ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 305 มีอุปสรรคเล็กน้อย
“แม้จะพูดแบบนี้ แต่นี่ก็หลายปีมาแล้ว หลายหมื่นปีแล้วข้ายังไม่อาจตัดใจได้ และราวกับจะตัดใจไม่ได้ตลอดไป บางครั้งข้าเลยอดรู้สึกไม่ได้ว่าข้าผิดปกติ” หลิวจวิ้นพึมพำเสียงเบา ใบหน้าเขินอาย แต่ละคำพูดเป็นคำสารภาพของชายผู้ลุ่มหลงในรัก
“ไม่เลย ท่านคิดมากไปแล้ว” มู่จิ่วพยายามปลอบใจเขา “นี่แสดงว่าเสน่ห์ของลั่วเสินมีมากมาย ส่วนใต้เท้านั้นรักมั่นฝังใจ มิใช่อาการป่วย เป็นเรื่องปกติ สมัยนี้คนเช่นท่านมีไม่มากนัก ท่านทำใจให้สบายเถิด”
สีหน้าของหลิวจวิ้นดีขึ้นมานิดหน่อย แต่ยังคงมีความกังวลอยู่
มู่จิ่วจึงพูดอีก “ความจริงเซียนหญิงที่โดดเด่นในใต้หล้ามีมากขนาดนี้ ท่านน่าจะลองคบหากับเซียนหญิงท่านอื่นดู ไม่แน่ว่าท่านอาจจะพบกับคนที่เหมาะสมกับท่านมากกว่าลั่วเสินเหนียงเหนียงก็ได้?”
อย่างไรลั่วเสินก็ไม่ชอบเขา ต่อให้นางดียิ่งกว่านี้ หากยึดมั่นไม่เปลี่ยนแปลงก็คงไม่ดีกระมัง?
อีกอย่างคุณสมบัติแต่ละด้านของเขาก็ไม่เลว ท่าทางเป็นผู้ใหญ่ แม้ดูไปแล้วไม่อ่อนหวานชวนฝัน แต่ภายในใจของคนที่รักมั่นย่อมละเอียดอ่อน เขาก็มีเสน่ห์ที่คนอื่นเทียบไม่ได้
“เฮ้อ” หลิวจวิ้นถอนหายใจ เห็นชัดว่าไม่สนใจคำแนะนำของนาง
มู่จิ่วทำได้เพียงให้กำลังใจ หากเขาตัดใจไม่ได้จริง ย่อมไม่อาจบังคับเขาให้คบหากับหญิงอื่น
“ใต้เท้ากัวอยู่ที่นี่หรือไม่?”
ตอนนี้เองมีเสียงถามเบาๆ ลอยมาจากด้านนอก มู่จิ่วเยี่ยมหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง เห็นแค่หลินเจี้ยนหรูยืนอยู่หน้าประตูลาน เมื่อเห็นเขามู่จิ่วจึงได้นึกถึงเรื่องที่เขายืมกุญแจจันทราไปฟื้นฟูจิตต้นกำเนิดของนางชิว นับดูแล้วก็วันที่สาม ไม่รู้ว่าผลเป็นอย่างไรบ้าง?
“เจ้าไปทำธุระเถิด ข้าก็จะเลิกงานแล้ว”
หลิวจวิ้นโบกมือ จากนั้นกระแอมไอก่อนจัดการงานที่อยู่ด้านข้างต่อ
มู่จิ่วจึงปิดประตูแล้วออกไป
หลินเจี้ยนหรูฝีเท้าเร็วนัก นางเพิ่งมาถึงระเบียงทางเดิน เขากลับมาถึงด้านหน้านางแล้ว “มู่จิ่ว ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”
มู่จิ่วเดาได้ว่าเป็นเรื่องนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้คนครหา นางจึงบอกว่า “ไปที่หน่วยข้าเถิด”
ทั้งสองคนไปถึงห้องของหน่วยบัญชาการ มู่จิ่วปิดประตู สร้างเขตพลัง จึงค่อยพูด “ผลเป็นอย่างไรบ้าง?”
“พบอุปสรรคเล็กน้อย” หลินเจี้ยนหรูกำหมัดแน่น คิ้วก็ขมวดมุ่น “ข้านับแล้วว่าวันนี้เป็นวันที่พลังหยินเข้มข้น เหมาะแก่การฟื้นฟูจิตต้นกำเนิดที่สุด แต่เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ดังนั้นหลายวันนี้ข้าจึงเตรียมตัวไว้ ข้าไปรับแม่มาก่อน จากนั้นค่อยหาที่อยู่อื่นให้นาง”
“เมื่อคืนวานข้าลองใช้กุญแจจันทราเรียกจิตต้นกำเนิดนางกลับมา ลองอยู่หลายครั้งกลับไม่พบร่อยรอยจิตต้นกำเนิดที่แตกสลายไปของนาง”
“ไม่พบเช่นนั้นหรือ?” มู่จิ่วได้ยินแล้วก็ชะงัก “เป็นไปได้อย่างไร? กุญแจจันทราเป็นของวิเศษไว้ซ่อมแซมวิญญาณ มันซ่อมได้แม้แต่วิญญาณของสัตว์เทพอย่างอวิ๋นฉัวกับอ๋าวเชิน จะหาจิตต้นกำเนิดของมนุษย์ไม่เจอได้อย่างไร?” นางไม่เชื่อว่าอ๋าวเชินจะไม่บอกนาง หากกุญแจจันทราใช้ได้เฉพาะกับเผ่าเทพเท่านั้น
“แต่หาไม่พบจริงๆ” แววตาของหลินเจี้ยนหรูร้อนรนและกังวล “ข้าลองมาหลายครั้งแล้วก็ไม่เกิดผล”
มู่จิ่วเชื่อว่าเขาจะไม่โกหกเรื่องนี้ แต่นี่เกิดจากสาเหตุอะไรกัน?
“ตอนแรกเจ้ารู้หรือไม่ว่าหลินเซี่ยทำร้ายนางอย่างไร?”
“รู้ ข้าจำได้อย่างชัดเจนทุกอย่าง” เขาตอบ “หลินเซี่ยทำลายจิตต้นกำเนิดของนางต่อหน้ายมทูตดำและขาว จากนั้นนางกลายเป็นคนสติไม่สมประกอบ ไปถึงนรกแล้วก็ไม่อาจฟ้องร้องต่อเทพแห่งปรโลก วิชาเช่นนี้เป็นวิชาก้นสำนักของแรกพยับ แต่มักจะใช้กับการลงโทษปีศาจร้ายชั่วช้าหรือศิษย์ที่หักหลังสำนัก ไม่เคยมีใครทำร้ายหญิงบริสุทธิ์เช่นนี้!”
“ตอนนี้หากต้องการทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ ข้าต้องตามหาจิตต้นกำเนิดส่วนที่หายไปก่อน และเมื่อถึงเวลาที่พลังหยินเข้มข้น ค่อยหยดเลือดหัวใจของนางเข้าไปในกุญแจ จิตต้นกำเนิดของนางก็จะมารวมตัวกันเองจนสมบูรณ์ในที่สุด ตามเหตุผลแล้ว พลังวิญญาณของกุญแจจันทราเพียงขยับอยู่ในเขตลมหายใจของนาง มันก็สามารถหาพบได้ แต่นี่กลับไม่พบ”
มู่จิ่วอึ้งอยู่นานถึงจะหุบปากได้ ดูเหมือนเขาศึกษามาอย่างดีแล้ว นางไม่รู้แม้กระทั่งขั้นตอนเหล่านี้ด้วยซ้ำ
นางก็สับสน นี่เป็นเพราะสาเหตุอันใดกัน?
หรือมันหมดฤทธิ์ไปแล้ว?
“เช่นนั้นกุญแจล่ะ? เจ้าให้ข้าดูหน่อย” นางยื่นมือไปพลางพูด
หลินเจี้ยนหรูนำมันออกจากอกเสื้อ วางไว้บนมือนาง
มู่จิ่วรับมาดูก่อนส่งพลังเข้าไปช้าๆ รอบกุญแจพลันมีคลื่นพลังเคลื่อนไหว และขอบเขตของพลังก็ค่อยๆ กว้างขึ้น นางวางกลับไปบนมือเขาอีกครั้ง พลังที่ปกคลุมอยู่บนร่างเขาพลันฉายแสงที่เคลื่อนไหวไม่หยุด ทั้งยังเคลื่อนที่ไปตามเขา นี่คือจิตต้นกำเนิดของเขานั่นเอง!
“กุญแจไม่ได้เสีย!” นางพูดอย่างสงสัย
“ข้ารู้สึกว่าประหลาดนัก” หลินเจี้ยนหรูพูดเสียงเบา “ความจริงเมื่อคืนข้าทดลองกับผู้อื่นก็ไม่มีปัญหา”
มู่จิ่วไม่เข้าใจ มองท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่าง ตอนนี้สายแล้ว อ๋าวเชินให้ยืมกุญแจได้แค่เจ็ดวัน และวันนี้ก็เป็นวันที่พลังหยินเข้มข้นที่สุดหนึ่งเดียวในเจ็ดวัน พลาดไปก็น่าเสียดายนัก
“เจ้ากลับไปรอข้า อีกไม่นานข้าจะไปหาเจ้า” นางยืนขึ้นมา
หลินเจี้ยนหรูพยักหน้า “ข้าจะกลับไปรอเจ้า” พูดจบเขาก็ออกไป
มู่จิ่วรีบกลับบ้าน ไปหาลู่ยาที่เหม่อลอยอยู่ข้างหน้าต่าง เล่าเรื่องเมื่อครู่ให้เขาฟัง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ลู่ยาชักมือที่เท้าคางกลับมา วางอยู่บนขาที่ขัดสมาธิอยู่ ครุ่นคิดก่อนพูด “ปรโลกเก้าชั้นเป็นสถานที่กักขังวิญญาณที่ตายแล้ว จิตต้นกำเนิดที่แตกสลาย เป็นไปได้ว่าจะถูกดูดไปที่ปรโลกเก้าแดนและถูกขังอยู่ที่นั่น พวกเจ้าสามารถไปดูที่นั่นได้ ช่วยวิญญาณที่แตกสลายออกมา กุญแจจันทราก็จะหาจิตต้นกำเนิดทั้งหมดของนางเจอเอง”
มู่จิ่วพลันกระจ่าง รีบหันหลังเดินจากไปทันที
ลู่ยาเรียกนางไว้ “ยามจื่อสามเค่อ (ราว 5 ทุ่ม 45 นาที) เป็นเวลาที่พลังหยินเข้มข้นที่สุด ต้องปลดปล่อยจิตต้นกำเนิดออกจากปรโลกเก้าแดนให้ได้ก่อนเวลานั้น”
มู่จิ่วพยักหน้ารัว ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนถาม “เจ้าจะไปกับข้าหรือไม่?”
เขาตอบ “เจ้าต้องสะสมบุญกุศล ข้าไม่อาจสอดมือเข้ายุ่ง อีกอย่างเรื่องของหลินเจี้ยนหรูข้าก็ไม่ควรไปข้องเกี่ยว” ในเมื่อฐานะของเขาไม่เท่าเทียม
มู่จิ่วแสดงออกว่าเข้าใจ นางพยักหน้าพลางพูด “เช่นนั้นข้าไปกับเขา เดี๋ยวกลับมา”
ลู่ยาเอายันต์สองแผ่นให้นาง “เอานี่ไป แผ่นหนึ่งคือไป แผ่นหนึ่งคือกลับ ช่วยย่นเวลาได้ไม่น้อย”
มู่จิ่วโอบคอเขาเข้ามาหอมหนึ่งที จากนั้นวิ่งกลับห้องไปอย่างรวดเร็ว นำยาเซียนอำพรางกายที่หวังหมู่เคยให้นางมาก่อนจากไป
หลิวเจี้ยนหรูชะเง้อคอรออยู่นานแล้วในห้อง เขาเดาได้ว่านางต้องไปถามความเห็นจากลู่ยา ดังนั้นใจจึงสงบ แต่ก็กังวลว่าลู่ยาจะขวางไม่ให้นางเข้าใกล้เขา อีกใจหนึ่งจึงไม่สงบเช่นกัน
เมื่อเห็นนางก้าวเร็วๆ เข้ามา จึงรีบเดินออกไป “ได้เรื่องแล้วหรือ?”
…………………………………………