ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 95
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!” ราชาจิ้งจอกรีบแสดงความภักดี “ตั้งแต่เล็กจนโตสิบสามไม่มีเรื่องใดที่กล้าต่อต้านท่านซือจู่ มีท่านเป็นตัวแทนชิงชิว เป็นโชคที่สิบสามร้องขอก็ไม่อาจขอมาได้ จะไม่ร่วมมือได้อย่างไร? สิบสามจะเรียกคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้ามา!”
ในเมื่อตัวเขามาทำคดี ทำไมไม่แสดงฐานันดรศักดิ์ออกมาเร็วหน่อย? เช่นนั้นคงไม่เกิดเรื่องมากมาย ตนก็ไม่ต้องถูกตีด้วยมิใช่หรือ?
แต่กับคนแบบนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรน่าพูด เขาเลือกรับกรรมอย่างเงียบๆ
“ช้าก่อน!” ลู่ยาละสายตากลับมา พูดว่า “ข้ายังพูดไม่จบ เจ้ารีบร้อนอะไร?”
เขานิ่งไปอีกครั้ง
ลู่ยาเดินมาด้านหน้าเขา นิ้วเคาะลงไปบนมงกุฎประดับหินห้าสีบนศีรษะ “ฐานะของข้าไม่สามารถเปิดเผยออกไปได้ นอกจากเจ้าแล้ว ไม่ว่าใครก็ห้ามรู้เรื่องนี้ มิเช่นนั้นแล้วเจ้าอย่าคิดว่าคดีนี้จะทำสำเร็จอย่างราบรื่น”
ราชาจิ้งจอกประคองมวยผมนิ่งอึ้งไป “คนที่ท่านพามาสองท่านนั้นก็ไม่รู้?”
“เจ้าไม่ต้องยุ่ง” ลู่ยาพูด “ยุ่งแค่คนของตนเองพอ ภรรยาลูกชายลูกสาวเจ้าก็ไม่อาจบอก รู้คนหนึ่งข้าจะตีเจ้าหนึ่งครั้ง!”
ราชาจิ้งจอกตัวสั่น รีบคุกเข่าลงสาบาน “ตระกูลมู่หรงสาบานต่อสวรรค์ หากผิดคำสัตย์ ขอให้โดนอสุนีบาตห้าสาย!”
ลู่ยาเคาะศีรษะเขา “ต้องพูดว่าเป็นอสุนีบาตเสวียนคงห้าสาย”
ราชาจิ้งจอกฝืนใจสาบานตนอีกรอบ
ลู่ยาจึงปล่อยเขาไป พูดขึ้น “ตอนนี้เจ้าทำให้คนในตำหนักสงบลงก่อน ให้พวกเขากลับสำนักแรกพยับไป จากนั้นค่อยมาลงมือเรื่องคดีของพวกเจ้ากัน”
ราชาจิ้งจอกตอบรับ ก่อนเอ่ย “ในเมื่อท่านรับปากจะตามสืบหาฆาตกรแทนสิบสาม ทำไมไม่ตรงไปวิมานหลีเฮิ่นแทนสิบสาม แล้วให้เหล่าจวินมาให้ความเป็นธรรมกับเรื่องนี้? มีเขาออกหน้า จิตจิ้งจอกของบุตรชายก็สามารถหาคืนกลับมา เพียงจิตจิ้งจอกกลับมา คนอื่นที่สังหารไปสิบสามให้ชดใช้คืนด้วยเงิน เรื่องอื่นล้วนไม่คิดเล็กคิดน้อย”
“จะได้อย่างไร?” ลู่ยาพูด “ผู้นำทำคดีนี้ไม่ใช่ข้า เป็นอาจิ่ว นางต้องฝึกฝนเพื่อเลื่อนขั้น หากเรื่องอะไรก็เป็นข้าที่ช่วยเจ้า นางจะยังฝึกฝนได้อย่างไร?”
ราชาจิ้งจอกประหลาดใจจนเบิกตากว้าง ลู่ยาที่เขาเคยรู้จักแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเห็นใครหน้าไหนอยู่ในสายตา…นอกจากอาจารย์ เหล่าศิษย์พี่ชายหญิงเขาคิดจะเล่นงานใครก็เล่นงาน ร้ายแบบไม่มีขอบเขต มาวันนี้กลับคิดแทนเช่นนั้นเช่นนี้เพื่อเด็กสาวคนเดียว? ซ้ำยังพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่านางจะเลื่อนขั้นอย่างไร?
เขาอดถามไม่ได้ “ทำไมท่านไม่ให้นางเลื่อนขั้นโดยตรงเลย?”
ส่งคนธรรมดาขึ้นเป็นเซียน สำหรับลู่ยาแล้วเป็นเรื่องสบายๆ ไยต้องสิ้นเปลืองแรงขนาดนี้?
หรือเขาตั้งใจใช้โอกาสนี้เกี้ยวสาว?
“ไม่ได้” ลู่ยาขมวดคิ้ว แสงเทียนทาบทับในดวงตาเขาจนเป็นประกาย “ข้าสำรวจรากฐานวิญญาณนางแล้ว นอกจากบุญกุศลไม่พอ รากฐานวิญญาณของนางยังค่อนข้างบอบบาง ความบริสุทธิ์ของรากฐานวิญญาณนางข้าก็ไม่เคยเห็นมาก่อน เหมือนกับรากฐานวิญญาณบริสุทธิ์ที่สุดที่มีอยู่ตอนก่อนเบิกฟ้าผ่าพิภพ ข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ดังนั้นจึงไม่สามารถกระทำโดยส่งเดชได้”
“ยังมีเรื่องเช่นนี้ด้วย?” ราชาจิ้งจอกไม่เคยได้ยินมาก่อน
ลู่ยาพยักหน้ามองเขา “นางเป็นเจ้าหน้าที่เซียน มีจิตใจดีคิดจะแก้ไขปัญหาหนักหนาแทนพวกเจ้าจึงได้มา เจ้าต้องเกรงใจนางหน่อย!”
“แน่นอน แน่นอน! สิบสามไม่กล้าล่วงเกินแม่นางกัว” ราชาจิ้งจอกก้มตัวลงถึงพื้น
ทางด้านตำแหน่งด้านนอก ไม่เพียงแค่มู่หรงหลิวเย่ที่รู้สึกสับสน ใจมู่จิ่วก็ขึ้นมาจุกอยู่ที่คอแล้ว
เมื่อครู่ที่ลู่ยาลงมือไปนั้นอยู่ในการคาดเดาของนาง เขาต้องไม่อาจยอมให้ราชาจิ้งจอกฆ่าล้างผลาญต่อหน้าต่อตาเป็นแน่ แต่นางกังวลว่าเขาจะต้านทานราชาจิ้งจอกไว้ได้หรือไม่ คิดไม่ถึงว่าไม่เพียงเขาจะลงมือ แต่ยังพาราชาจิ้งจอกเข้าไปตำหนักด้านในโดยตรง…พละกำลังแบบนั้นไม่ใช่คนธรรมดาจะมีได้
นางรู้สึกได้รางๆ ว่าความเย่อหยิ่งที่ลู่ยาแอบซ่อนไว้ค่อยๆ เผยออกมา
ความอดกลั้นยากลำบากก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเพียงผลลัพธ์ที่เขาตั้งใจควบคุมให้เกิด คนข้างกายนางคนนี้ แท้จริงแล้วเป็นคนแบบไหนกันแน่?
นางรู้สึกสับสนอยู่บ้าง ไม่รู้ว่ากังวลหรือใคร่รู้ พวกหัวชิงที่ด้านล่างกลับเพิ่งฟื้นคืนสติจากความตกใจเมื่อครู่!
ถึงแม้ราชาจิ้งจอกใช้กระบวนท่าออกมาดูเรียบๆ ไม่พิสดาร แต่แรงกดดันที่พวกเขาสัมผัสได้กลับใหญ่หลวง ศิษย์ระดับล่างหลายคนรวมทั้งเหลียงชิวฉานต่างก็ต้านทานไม่ได้ กระอักเลือดออกมาหลายครา! หากช้ากว่านี้ไปสักหน่อย พวกเขาเหล่านี้ต้องถูกฝังอยู่ที่นี่แน่!
ครั้นคิดดูว่าเมื่อครู่ราชาจิ้งจอกถูกกระตุ้นให้โกรธอย่างไร ผู้คนต่างก็ถลึงตาใส่จีหมิ่นจวินโดยไม่รับฟังคำอธิบาย หากนางไม่หลับหูหลับตาพูดจากดดัน ราชาจิ้งจอกอาจจะไม่ลงมือ มิใช่ว่านางรนหาที่ตายหรือไร? ในใจเริ่มรู้สึกเสียใจภายหลังที่ตามนางมาก่อเรื่องคราวนี้ เพียงแค่ความสามารถนั้นของราชาจิ้งจอก วันนี้พวกเขาคงพึ่งบุญของมหาเทพเซียนสักคนหนึ่งถึงได้ไม่ถูกฆ่าตาย!
ทางด้านจีหมิ่นจวินไม่ได้เห็นความโกรธของพวกเขาอยู่ในสายตา เพราะในใจนางมีเป้าหมายอยู่ แต่อันตรายในพริบตาเมื่อครู่ นางกลับหวาดกลัวอย่างแท้จริง
ผู้คนต่างคนต่างความคิด เห็นราชาจิ้งจอกกับลู่ยาคนหนึ่งนำคนหนึ่งตามเดินออกมา แม้ราชาจิ้งจอกจะเดินอยู่ข้างหน้า ก้าวย่างกลับดูแล้วเหมือนใจไม่สงบ ความเป็นราชาที่มีอยู่ก่อนหน้านี้หลงเหลืออยู่ไม่มาก แต่ลู่ยาที่เดินอยู่ข้างหลังกลับรักษาจิตใจสงบนิ่งไว้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
มู่จิ่วเห็นท่าทางแบบนี้แล้วก็เหม่อลอยไปบ้าง นางเกิดความรู้สึกผิดๆ ขึ้นมาว่าลู่ยาต่างหากถึงจะเป็นราชาผู้กวาดล้างโลก และราชาจิ้งจอกเป็นเพียงผู้ติดตามเท่านั้น…
“เรื่องสังหารคนในสำนัก รอเจ้าหน้าที่เซียนทำคดีของพวกเราชิงชิวเรียบร้อยก่อน ข้าค่อยให้คำตอบแก่พวกเจ้า แต่ละท่านเชิญกลับไปทำใจสงบรอข่าวคราวก่อน” ราชาจิ้งจอกเดินถึงขั้นบันไดหยกแล้วจึงพูด
ส่วนลู่ยาเดินกลับมาอยู่ข้างมู่จิ่ว
มือคู่หนึ่งแต่เดิมไพล่อยู่ด้านหลัง แต่เห็นนางขมวดคิ้ว จึงยกมือขึ้นมานวดให้ ทำราวกับไม่มีใครอยู่ข้างๆ
มู่จิ่วสั่นสะท้านอย่างไร้เหตุผล ราวกับไม่เคยแตะโดนตัวเขามาก่อน
จีหมิ่นจวินที่อยู่ด้านล่างคิดจะพูดอะไร หัวชิงกลับชิงพูดขึ้นมาก่อน “ไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่เซียนต้องทำคดีนานเท่าไหร่?”
“สามเดือน”
มู่จิ่วถูกซ่างกวนสุ่นสะกิดเตือน จึงรวบรวมสติมองไป “หลังจากนี้สามเดือน ถ้าราชาจิ้งจอกไม่ไปหาพวกเจ้า ให้พวกเจ้ามาหาเขา หากเขากลับคำพูด พวกเจ้าก็มาหาพวกข้าพลลาดตระเวนกัวมู่จิ่ว หลินเจี้ยนหรูก็รู้จัก อ้อ ใช่แล้ว!” พูดถึงตรงนี้นางก็หยุดไป ก่อนกวาดสายตามองจีหมิ่นจวิน กล่าวว่า “หลินเจี้ยนหรูก็เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่เซียนผู้ทำคดีนี้ มีเรื่องอะไร พวกเจ้าก็ขอคำชี้แนะจากเขาได้เหมือนกัน”
นางเพียงแต่พ่นคำบอกเล่าออกไปด้วยใจสับสนเท่านั้น ไหนเลยจะคาดเดาได้ว่าจีหมิ่นจวินฟังแล้วใบหน้าสูบฉีดแดงก่ำ หลินเจี้ยนหรูก็เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่เซียนที่ทำคดีนี้ แสดงว่าเขามีสิทธิที่จะสอบสวนพวกตนหรือ? เจ้าลูกนอกสมรสนั่น!
“ไปเถอะ!” หัวชิงพูดเร่ง
พูดพลางประสานมือให้ราชาจิ้งจอก จากนั้นก็นำเหลียงชิวฉานและพวกออกไป
จีหมิ่นจวินกัดฟันถลึงตาใส่มู่จิ่ว ก่อนหมุนตัวจากไป
“หญิงคนนี้ยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน?” มู่หรงหลิวเย่ขมวดคิ้วพูด
“ไม่ได้ใหญ่มาจากไหน” มู่จิ่วมองออกไปนอกตำหนัก “เป็นเพียงแค่กบในกะลา”