ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 178 จิ้งจอกอับจนหนทาง
ความจริงยืนยันได้ว่า อาการเกาะติดหนึบของเสือตัวหนึ่งไม่แพ้ตังเมเลย เพราะหลายวันต่อมาล้วนเป็นแบบนี้
ตอนกลางวันมู่จิ่วทำงานอยู่ในหน่วย อาฝูซ่อนตัวอยู่ที่เงาของกำแพงในลาน ทุกครั้งมีคนเดินผ่านเขาจะกระโดดออกมาทำให้ตกใจกลัว คนที่ขี้กลัวถูกเขาทำให้ตื่นตกใจจนถอยออกไปนอกประตูใหญ่ คนที่กล้าหน่อยก็ตกใจจนสะอึก ทำให้มู่จิ่วสงสัยอย่างมากว่าเขาคงเล่นอยู่บ้านจนเบื่อแล้ว จึงจงใจตามนางมาเปลี่ยนสถานที่ปลดปล่อย
กลับมาหลายวันนี้ มีแขกมาเยี่ยมที่บ้านอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้อิ่นเสวี่ยรั่วเข้ากันได้อย่างดีกับเพื่อนบ้านที่มาทีหลัง จึงยกความดีความชอบให้ลู่ยาและมู่จิ่ว มีเรื่องหรือไม่มีก็มักมาเยี่ยมเยือนเสมอ
ในหน่วยงาน เฉินอิง หูเหยียน และคนอื่นที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันก็มักจะมากินข้าวด้วย ตอนแรกมู่จิ่วยังกลัวว่าลู่ยาจะไม่ชอบ ไหนเลยจะรู้ว่าเขาคนนี้ยังชำนาญการเล่นทายนิ้ว (เป่ายิ้งฉุบ) กับพวกเขามากกว่านางอีก และยังดื่มพันจอกโดยไม่เมาอย่างแท้จริง ทำเอาภายหลังพวกเฉินอิงมากินข้าวอีกคือกินข้าวเท่านั้น จะเอ่ยถึงเรื่องดื่มเหล้าน้อยมาก
มู่จิ่ววางใจแล้ว ผ่านความหดหู่ในวังมังกรมาสองเดือน เทียบกับเมื่อก่อนแล้วนางยิ่งทะนุถนอมมิตรไมตรีนี้มากขึ้นไปอีก ดังนั้นจึงมองซ่างกวนสุ่นดีขึ้น ถึงเขาปากร้ายก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรเขาแล้ว
และคืนนั้นที่ลู่ยากลับมา เขาส่งข่าวให้ราชาจิ้งจอก ถึงแม้เขาไม่รีบกลับไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้เจ้าเด็กนี่ทำเหมือนเขาเป็นคนโง่ได้ง่ายๆ กิจยังทำไม่สำเร็จกลับยังกล้าเอ่ยให้เขารับจิ้งจอกน้อยเป็นศิษย์ก่อน คิดว่าหลายปีนี้คงอยู่ที่ชิงชิวอย่างสบายเกินไปเลยอยากหาเรื่องใส่ตัว
แต่ส่งข่าวออกไปแล้วไม่ได้รับการตอบกลับทันที ลู่ยาครุ่นคิด เป็นไปได้ว่าจิ้งจอกกำลังหาวิธีปลีกตัวออกมา เพราะตอนนี้ไม่รีบร้อน
วันนี้เขาอาบแดดอยู่ในสวนดอกไม้ กระดิ่งที่แขวนอยู่ตรงหน้าต่างพลันส่งเสียงกริ๊งกริ๊ง เขายังไม่ทันยืนขึ้น ลมกลุ่มหนึ่งพลันพัดจากบนฟ้าลงมาสู่พื้น จากนั้นสิ่งของหนักๆ ก้อนหนึ่งตกลงมากลางวงล้อมดอกไม้ด้านหน้าเขา เขาหรี่ตาจ้องมองอยู่นาน จึงค่อยเอนกายชิดไปทางเก้าอี้เอน
“สิบสามเข้าพบท่านซือจู่” คนบนพื้นหอบหายใจ ค้อมเอวทำความเคารพอย่างน่าอดสู
มู่เสี่ยวซิงกับซ่างกวนสุ่นที่กำลังตากผักดองอยู่ในสวนดอกไม้ได้ยินการเคลื่อนไหวก็พุ่งเข้ามา เพียงเห็นคนบนพื้นสภาพเป็นแบบนี้ แม้แต่คางก็เกือบร่วงลงไปแล้ว!
คนนี้ใคร? ราชาจิ้งจอกไงเล่า!
แต่พวกเขาไม่กล้ายืนยันเลย!
เมื่อก่อนราชาจิ้งจอกเหมือนกล่องของมีค่าเคลื่อนที่ เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่เขาตรงหน้านี้เป็นอย่างไร?
ผ้าคลุมอย่างดีมีรอยฉีกขาดหนึ่ง เป็นรูอีกหนึ่ง ของมีค่าต่างๆ แม้ยังมีอยู่ แต่แหวนใหญ่บนมือเต็มไปด้วยดินโคลน หยกประดับข้างเอวแตกจนเหลือครึ่งซีก แต่ที่สะดุดตาที่สุดคือผม แต่ก่อนหวีจนแม้แต่ยุงยังต้องใช้ไม้เท้า แต่ตอนนี้ผมยุ่งเหยิงหน้ามอมแมม ที่จริงไม่ต่างจากขอทานเลย
“ราชาจิ้งจอก เกิดอะไรขึ้น? หรือชิงชิวถูกปล้น?!”
มู่เสี่ยวซิงปากไว หนึ่งวินาทีก่อนยังอึ้งอยู่ วินาทีถัดมาก็หลุดปากถามเขาแล้ว
แต่เดิมราชาจิ้งจอกก็กลุ้มใจอยู่มาก ได้ยินคำพูดนี้จึงถลึงตาขึ้นมาทันที “แม่เด็กนี่พูดมากอะไร?! เชื่อหรือไม่ต่อไปข้าจะจับเจ้าทำกระต่ายย่าง!?”
เสือหมาป่าจิ้งจอกล้วนเป็นศัตรูตามธรรมชาติของกระต่าย เสี่ยวซิงได้ยินก็รีบกุมหัวกระโดดออกไป
ซ่างกวนสุ่นตามออกไปเช่นกัน
ลู่ยาเอนตัวงอขาโบกพัดอยู่บนเก้าอี้ “ไม่เจอกันปีกว่า ราชาจิ้งจอกยิ่งมีพัฒนาการ ไม่เพียงกล้าเล่นเล่ห์เหลี่ยมกับข้า แม้แต่คนข้างตัวข้ายังรังแกอย่างหนัก ความสามารถเจ้าแบบนี้ ข้าควรจะกลิ้งกลับวังชิงเสวียนของข้าไปดีหรือไม่?”
สีหน้าราชาจิ้งจอกเปลี่ยนในหนึ่งวินาที ทำหน้าเศร้าสร้อยน้ำตาตกต่อหน้าเขา “ท่านช่างทำร้ายสิบสามนัก! ท่านไม่รู้ว่าช่วงนี้สิบสามใช้ชีวิตอย่างไร อยู่ที่วังจิตกระจ่างครึ่งเดือนนี้ ข้านอนหลับไม่สนิท กินไม่อิ่ม แม้แต่กินน้ำเปล่ายังติดฟัน ข้าช่างโชคร้ายยิ่งนัก…”
“พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย! กระดิ่งล่ะ?!” ลู่ยาทำหน้านิ่งขรึม ทุกครั้งล้วนเป็นแบบนี้ ถึงจะแสดงละครก็ใช้วิธีใหม่หน่อยได้หรือไม่!
ราชาจิ้งจอกเงียบไป ก่อนพูด “เอามาไม่ได้…”
“ไสหัวไป!” ลู่ยาถลึงตาใส่
“ท่านซือจู่…”
ลู่ยายกแขนขึ้น ราชาจิ้งจอกรีบเข้าไป “ท่านฟังข้าพูดก่อน! ไม่ใช่ข้าไม่เอามันมา แต่เดิมวันนั้นข้านำมาได้แล้ว แต่ตอนที่นำกระดิ่งมา ทันใดนั้นข้าก็พบเรื่องประหลาดเรื่องหนึ่ง!”
ลู่ยาเก็บพัดเคาะหน้าผากเขา “เจ้าต้องแต่งเรื่องให้เข้าท่ากว่านี้หน่อย!”
ราชาจิ้งจอกปาดเหงื่อบนหน้าผาก ปรับลมหายใจพูด “เป็นแบบนี้ เพื่อให้กลับไปสวรรค์ชั้นสามสิบเก้าสำเร็จ ข้าไปต่อสู้กับราชานกปี้ฟางที่เกาะเผิงไหลก่อน จากนั้นได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จึงอาศัยโอกาสนี้เข้าวังหนี่ว์วาไปร้องไห้กับท่านปู่ซือจู่ของพวกเรา (หงจวินเหลาจู่) พร้อมทั้งรักษาบาดแผลและพูดคุยเรียนรู้วิชาสงครามกับท่านต่อ”
“ท่านปู่รอง (หุนคุนจู่ซือ) รู้ว่าหลังจากข้าเจอกระดิ่งหุนหยวนต้องเจอโชคร้ายอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่สงสัยข้า ข้าอยู่ที่ที่พักของเหนียงเหนียงสองวันก็ไปวังจิตกระจ่าง ข้าใช้เวลาสองวันสืบหาที่อยู่ของกระดิ่งได้ และอาศัยตอนที่ท่านปู่รองไปสวนผักนำกระดิ่งมา ไหนเลยจะรู้ว่าเพิ่งเข้าวังจิตกระจ่างไป ข้าเจอกับกลุ่มควันเขียว!”
“หมายความว่าอะไร?”
ลู่ยาเหลือบมองเขา สายตาเย็นชา หากเจ้านี่กล้าเล่นตุกติกกับเขา เขาจะรีบตีกลับเข้าท้องแม่ไป!
ราชาจิ้งจอกรีบพูด “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กลุ่มควันเขียวนั้นมาอย่างแปลกประหลาด ข้าเดินไปที่ไหนมันก็เดินตามข้าไปที่นั่น ไล่ยังไม่ไป ข้าเข้าใจว่าเป็นพลังหยั่งรู้ของปีศาจเฝ้าวัง แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดกลับไม่ใช่ เพื่อความรอบคอบ ข้าจึงไปถามตี้เจียง[1]ที่เฝ้ายามอยู่”
“ตี้เจียงกลับพูดว่าข้าตาฝ้าฟางแล้ว เขาอยู่ที่วังจิตกระจ่างมาหลายแสนปี แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีใครเปลี่ยนร่างซ่อนร่างใต้สายตาของท่านปู่รองได้ ข้าก็เข้าใจไปจริงว่าข้าตาฝ้าฟางแล้ว ดังนั้นสามวันก่อนหน้าข้าจึงไปอีกรอบ ผลคือกลุ่มควันเขียวนั้นยังปรากฏ ยังคงติดตามข้าอย่างเงียบเชียบ ที่สำคัญคือข้าไปถามท่านปู่ของข้า แม้แต่เขาก็ไม่รู้! ท่านว่าแปลกหรือไม่?”
พูดถึงตอนท้ายเขายังทุบฝ่ามือ มีท่าทางครุ่นคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
ลู่ยาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ในเมื่อล้วนไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าไม่ได้หลอกข้า?”
ราชาจิ้งจอกรีบจนยื่นศีรษะและมือเข้ามา “หากท่านต้องการตรวจสอบผมหรือตรวจสอบเลือด แล้วแต่ท่านเลือกเลย! หากสิบสามโกหกแม้แต่ครึ่งคำ ก็ให้โชคร้ายของกระดิ่งหุนหยวนโอบล้อมข้าไปตลอดชีวิตจนหาทางหนีไม่ได้!”
ลู่ยาใช้สายตาเย็นชามองอยู่ครู่หนึ่ง ดึงปิ่นปักผมบนศีรษะออกมาทิ่มลงไปที่นิ้วเขาโดยพลัน คล้อยหลังเสียงตกใจของราชาจิ้งจอก นิ้วที่ถูกดูแลมาเหมือนกับแม่นางน้อยมีเลือดผุดขึ้นมาหยดหนึ่ง
ครั้งนี้แม้แต่ถาดน้ำก็ไม่ได้ยกมา นำหยดเลือดลงไปในอ่างอาบน้ำของอาฝูทันที ข้างในปรากฏภาพวังจิตกระจ่างที่เขาไม่ได้เห็นมานาน
ในภาพนั้น ราชาจิ้งจอกย่องมือย่องเท้าเลียบตามกำแพงเข้าไปวังหลัง และห่างจากหัวเขาไม่ไกล มีกลุ่มควันเขียวบางๆ ปรากฏขึ้นมา ควันเขียวนี้คอยตามติด พลังบำเพ็ญไม่สูงพอ ยากนักที่จะสังเกตเห็น….
……………………………………………………………