามองหลีเปิงอย่างไร จากนั้นตามร่องรอยเขาไปเจอของวิเศษได้อย่างไร กลับไม่ได้เขียนไว้ว่าเหตุใดถึงแน่ใจว่าอู่เต๋อเจินจวินเป็นผู้วางแผน เพราะแบบนี้ดูแล้วออกจะโชคดีอยู่บ้าง
มู่จิ่วไม่สามารถบอกเรื่องลู่ยาดูเรื่องชาติก่อนของอู่เต๋อได้ จึงพูด “วันนั้นข้าเตรียมไปประตูสวรรค์เพื่อสืบหาร่องรอย เห็นหลีเปิงบนถนนทำท่าทางผิดสังเกต หลังจากนั้นก็ไปเยี่ยมอู่เต๋อเจินจวินกับท่าน ตอนนั้นไม่เห็นหลีเปิง ภายหลังจึงให้ซ่างกวนสุ่นคอยจับตามอง ไหนเลยจะรู้ว่าภายหลังกลับได้เรื่องมา”
นางยังคงไม่เก่งเรื่องโกหก พูดโป้ปดจึงตะกุกตะกักอยู่บ้าง
หลิวจวิ้นจ้องนางอย่างสงบอยู่ครู่หนึ่ง หันไปพูดกับซ่างกวนสุ่นว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าอาศัยตอนอู่เต๋อไปหน่วยงาน กลายร่างเป็นเพื่อนของพวกหลีเปิง รีบไปที่พำนักของอู่เต๋อแล้วปล่อยข่าวให้พวกเซียนเด็กของเขา บอกว่าหลีเปิงเกิดเรื่องที่เขาเมฆาเพลิง เชิญเขาไปดูสักรอบ จากนั้นมู่จิ่วก็พาพวกเขากลับไปยังเขาเมฆาเพลิง พวกเรารอปลาใหญ่ติดเบ็ด!”
ซ่างกวนสุ่นรับคำสั่ง มู่จิ่วกลับถาม “ทำไมต้องพาพวกหลีเปิงกลับไปด้วย?”
หลิวจวิ้นยืนขึ้นมา “พลังบำเพ็ญของอู่เต๋อสูงส่งลึกล้ำ ได้ยินข่าวย่อมต้องทำนายก่อนว่าหลีเปิงอยู่ที่ไหน หากคาดการณ์ได้ว่าไม่ได้อยู่ที่เขาเมฆาเพลิง เจ้าคิดว่าเขาจะติดกับหรือไม่?”
มู่จิ่วเข้าใจโดยพลัน รีบไปทำงานทันที
ฟากอู่เต๋อเจินจวินเพิ่งเข้าห้องทำงาน พลันมีเซียนเด็กเข้าประตูไปบอก “รายงานเจินจวิน เมื่อครู่ศิษย์พี่ต่งมาบอกข่าวว่าหลีเปิงเกิดเรื่องที่เขาเมฆาเพลิง ยังเชิญเจินจวินให้รีบไปดูเสียหน่อย”
อู่เต๋อเจินจวินเงยหน้าขึ้นมาจากสมุด ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นกดนิ้วทำนาย สีหน้าพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วจึงยืนขึ้นมา
“เขามาแจ้งข่าวเมื่อไหร่?”
“ราวหนึ่งเค่อก่อนหน้านี้” เซียนเด็กกล่าว
อู่เต๋อเดินอ้อมมาจากหลังโต๊ะ ก่อนออกจากทัพสวรรค์ไป
พาหนะกับเจ้าของล้วนมีความคุ้นเคยกันมาก เขาทำนายได้ว่าหลีเปิงเกิดเรื่องแน่ๆ! แต่เขาไม่เข้าใจว่าสถานที่ลึกลับขนาดนั้นทำไมถึงถูกคนพบได้ และเขายังไม่รู้ว่าคนที่พบเจอที่นั่นเป็นใครกันแน่
ขี่เมฆไปไม่เกินสองเค่อก็ถึงเขตแดนของชนเผ่าทางใต้ ตอนเข้าใกล้เขาเมฆาเพลิงเขาจึงซ่อนร่างเดินไปถึงหน้าถ้ำ
หลิวจวิ้นกับมู่จิ่วเฝ้าอยู่อย่างใจจดใจจ่อและไร้สุ้มเสียงที่สองฝั่งของถ้ำ ดวงตามองขลุ่ยล่าเซียนในมือ จากที่ไม่ขยับกลับเป็นสั่นเล็กน้อย มันควบคุมตัวเองไม่ได้อีก จึงลอยขึ้นไปกลางอากาศ ส่องแสงออกไปพริบตาเดียวก็ปกคลุมพื้นที่กว้างใหญ่หน้าถ้ำ! นี่คือขลุ่ยล่าเซียนที่หลิวหยางให้นางมา นางไม่ได้เป่ามัน แต่เป็นมันที่ตื่นขึ้นมาเพราะยับยั้งตัวเองไม่ได้!
จุดที่แสงสว่างส่องไปค่อยๆ ปรากฏร่างคน จากไร้รูปร่างกลายเป็นเดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวเลือนหาย จากเดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวหายกลายเป็นโปร่งแสงครึ่งหนึ่ง
“เป็นอู่เต๋อ!”
มู่จิ่วภายใต้ชุดซ่อนเซียนพูดกับหลิวจวิ้นเสียงเบา นางชักกระบี่ออกมาแล้ว และส่งสัญญาณมือให้เหล่าทหารสวรรค์ที่ซ่อนตัวอยู่ตรงข้าม รอจนเขาเดินไปเจอหลีเปิงข้างหน้าปากประตูถ้ำ ทุกคนก็จะพุ่งเข้าไปจับเขา!
แต่อู่เต๋อเข้าไปในเขตของขลุ่ยล่าเซียนแล้วกลับพลันไม่ขยับตัว
เขาเพียงมองประตูถ้ำที่อยู่ด้านหน้าไม่ไกล แล้วจึงมองไปรอบด้าน คิ้วพลันขยับเล็กน้อย สายตาจับจ้องขณะหมุนร่างถอยไปหลายสิบจั้ง จากนั้นก็ไม่หยุดอีก พริบตาเดียวถอยร่นออกไปหลายพันลี้!
“เกิดอะไรขึ้น?” มู่จิ่วปลดชุดซ่อนเซียนลง มองเรื่องทั้งหมดอย่างงุนงง
หลิวจวิ้นก็สีหน้าเคร่งเครียด “ดูแล้วเขาคงพบสิ่งผิดปกติ!” เขาคิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะระแวดระวังขนาดนี้!
“เช่นนั้นตอนนี้ทำอย่างไรดี?” มู่จิ่วมองเขา
“ไม่ต้องกลัว หลีเปิงยังอยู่ในมือพวกเรา คดีนี้มีคำตัดสินแล้ว!”
หลิวจวิ้นเก็บกระบี่เข้าฝัก พูดว่า “เพียงแต่ก่อนอื่นพวกเราต้องนำเขามาสอบสวนตามขั้นตอนแล้วจึงค่อยตัดสินคดีต่อหน้ากษัตริย์ได้ อีกสักพักข้าไปจะลงนามประกาศจับที่หน่วยทหาร จากนั้นเจ้ากับเฉินอิงไปพาอู่เต๋อมาสอบปากคำ…จำไว้ อู่เต๋อในโลกเซียนนั้นสูงส่ง เจ้าพาเขามาก็พอ กระทำเรื่องก็จำไว้ว่าต้องเหลือทางถอยให้ตนเองด้วย”
พูดจบเขาก็มองนางอย่างล้ำลึก
ทำไมมู่จิ่วจะฟังความห่วงใยในคำพูดไม่ออก? รีบกล่าว “ขอบคุณใต้เท้าที่เตือน มู่จิ่วจะไม่ทำให้ใต้เท้าเสียแรงที่อบรมบ่มเพาะ!”
ตอนแรกเขายืนกรานไม่ต้องการนาง มาวันนี้กลับยินยอมชี้แนะอย่างดี บอกนางถึงข้อระวังในการปฏิบัติหน้าที่ การพัฒนานี้ช่างทำให้คนทอดถอนใจจริงๆ
แต่วันนี้แหวกหญ้าให้งูตื่นแล้ว แบบนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับคนมาให้ได้ก่อน
เมื่อทางนี้วางแผนเรียบร้อยจึงรีบพาทหารกลับทันที
โดยยังคงพาตัวหลีเปิงและคนอื่นกลับไปเช่นกัน
มู่จิ่วอาศัยตอนหลิวจวิ้นไปหน่วยทหารเพื่ออนุมัติ กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อที่ลานจื่อหลิง
ลู่ยารีบเดินเข้ามาถามเรื่องราว พูดเสียงนิ่งว่า “ข้าแจ้งข่าวแก่จิ้งจอกเฒ่าแล้ว ทางเขาเนินอารามก็อ้างชื่อซ่างกวนสุ่นช่วยเขาแจ้งเรื่องไปเสียหน่อยแล้ว ไม่น่าจะเกินครึ่งชั่วยาม พวกเขาคงมาถึงสวรรค์”
มู่จิ่วรู้สึกอบอุ่นในใจ นางไม่เคยคิดมากขนาดนี้ เขากลับจำแทนนางได้ทั้งหมด จึงยิ้มให้เขา ทั้งยังช่วยหยิบดอกไม้ที่ติดอยู่บนผมออก จากนั้นให้ซ่างกวนสุ่นไปหาอู่เต๋อก่อน แล้วจึงรีบเร่งถือกระบี่ออกประตูไป
ลู่ยามองแผ่นหลังของมู่จิ่ว มือจับเส้นผมที่นางนำดอกไม้ออกให้ ริมฝีปากพลันยกยิ้มขึ้นมา
ดอกไม้นั้นแม้หยิบให้โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ยังนับว่ามีพัฒนาการ….