ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 267 จริงหรือเท็จ
ในใจมู่จิ่วคิดแบบนี้ แต่ปากกลับไม่กล้าพูด
เพราะทุกครั้งที่เข้าไปในลานที่พัก สีหน้าของซื่ออินจะขาวขึ้นหนึ่งส่วน หากเหลียงจีอยู่ที่นี่จริง นางต้องเสียอะไรมากมายขนาดไหนเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจของเซวียนหยวนฮุ่ย? ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น ก่อนอื่นเพื่อปกป้องอาฝู นางต้องลดเกียรติตนเองลงเชื่อฟังเซวียนหยวนฮุ่ย? และอู่เจินตายอย่างไรทุกคนล้วนรู้แจ้งแก่ใจ เซวียนหยวนฮุ่ยที่มีราคะวิปริตจะปล่อยเหลียงจีไปได้อย่างไร?
อีกอย่าง เหลียงจีรู้ชัดว่าเซวียนหยวนฮุ่ยร้ายกาจขนาดนี้ ทำไมถึงยังมาหาเขาก่อนแต่งงาน?
นางไม่กล้าพูดออกมาทำร้ายจิตใจซื่ออิน แต่ฝีเท้ากลับเร่งรีบ สามารถหานางพบได้เร็วขึ้นก้าวหนึ่งก็รู้คำตอบได้เร็วขึ้นอีกก้าว
แต่ลู่ยาเดินไปเดินมา กลับพลันทะลุผ่านบ้านทั้งหลังออกมาถึงข้างนอก
ที่นี่คือด้านเหนือสุดของเรือน แสงอึมครึมเหมือนกัน แต่สำหรับพวกเขาแล้วการมองเห็นไม่เป็นปัญหา บนลานว่างนี้มีกองหินระเกะระกะ รอบด้านมีต้นไม้งอกเงยขึ้น ลู่ยาหยุดยืนอยู่บนกองหิน จากนั้นเขาพลันสะบัดแขนเสื้อ ได้ยินเพียงเสียงตกกระทบเสียงหนึ่ง หินเต็มพื้นสลายหายไป ด้านล่างปรากฏขั้นบันไดออกมา!
“เป็นที่นี่” ลู่ยาจ้องบันไดแน่นิ่ง “เหลียงจีอยู่ข้างล่าง!”
สองเข่าของซื่ออินอ่อนแรง เกือบล้มลงไปข้างหน้า มู่จิ่วรีบพยุงเขา ก้าวเท้าลงชั้นบันไดตามกันไป
ไม่รู้ลงไปลึกเท่าไหร่ แต่แสงสว่างมืดลงทุกที ลึกลงเรื่อยๆ สุดท้ายมีน้ำรั่วลงมาจากด้านบน นับได้ว่าถึงด้านล่างสุดแล้ว พื้นด้านล่างเป็นห้องหิน ห้องหินครึ่งหนึ่งเป็นกระดานหิน อีกครึ่งคือบึงน้ำ! และกลางบึงน้ำมีคนนอนแผ่อยู่ สองมือสองเท้าถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่ตรวน! ผมดำขลับที่ยาวถึงเข่าลอยอยู่ในน้ำ ดอกหางนกยูงสีสดดอกหนึ่งที่จอนผมทิ่มแทงสายตาเหมือนเปลวเพลิง!
“เหลียงจี!”
ซื่ออินทนไม่ไหวแล้ว ชักกระบี่พุ่งไปตัดโซ่ตรวนออก!
ประกายไฟกระจายไปรอบด้านในห้องหิน น้ำตาของเขากระเซ็นภายใต้ประกายไฟตามท่วงท่าการกระโดด โซ่ตรวนเป็นพันธนาการเซียนที่มีพลังวิญญาณสะกดเซียน แต่ภายใต้กระบี่วิเศษของลูกหลานเทพสงครามก็กลายเป็นของไร้ฤทธิ์เดชไป
ร่างของเหลียงจีที่ไม่ถูกพันธนาการแล้วพลิกมาตามคลื่นน้ำ มู่จิ่วได้เห็นใบหน้านี้ เห็นเพียงคิ้วดำงดงามของนาง จมูกสวยได้รูป ถึงแม้ดวงตาทั้งสองปิดอยู่ แต่กลับมีความสงบเงียบขรึมและเสน่ห์ร้ายกาจ!
เป็นคนงามโดดเด่นอย่างที่คิดไว้
พ่อแม่ของอาฝูล้วนเป็นคนงดงามเช่นนี้!
“เหลียงจี!”
ซื่ออินคุกเข่าร้องไห้เสียงดังพลางกอดนางที่นิ่งไม่ขยับอยู่กลางน้ำ
มู่จิ่วรีบเข้าไป ดึงแขนเสื้อของลู่ยา “นางตายแล้วหรือ?”
ลู่ยาตบๆ มือนาง จากนั้นยื่นมือออกไป ร่างของเหลียงจีถูกแรงที่มิอาจต้านได้นำลอยมาทางนี้อย่างช้าๆ
ซื่ออินตามเข้ามา ไม่เข้ามากอดอีก แต่มือทั้งสองประคองเท้าเปล่าของนางไว้มั่น น้ำตาเหมือนแม่น้ำไหล โหมซัดเคียงคู่ไปกับเสียงครวญของเขาในห้องหินเล็กแคบ
มู่จิ่วไม่เข้าใจว่าทำไมเหลียงจีจึงถูกขังไว้
ตามการคาดเดาก่อนหน้านี้ นางควรมีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างสุขสบาย จากนั้นเลี้ยงดูอาฝู ท้ายสุดค่อยส่งเขาออกมาผจญภัยเพียงลำพัง มู่จิ่วกระทั่งเคยจินตนาการว่านางพลีกายให้แก่เซวียนหยวนฮุ่ยหรือไม่ มู่จิ่วไม่คิดมาก่อนเลยว่าเหลียงจีจะถูกขังไว้ และดูไปแล้วยังถูกทรมานไม่น้อย นี่เป็นเพราะอะไรกัน?
ลู่ยาโยนยาลงไปในปากเหลียงจี จากนั้นส่งพลังปราณเข้าไป
ดีที่ทุกคนกลั้นหายใจรออยู่สักครู่ ก็เห็นนางค่อยๆ ลืมตา สายตามองไปยังใบหน้าของซื่ออินที่อยู่ใกล้นางที่สุด นางไม่ได้ประหลาดใจเท่าไหร่นัก แต่น้ำตากลับค่อยๆ ไหลรินลงมา ซื่ออินกับนางกอดกันร้องไห้ น้ำตาไหลพลางพูดคำสั้นๆ ที่มีเพียงพวกเขาเข้าใจ แต่น้ำตาแบบนี้ซื่ออินคงจะรอมานานมากแล้ว
ขอเพียงสามารถกลับมาพบกัน เรื่องอื่นล้วนไม่สำคัญอีก
มู่จิ่วกลับผ่อนคลายลงไม่ได้ ตอนนี้หาคนพบแล้ว แต่ปริศนายังไม่คลี่คลาย
ไม่ง่ายนักกว่าจะเห็นพวกเขาผละออกจากกัน นางจึงลองถามเหลียงจี “แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่?”
เหลียงจีมองนางอย่างว่างเปล่า
ซื่ออินรีบให้นางคารวะลู่ยาทันที และเล่าเรื่องที่พบกับมู่จิ่วให้นางฟังจนหมด “มู่จิ่วเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตลูกของเราไว้ เจ้ารีบบอกนางว่าเจ้าหายตัวไปได้อย่างไร?”
ถึงแม้เขาเร่งให้นางบอกมู่จิ่ว แต่สีหน้าน้ำเสียงกลับดูร้อนใจกว่ามู่จิ่วมากนัก
เหลียงจีได้ยินว่าอาฝูอยู่ที่บ้านมู่จิ่ว ก็พลันจับมือนางอย่างอดไม่ได้ “เรื่องนี้หากพูดข้าต้องพูดตั้งแต่ต้น แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้ว เซวียนหยวนฮุ่ยมาที่นี่ได้ตลอดเวลา ค่ายกลพันมารของเขาร้ายกาจมาก ยิ่งเป็นคนที่พลังบำเพ็ญและพลังวิญญาณสูงยิ่งออกไปยาก พวกเรารีบไปก่อนค่อยว่ากัน!”
นางพูดพลางอาศัยกำลังของมู่จิ่วลุกขึ้นมา
ลู่ยากลับพลันวางมือลงบนศีรษะเหลียงจี!
เรื่องเกิดเร็วกว่าคำพูด เหลียงจีที่เมื่อครู่ไร้เรี่ยวแรงพลันบินออกไป ดวงตาส่องสว่างไปรอบด้าน นางถอยไปถึงผนังหินด้านหลังก่อนพุ่งเข้ามาอีกครั้ง สองฝ่ามือไหวไม่หยุดกลางอากาศ ดอกบัวดอกหนึ่งส่องแสงสีทอง เหมือนมีมีดอาคมที่ปักอยู่จำนวนนับไม่ถ้วนโจมตีเข้ามาหาเขา!
“เหลียงจี!”
ซื่ออินมองการเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ด้วยใบหน้าซีดขาว ไม่รู้ว่าควรออกไปขวางใคร!
มู่จิ่วมองเหลียงจีที่ถูกแสงทองปกคลุม ตกใจจนพูดไม่ออกเช่นกัน!
เหลียงจีตรงหน้าอย่างไรก็ไม่อาจเรียกนางเป็นหญิงอ่อนแอได้ ราวกับเส้นผมทุกเส้นเล็บทุกเล็บของนางเต็มไปด้วยไอสังหาร ทุกสายตาเจือไปด้วยพลังวิญญาณที่สามารถคว่ำยอดเขาได้ ต่อหน้าลู่ยานางไม่กลัวไม่ลนลานแม้แต่น้อย นางเหมือนกำลังร่ายรำ และเหมือนกำลังชื่นชมตนเอง การหมุนตัวทุกครั้งงดงามมาก!
แต่ทั้งร่างนางเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ความโหดเหี้ยมนี้คล้ายออกมาจากกระดูกและเลือดของนาง ชัดเจนและเข้ากันกับนางอย่างเป็นธรรมชาติยิ่ง!
“นี่ไม่ใช่เหลียงจี! นี่ไม่ใช่เหลียงจี!”
ซื่ออินพึมพำ จากนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยน กัดฟันกระโดดขึ้นมาทันใด กลายร่างเป็นเสือขาวใหญ่สองจั้งที่น่าเกรงขาม ก่อนพุ่งไปทาง ‘เหลียงจี’ พร้อมด้วยเสียงเสือคำรามสั่นโสตประสาท
ลู่ยาไม่คิดว่าเขาจะกระโจนเข้ามา รีบเก็บฝ่ามือที่ซัดออกไปกลับเข้ามา
มู่จิ่วเพิ่งได้รับรู้ความน่าเกรงขามและกำลังการต่อสู้ของเสือขาวเทพสงคราม เทียบกับการต่อสู้หยั่งเชิงแบบไม่เจ็บไม่คันของลู่ยาเมื่อครู่แล้ว ซื่ออินกลับน่าตื่นตกใจกว่ามาก! ในห้องหินเล็กแคบนี้ได้ยินเพียงเสียงคำรามของเสือและเสียงสูงของพลังวิญญาณ ทว่าความเล็กแคบนี้ไม่เป็นอุปสรรคกับการต่อสู้ของพวกเขา
มู่จิ่วรีบถามลู่ยา “คนผู้นี้เป็นใคร?!”
“เซวียนหยวนฮุ่ย!”
ลู่ยาเพิ่งกล่าวจบ เหลียงจีก็ร้องโหยหวนออกมา กลิ้งไปกับพื้นก่อนกลายเป็นเสือลายเหลือง จากนั้นคำรามกระโดดเข้าใส่ผนังหินด้านหลังแล้วหายตัวไป!
ซื่ออินคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ต้องการจะตามไป แต่ลู่ยาเรียกเขากลับมา “ตามหาเหลียงจีสำคัญกว่า!”
พูดจบเขาดึงมู่จิ่วพลางกระโดดออกมาถึงบนพื้น จากนั้นหยักนิ้วทำนาย แล้วพุ่งไปยังทางที่มาก่อนหน้านี้!
“วิญญาณร้ายของพวกเขาหลอมใกล้สำเร็จแล้ว! หากหลอมวิญญาณสำเร็จ พวกเราต้องสิ้นเปลืองแรงไม่น้อยตอนออกไป…อาจิ่ว เจ้าไปทางตะวันออกกับทางใต้สองทิศ ซื่ออิน เจ้าเฝ้าตะวันตกกับทางเหนือไว้ เราทำลายผังแปดทิศของพวกเขาก่อนค่อยว่ากัน!”
………………………………………………………