ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 176 แต่ละคนมีหนทาง
ชีวิตเขาก็นับว่าเป็นละครโศก โตมาขนาดนี้ อยู่ที่เขาเนินอารามใครไม่เรียกเขาองค์ชายเจ็ดบ้าง? มาถึงสวรรค์ไม่เพียงถูกไล่ล่าจนกลายเป็นสุนัข ยังถูกคนหิ้วเป็นลูกเจี๊ยบ ถึงแม้แท้จริงนับได้ว่าชำระหนี้แค้นนี้ได้ ผลคือศัตรูของเขายังเป็นเทพเซียนบรรพกาลที่อีกแปดชาติเขาก็เทียบไม่ได้ ชีวิตนี้ของเขาทำได้เพียงแค่รินชาเตรียมน้ำรับข่าวให้เขาเท่านั้นเอง
“ยังต้องให้ข้ารอ?” ลู่ยาไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
มู่หรงเสี่ยนเจ้าคนนี้ปฏิบัติงานช่างพึ่งพาไม่ได้ นี่นานขนาดไหนแล้ว?
หากไม่ใช่เพราะช่วงนี้เขารับรู้ได้ถึงแรงกดดันของกระดิ่งที่ลดลง เขาคงใช้งานอีกฝ่ายไม่ได้แล้ว
“ใช่แล้ว” ตอนนี้ซ่างกวนสุ่นพูดอีก “ข่าวของราชาจิ้งจอกยังบอกอีก เขาถามว่าท่านเทพสามารถรับจิ้งจอกน้อยเป็นศิษย์ก่อนได้หรือไม่?”
“อ้อ นี่เขากำลังเล่นเล่ห์เหลี่ยมกับข้า?”
ลู่ยาวางแก้วลงบนโต๊ะ เสียงไม่ดัง แต่น้ำในแก้วกลับเย็นเกินจะรับ
ซ่างกวนสุ่นก็ไม่กล้าส่งเสียง
ลู่ยาสูดลมหายใจก่อนลุกขึ้น ไพล่มือพูด “ออกไปเถอะ”
ทางหน่วยงาน หลิวจวิ้นก็ได้รับข่าวนานแล้ว อวี้ตี้รับหนังสือของอ๋าวเชิน จากนั้นให้ผู้ติดตามมาส่งข่าวมา ดังนั้นเขาจึงกำลังนั่งรอมู่จิ่วอยู่ในห้องปฏิบัติงาน
การถามไถ่ทุกข์สุขเมื่อพบหน้ากันขอไม่กล่าวถึง มู่จิ่วเข้าทัพทหารสวรรค์ไป หลินเจี้ยนหรูที่กำลังลาดตระเวนอยู่ที่ถนนกับสหายร่วมงานเห็นนางเข้า เห็นดังนั้นแล้วเขาจึงบอกกับสหาย ก่อนเดินเร็วๆ มายังหน่วยลาดตระเวน วันนั้นเรื่องที่อ๋าวเชินมาฟ้องร้องที่สวรรค์เขาเพิ่งรู้หลังจากเรื่องเกิด และรอจนเขาหาบ้านสกุลกัวเจอ นางกลับไปทะเลสาบน้ำแข็งแล้ว
น่าเสียดายที่เขาเคยไปทะเลสาบน้ำแข็งมาสองครั้ง แต่กลับเข้าไปในเขตพลังของวังมังกรไม่ได้ เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนก็ไม่ยอมให้เขาเข้าไป เขาทำได้เพียงร้อนใจ
เมื่อถึงหน่วยลาดตระเวนแล้ว เบื้องหน้าเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยในห้องทำงานเปิดกว้างของหลิวจวิ้น เสียงพูดคุยของพวกเขาดังออกมา
“…เรื่องราวขั้นตอนส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ สรุปคือไม่รู้ว่ากุญแจจันทราหยางสุดท้ายแล้วไปตกอยู่ในมือใคร และอ๋าวเยวี่ยก็ไม่รู้ไปอยู่ไหน ราชามังกรคงเจ็บปวดใจมาก แม้แต่ข้าที่เป็นฆาตกรก็ไม่เก็บมาใส่ใจแล้ว จึงปล่อยข้ากลับมา”
หลิวจวิ้นลูบคางฟังจนจบ ก่อนเอ่ย “ปีนั้นราชาจื่อเยวี่ยแห่งเผ่าหงส์เพลิงกลับมาเกิดใหม่แล้ว?”
“ไม่ผิด” มู่จิ่วพยักหน้า “ราชามังกรพูดแบบนี้”
หลิวจวิ้นครุ่นคิดไม่เอ่ยคำ
“มู่จิ่ว”
หลินเจี้ยนหรูอาศัยจังหวะตอนนี้เข้าประตูมา เรียกนางก่อน จากนั้นค่อยประสานมือให้หลิวจวิ้น
“เจ้าก็มาแล้ว?”
ไม่ได้พบกันนาน มู่จิ่วเจอเขากะทันหันยังคงดีใจ
เขายิ้มน้อยๆ พยักหน้าให้ อ้าปากคิดจะพูดอะไรกลับไม่พูด
หลิวจวิ้นมองพวกเขาทั้งสองก่อนกล่าว “ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ออกไปเถอะ พรุ่งนี้กลับหน่วยไปทำงานก็พอแล้ว”
มู่จิ่วขอบคุณก่อนออกไป มาถึงลานด้านนอกค่อยหยุดเท้าก่อนพูด “เจ้ามาหาข้าหรือเปล่า?”
หลินเจี้ยนหรูพยักหน้า “เรื่องครั้งนี้ฝ่าบาทลงโทษเจ้าไปทะเลสาบน้ำแข็ง ข้าขอโทษด้วยจริงๆ แต่เดิมโทษนี้ควรเป็นข้ารับไว้”
“ไม่เป็นไร!” มู่จิ่วโบกมือ “ยังไงก็ไม่ได้เสียประโยชน์อะไรไป อีกอย่างที่จริงเป็นข้าที่สังหารเขา”
ยังไงนางก็กลับมาแล้ว ยุ่งเรื่องนี้อีกก็ไม่มีความหมาย อีกอย่างตอนนั้นเขาไม่รู้ไม่ใช่หรือ!
หลินเจี้ยนหรูไม่แสดงออกอะไร เขาเดาได้ว่านางต้องไม่ใส่ใจเรื่องนี้ นี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาต้องอธิบายกับนางโดยด่วน เขาก้มหน้านิ่งไปครู่หนึ่ง เดินตามฝีเท้านางไปข้างนอกต่อ ก่อนพูดอีก “เมื่อครู่เจ้าพูดว่ากุญแจจันทรา แต่ที่เล่าลือมามันเป็นของมีค่าที่สามารถรักษาวิญญาณและยังหล่อเลี้ยงวิญญาณได้ด้วยใช่หรือไม่?”
เท้าของมู่จิ่วหยุดลง “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
ของมีค่าในโลกนี้มีมาก ถึงแม้รู้กว้างไกลแบบลู่ยา ก่อนไปทะเลสาบน้ำแข็งก็ยังไม่ได้ยินเรื่องกุญแจจันทรานี้ เขากลับรู้จักมัน?
หลินเจี้ยนหรูพยักหน้า “เจ้ารู้ว่าเป้าหมายข้าคือรวมจิตต้นกำเนิดของแม่ข้าให้สมบูรณ์ ดังนั้นข้าจึงสืบข่าวด้านนี้มาตลอด พอดีข้าสืบเจอว่ากุญแจจันทรามีความสามารถหล่อเลี้ยงวิญญาณ ข้าจึงสนใจ กลับไม่รู้มันอยู่ในมือของราชามังกรทะเลสาบน้ำแข็ง เป็นอย่างไร กุญแจจันทราหายไปแล้ว?”
มู่จิ่วผ่อนคลาย ความตั้งใจของเขานางรู้มาตลอด หากเขาไม่พูดนางคงลืมไปจริงๆ ว่ากุญแจจันทรานี้สำหรับเขาแล้วมีประโยชน์อย่างมาก
แต่ปฏิกิริยาของนางเองกลับนอกเหนือความคาดหมายไปบ้าง ถึงแม้นางกลับมา แต่ยังวางมือเรื่องนี้ได้ไม่หมดจด
นางถอนหายใจพูด “หายไปไหนไม่รู้ ได้แต่ดูว่าราชามังกรจะสามารถสืบหาที่อยู่ได้หรือไม่”
นางไม่คิดจะพูดมากเกินไป
ตั้งแต่รู้ว่าเขาสังหารบิดาเพื่อมหาโอสถแล้ว ภาพลักษณ์ของเขาที่ไม่สนใจเรื่องอื่นใดเพื่อเป้าหมายค่อยๆ ฝังลึกอยู่ในสมองนาง ถึงแม้นางยังคงเชื่อว่าพื้นเพเขาไม่ใช่คนไม่ดี แต่กุญแจจันทราเป็นของอ๋าวเชิน และเรื่องราวก็ซับซ้อนมากแล้ว นางไม่คิดให้หลินเจี้ยนหรูสนใจเรื่องนี้มาก หากเขาเข้าร่วมความขัดแย้งของตระกูลอวิ๋นกับตระกูลอ๋าว ไม่แน่ว่าแม้แต่ชีวิตก็ต้องเสียไป
หลินเจี้ยนหรูเป็นคนรู้สถานการณ์ เห็นท่าทีแล้วจึงไม่ถามให้มากความ
ในความเป็นจริง เขาสนใจกุญแจจันทราอย่างมาก แต่เขาก็รู้จักตนเองดี นอกเสียจากอ๋าวเชินให้ยืม มิฉะนั้นแล้วเขาคงไม่สามารถเอามันมาได้แน่นอน เขาไม่อาจเสี่ยงได้
แต่การหลบเลี่ยงของมู่จิ่วกลับทำให้เขารู้สึกคิดมากอยู่บ้าง แต่ก่อนนางไม่เป็นแบบนี้
“ช้าก่อน” เขาหลุดปากรั้งนางที่เดินไปถึงธรณีประตูแล้ว
มู่จิ่วหันกลับมา ยังไม่ทันพูด เขาก็เดินตามขึ้นมามองนางอย่างล้ำลึก “เจ้ายังโกรธข้าเพราะเรื่องที่ข้าสังหารหลินเซี่ยหรือไม่?”
มู่จิ่วรู้สึกว่าคำถามนี้ไม่เหมาะสม นางพูดอย่างสงบ “ไม่นับได้ว่าโกรธ นี่คือทางเลือกของเจ้า”
แต่ละคนล้วนมีหนทางที่เลือกแล้วของตนเอง มีทางที่เขาตัดสินใจเลือกแล้วต้องเผชิญหน้า เหมือนตัวนางเองด้วย ตอนนั้นนางเลือกอยู่ที่หงชางต่อได้ เลือกไม่ช่วยลู่ยาได้ แต่ในชีวิตนาง การตัดสินใจเลือกแต่ละครั้งนั้นล้วนไม่ผิดต่อคุณธรรมในใจตน นางไม่โทษอะไรไม่สำนึกเสียใจ ทำโดยถามใจตนเองคือหลักการของนาง ไม่สนว่าคนนอกจะมองนางโง่ขนาดไหน
ดังนั้นในสายตานางไม่ว่าใครก็เหมือนกัน เพียงพวกเขาถามใจตนเองแล้วไม่ละอาย แบบนั้นทำไปก็ดีแล้ว ชีวิตคนยากจะหลีกเลี่ยงหนทางไม่เหมาะสมที่พวกเราเลือกมา บางครั้งคนข้างกายก็ไม่มีอำนาจไปโทษอะไร แต่ไม่ว่าจะถูกหรือผิด สุดท้ายหลังจากเลือกแล้วก็ต้องแบกรับผลลัพธ์ด้วยตนเอง
แบกรับไหว นั่นยังคงเป็นชายชาตรี แบกรับไม่ไหว นั่นก็ไม่ต้องโทษฟ้าโทษดิน
เรื่องที่พูดว่านางใส่ใจที่เขาสังหารบิดาของตนเอง ยังมิสู้พูดว่านางกำลังกังวลว่าวันหนึ่งเขาจะเดินทางนี้ไกลออกไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์คราวนี้เขาแบกรับไหว แต่ภายหลังทำผิดอีก กลับไม่แน่ว่าจะโชคดีแบบนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบ สำหรับเขาแล้วนางมีเพียงความกังวลฉันเพื่อนเท่านั้น ไม่ใช่รังเกียจอื่นใด
เรื่องเหล่านี้ นางคิดได้นานแล้ว
หลินเจี้ยนหรูจ้องมองนางอยู่นาน สุดท้ายก็ละสายตาไป
เขาฉลาดแบบนี้ จะไม่เข้าใจความหมายของนางได้อย่างไร
“ไม่มีอะไรแล้ว กลับเถอะ” เขาตบไหล่นางพลางพูด “เย็นแล้ว บางทีเสี่ยวซิงกำลังรอเจ้ากินข้าวอยู่”
มู่จิ่วยกมุมปาก ลังเลอยู่สักครู่ กลับถาม “การตายของจีหย่งฟางเป็นมาอย่างไร?”
……………………………………………………………………