ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 247 ผังดวงชะตาผิดปกติ
มู่จิ่วไม่เชื่อ
ถึงแม้นางไม่ได้มีความรู้สึกอคติกับประชาชนคนธรรมดา แต่อาฝูมีพรสวรรค์พิเศษ ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนเสือขาวธรรมดาที่อยู่เพียงไม่กี่สิบปีก็ตายแล้ว!
“ไม่ใช่หรอก? ดูแล้วอาฝูเหมือนเผ่าพันธุ์สูงศักดิ์”
“เรื่องนี้พูดยาก” ลู่ยาเอนพิงพนักเก้าอี้พลางลูบคาง “พรสวรรค์ไม่ได้ดูที่ฐานะ ฟ้าถูกใจใคร คนนั้นก็โชคดี อย่างเช่นข้าเห็นมนุษย์คนไหนเข้าตา ลูบหัวเขาสักหน่อย เขาก็สามารถมีรากฐานเซียนได้แล้ว นี่คือวาสนาเซียน”
มู่จิ่วไม่มีหนทางโต้แย้ง
แต่นางยังรู้สึกว่าอาฝูของนางไม่ใช่แค่เสือธรรมดาเท่านั้น “แบบนั้นทำไมเขาถึงไม่มีความทรงจำก่อนเข้าประตูสวรรค์เลย?” นางรู้สึกเสมอว่าอาฝูต้องมีความลับซ่อนอยู่ ประกาศของทัพทหารสวรรค์แปะไปทั่วสามภพนานขนาดนั้น กลับไม่มีใครออกมารับ หรือว่าพวกเขาไม่เห็นใจเด็ก?
“หรือว่าญาติพี่น้องของเขาตายหมดแล้ว” ลู่ยาเว้นไปนานก่อนเอ่ยคำเหล่านี้ออกมา
สีหน้าของมู่จิ่วพลันไม่สู้ดี
ตายแล้ว?!
อาฝูเป็นเด็กกำพร้าจริงหรือ?
ลู่ยาไม่ได้บอกคำตอบที่ชัดเจนแก่มู่จิ่ว เพราะถึงแม้เขาเป็นมหาเทพที่ไม่มีอะไรทำไม่ได้ แต่เมื่อเจอกับความทรงจำขาวโพลนก็ไม่อาจสืบหาออกมาได้
มู่จิ่วยังรู้สึกเศร้าอยู่บ้าง ยังเล็กขนาดนี้พ่อแม่ก็ตายหมดแล้ว เช่นนั้นแท้จริงแล้วก่อนเข้าประตูสวรรค์ อาฝูพบเจออะไรมาบ้างนะ?
“ข้ากลับค่อนข้างสนใจเรื่องการตายของอู่เจินและการเปลี่ยนแปลงของเสือลายเหลืองเมื่อห้าพันปีก่อน” ลู่ยาพูดพลางคลี่กระดองเต่าแผ่ออก นิ้วทั้งสิบวาดผ่านไปมาอยู่บนโต๊ะ สาดส่องแสงเงาออกมาผืนหนึ่ง “เรื่องหลายเรื่องเกิดขึ้นเมื่อห้าพันปีก่อน ถึงแม้มีความเป็นไปได้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ผังดวงชะตาของข้าบอกว่า ในสามร้อยปีนั้นผังนอกเป็นน้ำ (☵) ผังในเป็นฟ้าคะนอง (☳)”
“ผังนอกเป็นน้ำ ผังในเป็นฟ้าคะนอง?” มู่จิ่วอึ้งไป “นี่คือผังแอ่งน้ำและสายฟ้า หมายความว่าฟ้าดินตั้งมั่น สรรพสิ่งก่อกำเนิด สำหรับหกภพแล้วดีมากมิใช่หรือ?”
“ผังดวงชะตานั้นย่อมดี” ลู่ยามองผังดวงชะตาก่อนพูด “สรรพสิ่งก่อกำเนิดต้องดูดซับแก่นพลังฟ้าดิน เวลานี้คือโอกาสเหมาะที่พลังวิญญาณแต่ละส่วนจะเคลื่อนไหว หากควบคุมได้ดีและเดินไปทางสายธรรม นั่นก็ดีต่อคนธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง แต่หากไม่เดินตามทางหลัก พลังนั้นก็สามารถเปลี่ยนเป็นไอสังหาร สร้างภัยพิบัติให้หกภพได้”
มู่จิ่วนิ่งอึ้ง “เจ้าหมายความว่าเรื่องที่เกิดต่อเนื่องกันเมื่อห้าพันปีก่อนเหล่านี้ เกิดขึ้นเพราะมีคนใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานั้นกลืนกินพลังวิญญาณเข้าไป?”
“นี่ไม่อาจตอบได้” ลู่ยาส่ายหน้าน้อยๆ “หากเพียงเพราะกินพลังวิญญาณบำเพ็ญเพียร ทำเรื่องเหล่านี้ก็ไม่แปลกอะไร จุดที่สำคัญคือข้าทำนายผังดวงชะตาหลายรอบขนาดนี้ กลับไม่มีที่ไหนในหกภพแสดงว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น หากมีคนกระหายกินพลังวิญญาณอย่างไร้การควบคุม พลังวิญญาณเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นต้องกระทบกับสวรรค์”
มู่จิ่วพลันนึกถึงบึงน้ำดำที่คุนหลุนตะวันออก
“เรื่องที่อ๋าวเชินเจอที่คุนหลุนตะวันออก ยังใช้เป็นเครื่องยืนยันไม่ได้อีกหรือ?”
ลู่ยาเงยหน้าขึ้นมา มองนางอยู่ครู่หนึ่งถึงค่อยตอบ “เรื่องที่อ๋าวเชินเจอแถวคุนหลุนตะวันออก และเรื่องที่คืนนั้นพลังของเจ้าเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่นั่น ไม่ปรากฏบนบนผังดวงชะตาเลยสักนิด ไม่เพียงผังดวงชะตาไม่แสดงออกมา ข้าดูแผนภูมิฟ้าดินก็ไม่มีร่องรอยแม้แต่น้อย”
ลมหายใจมู่จิ่วติดอยู่ที่ลำคอ ไม่รู้จะพ่นออกมาอย่างไร!
แผนภูมิฟ้าดินคือของวิเศษโบราณที่บันทึกสิ่งผิดปกติทั้งหมดในฟ้าดิน มันถูกจัดประเภทเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ ถึงแม้ไม่ละเอียดเท่าหนังสือประวัติศาสตร์ แต่ความเคลื่อนไหวในหกภพล้วนต้องถูกบันทึกไว้!
เรื่องใหญ่ขนาดนั้น พลังวิญญาณแข็งแกร่งขนาดนั้น ไหนจะพลังวิญญาณรุนแรงที่พุ่งทะลุฟ้าก่อนและหลังสองครั้ง แผนภูมิฟ้าดินไม่ได้บันทึกไว้เลยหรือ?
“เช่นนั้น นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ลู่ยาถือกระดองเต่า ค้ำยันหน้าผากไว้ เลิกคิ้วพลางกล่าว “หากไม่ใช่แผนภูมิฟ้าดินเริ่มละเลยหน้าที่ เช่นนั้นใต้หล้านี้ต้องมีคนผู้หนึ่งที่มีพลังอำนาจแข็งแกร่งจนสามารถปิดบังอำพราง แอบซ่อนเรื่องทั้งหมดได้”
ใจของมู่จิ่วบีบรัด “นอกจากพวกเจ้าสี่มหาเทพบรรพกาล ยังมีคนแบบนี้อีกหรือ?”
“ใครก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าไม่มี” ลู่ยามองนางก่อนพูดอย่างจริงจัง “คนคนหนึ่งแข็งแกร่งหรือไม่ ไม่ใช่ดูที่ประสบการณ์ทั้งหมด”
“อย่างเช่นเจ้า ตอนนี้เจ้าอายุเพิ่งสองพันปี แต่วิชากลับก้าวหน้าเหนือผู้บำเพ็ญอายุเจ็ดแปดพันปีมากแล้ว หากคนผู้นี้เขามีพรสวรรค์ พบเจอโชคดี มีมันสมอง ยิ่งไปกว่านั้นหากเขายังมีพลังวิญญาณบางอย่างซ่อนไว้ ถึงแม้ฐานะของเขาไม่มีวันอยู่เหนือผู้อื่นตลอดไป เขาก็อาจมีความสามารถพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินได้”
“และหากเขามีพลังอีกส่วนหนึ่งที่ไม่รู้ชัดเจน บางทีแม้แต่เขารวมหกภพไว้ด้วยกันอีกครั้งก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้”
“หากพวกเราเทพเซียนแบ่งแยกตำแหน่งฐานะแล้วสามารถดำรงความสงบของฟ้าดินได้ตลอด แบบนั้นสวรรค์จะก่อตั้งทัพทหารสวรรค์ขึ้นทำไม? ตอนแรกทำไมสวรรค์ถึงผนึกเส้นทางเซียนและมารสองภพนี้ไว้อย่างแน่นหนา? ฟ้าดินหยินหยาง เกิดขึ้นสองฝั่ง พลังชั่วร้ายไม่มีทางหายไปได้ตลอดกาล เฉกเช่นพวกมารก็ไม่มีหนทางชนะอธรรมได้ตลอดไป”
“สองฝั่งนี้เกิดมาคู่กันพิฆาตกัน อะไรก็เป็นไปได้”
เขาพูดจบก็จิบชาอึกหนึ่ง
คำพูดนี้มู่จิ่วกลับเห็นด้วย เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานหลิวหยางก็พูดกับนางแบบนี้
นางคิดสักครู่ก่อนกล่าว “ถึงแม้ทางทฤษฎีจะเป็นแบบที่เจ้าพูด แต่ความเป็นไปได้ของเรื่องนี้ก็น้อยมาก”
“หากคนผู้นี้คว้าความเป็นไปได้อันน้อยนิดนี้ไว้ได้เมื่อห้าพันปีก่อนพอดีเล่า?”
ลู่ยามองนาง “พวกเราไม่สามารถละเลยความเป็นไปได้นี้ สรรพสิ่งในฟ้าดินล้วนมีปัญญา แต่กลับแพ้พรสวรรค์และโชคชะตา พวกเราไม่ว่าใครล้วนไม่อาจบอกว่าจักรวาลไร้ศัตรู เพียงพูดได้ว่าเจ้ามีกำลังยิ่งใหญ่ยิ่งมาก ก็ยิ่งมีความสามารถในการปกป้องความสงบของฟ้าดินมากขึ้นเท่านั้น”
มู่จิ่วรู้สึกว่าตนเองถูกล้างสมองไปแล้ว
นางพลันรู้สึกว่าคำพูดของเขาแต่ละประโยคมีเหตุผลทั้งนั้น
นางถาม “ตอนพลังฤทธิ์ข้าระเบิดออกครั้งนั้นที่คุนหลุนตะวันออกก็ไม่มีบันทึกไว้หรือ?”
“ไม่มี” ลู่ยาครุ่นคิดอยู่สามวินาที “นี่ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ข้าสงสัย หากบอกว่าที่อ๋าวเชินเจอพลังวิญญาณบึงน้ำดำระเบิดออก มีคนตั้งใจปิดบังไว้ ทำไมครั้งนี้ของเจ้าเขาถึงต้องปิดบังด้วย?”
คิ้วมู่จิ่วที่แต่เดิมจะคลายลงพลันหยุดชะงัก ไม่รู้ว่าจะขมวดคิ้วต่อหรือไม่ดี
เดิมทีนางยังรู้สึกว่าคำพูดของลู่ยาเกินจริง แต่เมื่อได้ยินประโยคท้ายนี้กลับเริ่มสนใจแล้ว
เพราะไม่เพียงนางไม่มีคำตอบ แม้แต่ความเป็นไปได้ที่ไม่แน่นอนก็ยังเรียบเรียงออกมาไม่ได้…คนผู้นั้นทำไมต้องปกปิดเรื่องพลังของนางระเบิดออกด้วย?
เขาเป็นใคร? เขาคิดจะทำอะไร?
ไม่รู้เป็นเพราะนอนดึกไปหรือคิดมากเกินไป ตื่นมาตอนเช้าจึงรู้สึกหนักหัว
มู่จิ่วผลักหน้าต่างออกไปดูความคึกคักในลานบ้าน เสี่ยวซิงกับซ่างกวนสุ่นกำลังยุ่ง นางเพิ่งคิดขึ้นได้ว่าในบ้านมีเสือขาวอีกตัวเพิ่มมา
อาฝูชัดเจนว่าดีใจเป็นอย่างมาก
เขาที่ปกตินอนจนตะวันส่องก้น วันถัดมาตื่นเช้าก็เอาอุ้งมือไปข่วนหน้าประตูห้องตนเอง
ซื่ออินก็ตื่นเช้าเช่นกัน เมื่อเปิดประตูเห็นเขาจึงนั่งยองๆ ลูบหัว ดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ความกังวลก่อนหน้านี้ถอยลงไปอยู่ส่วนที่ลึกที่สุดแล้ว
“เจ้าชื่ออะไร?” เขาถามอย่างอ่อนโยน
อาฝูก้มหัว ร้องหงิงหงิงขึ้นมาอย่างอึดอัด
……………………………………………