ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 192 มีใครไม่ลำบากใจบ้าง?
สายตาของอ๋าวเชินดุร้าย คางที่ขบแน่นทำให้ดูไปแล้วเขาไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น “หรือข้าสละให้นางน้อยไป? ว่ากันว่า เป็นสามีภรรยากันหนึ่งวันผูกพันร้อยวัน นางอยู่กับข้านานขนาดนี้ ย่อมต้องมีความรู้สึกอยู่หลายส่วน อย่างไรก็ตาม นางยินดีละทิ้งไม่สนใจเฉินผิงเพื่ออวิ๋นรอง ข้านำกุญแจจันทราหยินกลับมา ก็เพื่อให้เฉินผิงได้เจอกับชาติภพที่ดีในชีวิตหน้า!”
มุมปากมู่จิ่วที่ยกขึ้นล้วนเป็นยิ้มเยาะ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นคนไร้ยางอายเปิดเผยเรื่องไร้ยางอายอย่างไม่ปิดบังแบบนี้
นางพูด “ทำไมเจ้าไม่พูดกับพวกเขาตรงๆ?”
“พูดตรงๆ พวกเขาจะให้หรือ?” อ๋าวเชินหรี่ตา ในดวงตาส่องประกายเย็นชา “อย่ามาพูดเรื่องความตรงไปตรงมาอะไรกับข้า หากไม่มีเรื่องที่นางวางแผนเล่นงานข้าครั้งนี้ ข้าก็ยังให้พวกเขาเก็บกุญแจหยินไว้ได้ แต่ในเมื่อพวกนั้นยังคิดขโมยกุญแจหยางไปจากข้า ข้าจะนั่งมองไม่สนใจได้อย่างไร?”
“เฉินผิงก็เป็นลูกของข้า หากได้กุญแจหยินนั่นกลับมา ดีร้ายข้าก็สามารถสร้างอนาคตแทนเขา กุญแจจันทราหยินเป็นของวังมังกรของข้า ข้านำของของข้ากลับมาก็ไม่นับว่าผิด”
มู่จิ่วไม่คิดจะเถียงกับเขาเรื่องนี้แล้ว
สรุปคือ ตอนคนหน้าไม่อายทำเรื่องไร้ยางอายล้วนมีเหตุผลทั้งนั้น
นางถามอีก “กุญแจจันทราหยางไปไหนแล้ว?”
“หายไปแล้ว” เขากัดฟัน
มู่จิ่วยิ้มเยาะพูด “ข้าคิดว่าเจ้ากับอวิ๋นเฉี่ยนช่างเป็นคู่ฟ้าประทาน ครุ่นคิดวางแผนเหมือนกัน กุญแจจันทราหยางนี้อยู่กับเจ้ามาตลอด และก่อนเกิดเรื่อง เจ้าก็รู้อยู่แล้วว่านางวางแผนมาขโมยมัน จะไม่นำมันไปซ่อนที่อื่นได้อย่างไร? ในเมื่อเจ้าแสดงละครมาถึงจุดนี้ คิดดูแล้วความโกรธวันนั้นที่วังประจิมไสวต้องเป็นการแสดงอีกแน่”
“กุญแจจันทราหยางอยู่ในมือเจ้า ถึงตอนนี้เจ้ายังพูดไร้สาระกับข้า?”
“เจ้าสิพูดไร้สาระ!”
อ๋าวเชินตะโกนด้วยความโกรธจัด เลิกผ้าห่มขึ้น แต่กลับโงนเงนลงมาที่พื้นโดยไม่คาดคิด!
“เจ้าคิดว่ามีเพียงตระกูลอวิ๋นเท่านั้นหรือที่มองกุญแจจันทราเป็นของมีค่า? กุญแจจันทราหยางสำหรับข้าก็เป็นของมีค่าสำคัญ! อวิ๋นรองอยากได้มันไปรักษาชีวิต ข้าก็ต้องการมันไว้รักษาชีวิตเช่นกัน!”
“เจ้าต้องการรักษาชีวิต?” มู่จิ่วขมวดคิ้ว “นี่หมายความว่าอย่างไร?”
อ๋าวเชินหน้าเขียวปัด เดินไปตรงหน้านาง ชี้อกตนเองพลางพูด “พวกเจ้าดูสภาพข้าตอนนี้ ก็เพราะกุญแจจันทราหยางไม่อยู่แล้ว! ปีนั้นบิดาข้าส่งต่อกุญแจจันทราให้ก็เพื่อรักษาชีวิตข้าไว้ และอวิ๋นเฉี่ยนกลับอยากได้มันกลับไปช่วยพี่ชายนาง เจ้าว่าข้ารับปากได้หรือ?! ข้าให้ได้หรือ?!”
ลมหายใจมู่จิ่วติดอยู่ที่คอ ไม่รู้ว่าจะสูดเข้าไปหรือพ่นออกดี
ที่แท้อ๋าวก่วงมอบกุญแจจันทราคู่นี้ให้อ๋าวเชินไว้รักษาชีวิต อาการป่วยของอ๋าวเชินมีมานานแล้ว และยังเกี่ยวข้องกับกุญแจจันทรา?
นางมองอ๋าวเจียง อ๋าวเจียงก็มีสีหน้าเหมือนเห็นผีเช่นกัน เรื่องนี้แม้แต่เขาก็ยังไม่รู้! ตนเป็นลูกชายแต่ทำจนเขาเป็นแบบนี้ ช่างเกินไปจริงๆ
“เรื่องเป็นมายังไงกันแน่?” นางมองประเมินอ๋าวเชินขึ้นลง
อ๋าวเชินสูดลมหายใจเข้าลึก พูดเสียงต่ำ “ประมาณห้าพันปีก่อน ข้าที่เดินทางอยู่ข้างนอกถูกซุ่มโจมตี ครั้งนั้นข้ากลับมาจากไปเยี่ยมหนานจี๋เซียนเวิง[1] ตอนผ่านทางคุนหลุนตะวันออกเป็นตอนกลางคืนพอดี เดิมทีทุกอย่างก็ดูปกติ แต่ตอนที่ข้าจะข้ามผ่านไป ถึงได้รู้สึกถึงพลังวิญญาณแข็งแกร่งขุมหนึ่งในหุบเขา
“พลังวิญญาณนั้นทั้งแข็งแกร่งและดุร้าย มากมายไม่มีที่สิ้นสุด ระดับความแข็งแกร่งอยู่เหนือข้าไปไกล!”
“ข้าเกรงว่าจะเป็นมารปีศาจมาก่อเรื่อง จึงกดเมฆลงลองตรวจสอบดู แต่คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันเข้าใกล้ พลังวิญญาณที่แพร่กระจายนั้นพลันรวมกันเป็นกลุ่ม พุ่งเข้าโจมตีข้า! กลุ่มพลังวิญญาณเทียบกับที่ตอนกระจายตัวก่อนหน้านี้ยังแข็งแกร่งกว่าสิบเท่า พลังบำเพ็ญแสนปีของข้ากลับหลบไม่พ้นการโจมตีนี้!”
พูดถึงตอนจบ ฝ่ามือเขาก็ตบลงบนมุมโต๊ะ โต๊ะที่สลักจากหยกขาวแตกละเอียดไปมุมหนึ่ง
มู่จิ่วจ้องมองมือเขาที่ซีดขาวเพราะใช้แรงอยู่ชั่วครู่ ก่อนพูด “ภายหลังเจ้ารู้หรือยังว่าทำไมถึงมีพลังวิญญาณแข็งแกร่งแบบนี้ปรากฏอยู่ในหุบเขา?”
“จนถึงตอนนี้ข้าก็ไม่แน่ชัด” อ๋าวเชินขมวดคิ้วพูด “หลังจากเกิดเรื่องก็ไม่ได้ไปคุนหลุนตะวันออกอีก ภายหลังบิดาของข้าไปครั้งหนึ่ง แต่เขาไปคราวนั้นไม่มีอะไรผิดปกติแม้แต่น้อย ข้าเพียงจำได้ว่าพลังบำเพ็ญของตนไม่ใช่คู่มือเขา อีกทั้งความบริสุทธิ์ของพลังวิญญาณนั้น จนถึงบัดนี้ข้าก็ไม่เคยพบเห็น”
“แต่ข้าแน่ใจว่าต้องเป็นผู้ที่มีวิชาแข็งแกร่งมาก! เพราะตอนที่เขาขับเคลื่อนพลังวิญญาณโจมตีข้า ทั้งความรวดเร็วและปฏิกิริยาตอบโต้ที่ปราดเปรียว ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน!”
ยังมีเรื่องแบบนี้อีก?
ในใจมู่จิ่วมีความสงสัย
ในโลกมนุษย์ พลังวิญญาณบริสุทธิ์ก็ไม่ใช่ไม่มี เช่นชิงหลิงคงหมิงปรมารจารย์ต้นกำเนิดทั้งสี่ หากคนที่เขาพบคือหนึ่งในศิษย์พี่น้องของลู่ยากำลังฝึกฝนอยู่ที่นั่นก็ไม่แปลก แต่ที่สำคัญคือพวกลู่ยามีสวรรค์ชั้นสามสิบเก้าให้เดินเล่นเป็นอิสระ ใช้ทำพื้นที่สงครามก็ยังเหลือเฟือ พวกเขายังต้องไปหาที่แบบนั้นฝึกฝนอีกหรือ?
ทว่าจักรวาลใหญ่แบบนี้ ไม่ว่าเรื่องประหลาดใดก็มี พลังวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่จำเป็นต้องเป็นต้นกำเนิดพลังอย่างพวกเขา
ที่จริงปฐมวิญญาณกลายเป็นเทพถึงวันนี้ก็ล้านล้านปีแล้ว ถึงแม้เป็นรุ่นลูกศิษย์หลานศิษย์ของพวกเขาทั้งสี่ คนที่พรสวรรค์ดีก็ไม่ยากที่จะไปถึงขั้นนั้น
นางเอ่ย “ดังนั้นเจ้าเลยได้รับบาดเจ็บ?”
“ไม่เพียงบาดเจ็บ ยังบาดเจ็บหนักมาก” สายตาอ๋าวเชินส่องสว่าง แต่ละคำเหมือนขุดออกมาความทรงจำส่วนลึก “พลังวิญญาณนั้นทำลายจิตต้นกำเนิดข้าโดยตรง เกือบทำให้ข้าวิญญาณหลุดออกจากร่าง คืนนั้นพาหนะของข้านำข้ากลับไปทะเลตะวันออก จากนั้นบิดาข้าเอากุญแจจันทราออกมาปกป้องจิตมังกร จึงช่วยให้ข้าฟื้นมาได้ ภายหลังข้าออกจากวัง พ่อข้าก็ให้กุญแจจันทรานี้แก่ข้า”
มู่จิ่วฟังจบ ยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง นางพูด “ข้าจับชีพจรเจ้าดูได้หรือไม่?”
อ๋าวเชินยื่นมือออกมาอย่างไม่ลังเล มู่จิ่วใช้มือจับลงไปตรวจสอบ เห็นเพียงชีพจรเดี๋ยวเต้นเดี๋ยวหยุด พลังรอบกายสับสนวุ่นวาย มีร่องรอยจิตต้นกำเนิดเสียหายจริง และไม่เพียงเสียหาย แม้แต่จิตมังกรด้านในยังมีรอยปริร้าวลึกถึงสองรอย!
จิตดั้งเดิมของเผ่าพันธุ์สัตว์เทพสำคัญที่สุด หากมีรอยปริแตกนั่นกระทบถึงชีวิต
อ๋าวเชินพลังบำเพ็ญแสนปี ต่อหน้าพลังวิญญาณที่ว่า แม้แต่จิตต้นกำเนิดยังรักษาไว้ไม่ได้ เพียงคิดก็รู้ว่าตอนนั้นพลังประหลาดนั่นโหดเหี้ยมขนาดไหน!
มู่จิ่วเก็บมือกลับมา ก้มหน้าครุ่นคิด
เสียดายที่ลู่ยาไม่อยู่ด้วย มิฉะนั้นแล้วบางทีเขาอาจรู้เบาะแสอะไรบ้าง
“ทำไมข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้!”
อ๋าวเจียงที่ไม่ได้พูดมาตลอด ในที่สุดก็ฝืนพูดออกมาประโยคหนึ่ง ในคำพูดมีทั้งความน้อยใจและโกรธเคือง แต่โกรธมากกว่าน้อยใจ
“นั่นเป็นเพราะปู่เจ้ากังวลว่าเรื่องที่จิตต้นกำเนิดของข้าเสียหายจะแพร่งพรายออกไป แล้วทำให้เกิดเรื่องมากขึ้น เพราะปกติไม่มีใครเลือกคุนหลุนตะวันออกตอนกลางคืนเป็นที่ฝึกฝน หากเป็นคนมีแผนในใจจริง และรู้ว่าข้าเป็นคนไปเห็น แบบนั้นภายหลังจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ว่าใครก็บอกชัดเจนไม่ได้!”
…………………………………………………………