ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 236 คนโง่งม
นางที่อยู่ในอ้อมอกเหมือนไม่มีกระดูก หลังจากที่ตอนแรกมือของนางปัดสะเปะสะปะ ก็เปลี่ยนเป็นจับคอเสื้อเขาแน่นพลางร้องไห้อย่างเจ็บปวด น้ำตาหยดลงไปที่คอเขา นี่ยิ่งทำให้เขานึกรังเกียจ
เขาเริ่มเชื่อแล้วว่านางมีใจให้เขาจริง นางที่แต่ก่อนเหย่อหยิ่งเหมือนนกยูง กลับมีใจให้กับเขาลูกนอกสมรสที่นางเหยียดหยามดูถูก?
มือทั้งสองของเขากำลังตบหลังนางเบาๆ มุมปากกลับยกขึ้นอย่างเย็นชา
แต่ก่อนเขาเข้าใจว่าจีหย่งฟ่างโง่มากแล้ว คิดไม่ถึงว่านางจะโง่ยิ่งกว่านั้น
หรือนางไม่รู้ว่าแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยมองนางเป็นศิษย์พี่มาก่อน?
ไม่เพียงไม่มองเป็นศิษย์พี่ แม้แต่ผู้หญิงธรรมดาก็ไม่ใช่
เขาได้รับความอับอายจากเงื้อมมือของพวกนางมากพอแล้ว ยังหวังให้เขาตื้นตันกับความรู้สึกน่าหัวร่อนี้ของนางอีกหรือ?
ชีวิตนี้ของเขา หากต้องหาคู่ครองก็ต้องเป็นหญิงสาวซื่อตรงใจงาม
“เป็นข้าผิดเอง ข้าทำผิดต่อสิ่งที่ศิษย์พี่ดีต่อข้าในวันคืนที่ผ่านมา ข้าสมควรตาย แต่วันนี้ข้ารู้ความในใจของศิษย์พี่แล้ว หากศิษย์พี่ไม่ชอบให้ข้าใกล้ชิดกับหญิงอื่น ครั้งต่อไปข้าจะระวังหน่อยแล้วกัน” เขาพูดอย่างไม่เร็วไม่ช้าข้างหูนาง น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างมาก แววตาไม่ใส่ใจ
ช้าเร็วเขากับแรกพยับก็ต้องปะทะกัน กำลังกังวลว่าไม่มีคนรับเคราะห์แทน ในเมื่อนางมาหาถึงหน้าประตู เขาย่อมไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธ
ทั้งสำนักแรกพยับมอบความอัปยศให้เขา ต้องมีสักวันหนึ่งที่เขาจะเอาคืนกลับไปเป็นเท่าทวี
เหลียงชิวฉานซบอยู่บนลาดไหล่เขา เสียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดค่อยๆ กลายเป็นเสียงสะอื้น
ตอนส่งนางไปถนนตะวันตก พระจันทร์ขึ้นทางเขาตะวันออกแล้ว
เขากลับเรือนไปนั่งอยู่ตรงหน้าต่าง เริ่มปรับอารมณ์ให้สงบอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้เขาแอบซ่อนความสามารถ ทำตัวสงบเสงี่ยมมาตลอด เพื่อไม่ให้แรกพยับรู้ความลับที่เขาเลื่อนขั้นสองขั้น เขากลัวว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เหลียงชิวฉานไม่ได้พูดออกไป คนอื่นกลับเห็นความผิดปกติของเขาก่อน ในทัพสวรรค์ก็มีสำนักมากมายที่มีความสัมพันธ์อันดีกับแรกพยับ หากเรื่องแพร่งพรายไปถึงแรกพยับ เขาก็เท่ากับยกหินมาทุ่มใส่เท้าตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น หัวชิงมีสหายเซียนที่มีสัมพันธ์อันดีอยู่ในสวรรค์บ้าง อย่างเช่นอู่เต๋อซิงจวินก่อนหน้านี้ก็มีไมตรีกับเขา
ในสถานการณ์ปกติเขาย่อมไม่ยุ่งเกี่ยวกับหัวชิง แต่หากตอนเขาเข้ามาสวรรค์แล้วมีข่าวแพร่ไปถึงหูล่ะ?
ดังนั้นการหลบซ่อนที่ต่อเนื่องมาหลายเดือนนี้ ก็เป็นเพราะเขาไม่ได้เตรียมตัวรับมืออย่างดี
ทว่าวันนี้เหลียงชิวฉานแสดงออกความในใจแบบนี้ต่อเขา บางทีเขาอาจสามารถหาโอกาสวางแผนเพื่ออนาคตได้แล้ว
ก่อนอื่น เรื่องที่เขากินมหาโอสถทองต้องเปิดเผยออกไปแน่ และหากเผยออกไป หัวชิงต้องไม่ให้โอกาสอะไรเขาอีกแน่นอน ในความเป็นจริง ถึงแม้หัวชิงให้โอกาส จีหมิ่นจวินที่รู้ว่าจีหย่งฟางกับหลินเซี่ยตายในเงื้อมมือเขาก็ไม่แน่ว่าจะปล่อยเขาไป ดังนั้นหากเขาไม่อยากให้เรื่องทั้งหมดนี้เกิด ก็ต้องคิดหาทางให้สามารถปกป้องตนเองได้
ความสามารถนี้มีวิธีที่จะได้มาหลายประเภทนัก แต่เขายังมีเงื่อนไขก่อน คือแม่ของเขาชิวซื่อ (นางสกุลชิว) ถึงแม้เขาสามารถคิดหนทางทำให้ตนเองอยู่รอดปลอดภัยได้ แต่นางจะทำอย่างไร? เขาพยายามจนถึงวันนี้ เป้าหมายครึ่งหนึ่งก็เพื่อชิวซื่อ เขาต้องคิดหาหนทางคลี่คลายปัญหาของนางก่อน
แต่พลังบำเพ็ญของเขาตอนนี้ยังไม่พอหาเศษเสี้ยววิญญาณที่หายไปของนาง ยิ่งไม่พอลงให้ลงไปนรกเพื่อบันทึกความตาย…ชิวซื่อเป็นมนุษย์ เวียนว่ายตายเกิดล้วนมีนรกจัดการ ถึงแม้ฟื้นคืนจิตต้นกำเนิดแทนนาง ก็ยังต้องไปจดบันทึกยังนรก หากเขาทำสองเรื่องนี้ไม่ได้ ยิ่งพูดมากก็เป็นการเสียแรงเปล่า
แต่ต่อให้เรื่องจะยากเย็นกว่านี้ก็ต้องไปทำ
และต้องเริ่มลงมือทำ
เขาไม่เชื่อใจคนแบบเหลียงชิวฉานเลยแม้แต่น้อย ไม่สู้อาศัยโอกาสตอนนี้ที่นางมีความรู้สึกอ่อนไหวซึ่งแม้แต่ตัวนางเองก็ไม่เข้าใจรีบกรุยทางถอยให้เรียบร้อย หากสายไปหน่อยแล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลง ถึงตอนนั้นไหนเลยจะมียาแก้อาการเสียใจภายหลังให้กิน?
ตอนนี้เป็นโอกาส อย่างน้อยหากใช้อิทธิพลของเหลียงชิวฉานที่มีต่อหัวชิงและแรกพยับ เขาก็มีไพ่ในมือมากขึ้น และเพียงเขาสามารถคลี่คลายปัญหาจิตต้นกำเนิดของชิวซื่อแม่เขาได้ ก็นับว่าเขาไม่มีเรื่องต้องพะวงหลังแล้ว
สำหรับเหลียงชิวฉาน เขาไม่สงสารเลยแม้แต่น้อย ทุกคนล้วนไม่ใช่คนดี สุดท้ายใครใจแข็งกว่าก็เท่านั้น
หลังขมวดคิ้วมองไปยังดวงจันทร์กลมนอกหน้าต่างอยู่นาน เขาพลันยืนขึ้นมา เหยียบไปตามธรณีประตูหลายก้าว ก่อนชะงักโดยพลัน แล้วก้าวออกประตูไป
ชีวิตยามค่ำคืนของมู่จิ่วเรียบง่าย
แต่เดิมนางไม่ใช่คนชอบความคึกคัก ตอนอยู่หงชางหลิวหยางเข้มงวด ทุกวันมีข้อบังคับเคร่งครัด หลังจากนางเลื่อนขั้นเป็นหัวเสินแล้วเข้าไปอยู่ในถ้ำเมฆาคล้อย ถึงได้ค่อยๆ ปล่อยนางบ้าง แต่ถึงแม้เป็นแบบนี้ ส่วนใหญ่นางก็เพียงพูดคุยกับดอกไม้นกสัตว์ในถ้ำ ฟังพวกเขานินทาเรื่องภูเขาใกล้ๆ นี้
หลังจากมาถึงสวรรค์นางก็ไม่ได้ไปงานเทศกาลที่น่าสนใจมากมายอะไร ฟ้ามืดก็กลับเรือน ตอนแรกยังช่วยเสี่ยวซิงทำงานบ้านหน่อย ตอนนี้มีซ่างกวนสุ่นแล้วจึงไม่ต้องให้นางยื่นมือเข้าไปช่วย ดังนั้นบางครั้งก็ดื่มชา บางครั้งชมดอกไม้ เจอลู่ยาที่รู้สึกคันปากเข้ามาหยอกเล่นสักหน่อย นางก็เล่นเป็นเพื่อนเขา
หลังจากมื้ออาหารเย็น ลู่ยาพารุ่ยเจี๋ยกับอาฝูไปทิวเขาเพื่อรับพลังพระอาทิตย์พระจันทร์ มู่จิ่วเรียนเย็บปักถักร้อยกับเสี่ยวซิง ดังนั้นจึงอยู่ต่อด้วยอยากปักผ้าเช็ดหน้าให้ลู่ยาใช้จนเสร็จ มิฉะนั้นเขามักจะนำผ้าเช็ดหน้าพิมพ์ลายดอกเหมยมาใช้ ดูแล้วไม่เข้าทีนัก
เพิ่งปักกิ่งสนได้สองช่อ แสงไข่มุกที่หน้าโต๊ะมืดสลัวลง
ตอนแรกนางไม่ได้สนใจ ทว่าเมื่อปักเข็มลงไปอีกแสงไข่มุกก็มืดลงอีก นางถึงได้เงยหน้าขึ้นมา
ไข่มุกราตรีนี้เป็นถึงของที่ราชาจิ้งจอกให้ไว้ตอนนั้น เม็ดใหญ่มาก สามารถส่องให้ทั้งห้องสว่างได้ราวกับกลางวัน แต่เพราะแบบนี้ แสงจากนอกประตูจึงยิ่งมืดลง
ตอนยื่นหน้าออกไปมอง เสี่ยวซิงย่ำเท้าเข้ามา “จิ๋วจิ่ว หลินเจี้ยนหรูอยู่ที่นอกประตู เขาอยากพบเจ้า”
หลินเจี้ยนหรู?
มู่จิ่วอึ้งไป เขามาหานาง? นี่พบเห็นได้น้อยนัก
นางครุ่นคิดอยู่สามวินาที สุดท้ายยังวางเข็มลง ออกไปด้านนอก
ครั้นถึงนอกประตูลาน เห็นคนยืนอยู่ใต้ต้นอู่ถงใหญ่ตรงตรอกฝั่งตรงข้าม แต่เดิมก็สง่างามสูงใหญ่อยู่แล้ว เมื่อแสงจันทร์ส่องลงมา ยิ่งดึงเงาของเขาให้ยืดยาวออก เพียงแต่ความมืดมัวบนร่างก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเช่นกัน
มู่จิ่วเพิ่งปรากฏตัวตรงปากประตู เขาก็เดินเข้ามายืนนิ่งอยู่หน้านางแล้ว
นางพูด “ดึกขนาดนี้แล้วมีเรื่องอะไรหรือ?”
เขาพยักหน้า
มู่จิ่วมองสีหน้าเคร่งขรึมของเขา กลับดูจริงจังอยู่หลายส่วน
หลินเจี้ยนหรูจับด้ามกระบี่แน่น เม้มริมฝีปากพูด “เรื่องตระกูลอ๋าวจัดการเสร็จแล้วหรือไม่?”
นางตอบรับไปอย่างงุนงง
เขาชะงัก ก่อนพูดต่อ “ข้าก็ได้ยินมา แต่ยังไม่ทันได้ยินดีกับเจ้า คดีนี้สำเร็จแล้ว”
มู่จิ่วยกปากยิ้มเล็กน้อย “เจ้าก็ไม่เลว ข้าได้ยินใต้เท้าหลิวบอกว่าเขตที่เจ้าทำงานเป็นเขตที่สงบที่สุดของสวรรค์ และเจ้าก็ได้รับคำชมดีมากจากสหายที่ร่วมงานด้วยกัน ข้าคิดว่าเรื่องเลื่อนตำแหน่งคงเกิดขึ้นเร็วๆ นี้”
แต่ละคำพูดของนางจริงใจ ความจริงแล้วหากตัดเรื่องที่เขาทำที่สำนักแรกพยับไป ที่เหลือเขานับได้ว่าโดดเด่น ความสามารถในการวิเคราะห์สูง ก้าวหน้าขึ้น สิ่งสำคัญคือตั้งใจทำงานภายในจนสำเร็จได้ อีกทั้งเขาก็เก่งในด้านอดทน ไม่หุนหันพลันแล่น ในหน่วยมิใช่ต้องการคนแบบนี้หรือ?
“เรื่องนี้ข้าไม่หวังไปไกล” เขาโบกมือ ชะงักเล็กน้อยค่อยพูดอีก “ข้ามาคราวนี้ ที่จริงอยากขอร้องเจ้าเรื่องหนึ่ง”
“เจ้าว่ามา” นางเอ่ย
………………………………