ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 306 ปรโลกเก้าแดน
มู่จิ่วรอจนเข้าไปในห้องเขาแล้วจึงพูด “ถามมาได้แล้ว ลู่ยาบอกว่าเป็นไปได้ที่เศษเสี้ยวจิตต้นกำเนิดของนางจะถูกดูดไปกักขังยังปรโลกเก้าแดน ดังนั้นพวกเราต้องไปปลดปล่อยมันจากที่นั่น เช่นนี้กุญแจจันทราถึงจะเสาะหาจิตต้นกำเนิดเจอ ลู่ยายังบอกอีกว่ายามจื่อสามเค่อเป็นเวลาที่พลังหยินเข้มข้นที่สุด พวกเราต้องรีบกลับมาที่โลกมนุษย์ก่อนเวลานี้”
หลินเจี้ยนหรูพยักหน้าก่อนถาม “เจ้าจะไปกับข้าหรือไม่?”
“มาถึงขนาดนี้แล้ว ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า เผื่อเจ้าคนเดียวไม่ไหว” มู่จิ่วตอบ “แต่ข้าจะไม่ตามไปถึงปรโลกเก้าแดน เจ้าคอยระแวดระวังแล้วกัน ข้าจะคุ้มครองเจ้าอยู่ข้างบน” อันที่จริงเขาเป็นคนมีบาปติดตัว การช่วยเหลือนางชิวคือความต้องการของเขา ขณะเดียวกันนางก็หวังว่าเขาจะใช้โอกาสนี้ล้างมลทินได้
“ดี!” เขาพยักหน้ากล่าว “ได้เช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว!”
พูดจบเขาก็เข้าไปเก็บของด้านใน เมื่อเดินออกมาก็มุ่งไปประตูสวรรค์แดนใต้
เมื่อพวกเขาเดินออกมา เหลียงชิวฉานที่มีใบหน้าสงสัยตกใจก็ออกมาจากเงาไม้ นางเดินตามหลังไปยังประตูสวรรค์แดนใต้ จับจ้องพวกเขาออกจากเขตแดนจึงค่อยถอยกลับไป ผ้าเช็ดหน้าในมือถูกนางกำไว้จนเสียรูปหมด
สถานที่ที่มุ่งหน้าไปอันดับแรกคือที่อยู่ของนางชิวในโลกมนุษย์
ในความเป็นจริงอยู่ในสวรรค์มาสองปีนี้ บนโลกมนุษย์ผ่านไปร้อยปีแล้ว นางชิวได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง ตอนนี้นางมาเกิดในตระกูลขุนนางแซ่อู่ ชื่ออู่หลานเอ๋อร์ อายุเพียงสิบเจ็ดปี เป็นช่วงอายุที่สมบูรณ์พูนสุขที่สุด ยามสงบเงียบก็ดูเหมือนหญิงในตระกลสูงส่ง แต่เพราะสติไม่สมประกอบจึงไม่ได้แต่งออกไป
แม่ของอู่หลานเอ๋อร์แต่งเข้ามายกฐานะ ตอนที่ยังไม่คลอดก็บอกว่าลูกนางเป็นเด็กผู้ชาย จะได้เชิดหน้าชูตาต่อหน้าพ่อแม่สามีและเหล่าสะใภ้ คิดไม่ถึงว่ากลับคลอดเด็กผู้หญิงออกมา ทั้งยังสติฟั่นเฟือน ดังนั้นนางที่ต้องคอยดูสีหน้าของคนในบ้านจึงยิ่งปฏิบัติต่ออู่หลานเอ๋อร์อย่างไม่ยุติธรรม ต่อหน้าคนก็รังเกียจลับหลังก็ด่าทอ ผิวของอู่หลานเอ๋อร์ตอนยังเล็กนั้นไม่มีส่วนไหนไร้ร่องรอย
ช่วงเวลาสงบสุขหนึ่งเดียวภายใต้การดูแลของแม่แท้ๆ นั่นคือตอนที่แม่นางตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง นางเชิญหมอดูมาทำนาย ไปเสี่ยงเซียมซีที่ศาลเจ้า ทั้งยังเชิญหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองมาตรวจรักษา ล้วนบอกว่าเป็นเด็กผู้ชาย วันคืนเหล่านั้นนางจึงปฏิบัติต่ออู่หลานเอ๋อร์อย่างปรานีหน่อย
แต่ชะตามนุษย์หรือจะสู้ชะตาฟ้า แม่ตายตอนที่คลอดน้องชาย เด็กน้อยนั้นกลับรอดมาได้ แต่อู่หลานเอ๋อร์ที่เสียแม่ไปยิ่งลำบากกว่าเดิม
ไม่นานบิดาอู่ก็แต่งอนุเข้ามา น้องชายก็ส่งให้ยายไปเลี้ยง อู่หลานเอ๋อร์ไม่มีใครรับไว้ แม่เลี้ยงรังเกียจนาง บิดาอู่เอาแต่ท่องอ่านคัมภีร์ปรัชญามากมาย เดิมทีก็สนแต่หน้าตาของตำแหน่ง ไม่ได้รู้สึกว่าลูกสาวคนโตนั้นเป็นอย่างไร แต่เมื่อถูกแม่เลี้ยงกรอกหูมากเข้า เขาก็รู้สึกว่านางขวางหูขวางตา ภายหลังนอกจากเรื่องปัจจัยสี่แล้วก็ค่อยๆ ละทิ้งนาง กระทั่งขังนางไว้ในห้องบูชาบรรพชนเล็กๆ ตลอดทั้งปีเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะ
ตอนหลินเจี้ยนหรูพบเจอนาง นางกำลังนั่งยองๆ เด็ดดอกไม้ป่าที่มุมกำแพง ในห้องบรรพชนมืดๆ นั้นเต็มไปด้วยป้ายวิญญาณ ไม่มีคนเป็นเลยสักคน แต่นางกลับร้องเพลงเพี้ยนๆ อยู่ในห้องมืดดำนั้น ตอนต้นฤดูใบไม้ผลินางใส่เพียงเสื้อตัวเดียวเท่านั้น เท้าเปล่า ผมยาวระพื้น เนื้อตัวสกปรก มีเพียงดวงตาที่เปล่งประกาย
ยามหลินเจี้ยนหรูพูดถึงนาง มีหยุดชะงักไปหลายครั้ง มองไม่เห็นสีหน้าเขาภายใต้ความมืด มู่จิ่วไม่ได้หันไปมองหน้าโดยตรง น้ำเสียงของเขาก็สงบราบเรียบตลอด แต่กลับเดาได้ไม่ยากว่าเขารู้สึกอย่างไรอยู่ในตอนนี้
นอกจากเรื่องนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก พวกเขามาถึงเมืองเหยียนที่อู่หลานเอ๋อร์อยู่
เมืองเหยียนในยามนี้งดงามยิ่งนัก ถึงแม้เป็นยามค่ำคืนก็ยังสามารถเห็นทิวทัศน์อันสวยงามอุดมสมบูรณ์ได้ชัดเจน
เป็ดบนแม่น้ำในเมืองขึ้นฝั่งมาอย่างอาลัยอาวรณ์ เรือกระแชงก็เริ่มเก็บเข้าฝั่ง เสียงของเหล่าหญิงสาวเรียกลูกให้กลับบ้านกินข้าวดังขึ้น ตรงหัวถนน สุนัขของใครไม่รู้ไปเหยียบหางแมวที่กำลังงีบหลับตรงประตูบ้านเนื่องจากวิ่งเร็วเกินไป แมวนั้นกระเด้งตัวขึ้นไปกลางอากาศ จากนั้นก็เข้าฟัดกับสุนัขจนไม่อาจแยกออก
สถานที่ที่อู่หลานเอ๋อร์พำนักตั้งอยู่บนถนนที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ทางด้านเหนือของเมือง หลินเจี้ยนหรูจ้างหญิงคนหนึ่งมาดูแลนาง
มู่จิ่วเพิ่งเข้าไปก็เห็นหญิงคนหนึ่งนั่งหลังตรง เงยหน้ามองต้นดอกท้อที่มุมลานบ้าน นางถูกปรนนิบัติดูแลจนสะอาดสะอ้าน เสื้อผ้าแม้จะไม่งามแต่ก็เหมาะกับรูปร่าง สีเหลืองอ่อนดูไปแล้วสบายตายิ่งนัก ผมก็คงถูกตัดสั้นลงมากแล้ว ปลายผมถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อยที่ช่วงเอว ปักปิ่นไม้ดำบนมวยผมที่เรียบง่าย
บวกกับใบหน้าซูบผอมแต่สะอาดสะอ้าน ทำให้นางดูไปแล้วเหมือนดอกอวี้หลาน (แมกโนเลีย)
“นี่คือนาง” เสียงของหลินเจี้ยนหรูแหบแห้งอยู่บ้าง ราวกับพูดเปิดเรื่องมาเพื่อทำคอให้โล่ง จากนั้นทำสัญลักษณ์มือไปทางหญิงที่ซักผ้าอยู่มุมบ้านโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว นางหายตัวไป เสียงวุ่นวายที่อยู่ห่างไกลก็เงียบลง
มู่จิ่ววางกุญแจจันทราไว้บนไหล่ของอู่หลานเอ๋อร์ ลองขับเคลื่อนพลังวิญญาณดู เห็นเพียงกุญแจส่องสว่างเล็กน้อย ครู่หนึ่งผ่านไปกลับนิ่งสนิทอย่างที่คิดไว้
“ข้ามียันต์ สามารถพาเจ้าไปปรโลกได้ เจ้าเอาไปเถอะ!”
พูดจบนางก็หยิบโต๊ะบูชาออกมาจากกำไลไม้ จากนั้นก็เตรียมกระถางธูปยันต์อะไรก็ตามที่คู่กันไว้เรียบร้อย ก่อนร่ายรำกระบี่เผายันต์ ตอนยันต์แผดเผา ด้านหน้าก็ปรากฏถนนสายเล็กๆ ขึ้นมา ช่างห่างไกลและเลือนราง ไม่รู้มุ่งหน้าไปที่ไหน
ต่อมานางตัดผมของอู่หลานเอ๋อร์ไปปอยหนึ่ง วางเข้าไปในกุญแจจันทรา และส่งยันต์อีกแผ่นให้เขา “กระตุ้นกุญแจจันทรา หากวิญญาณที่แตกสลายอยู่ที่นั่น มันต้องมีปฏิกิริยาแน่ ตอนกลับมาให้เผายันต์นี้ มันจะนำทางเจ้ากลับมาเช่นกัน”
หลินเจี้ยนหรูเก็บกุญแจจันทราไว้ในอก จากนั้นสูดหายใจลึก ก้าวเข้าไปบนถนนสายเล็กนั้นอย่างรวดเร็ว
มู่จิ่วจุดธูปสามดอกในกระถาง ย้ายเก้าอี้ออกมาจากในเรือน แล้วนั่งอยู่ข้างอู่หลานเอ๋อร์ มองท้อต้นนั้นกับนาง
หลินเจี้ยนหรูพุ่งเข้าไปในถนนสายเล็กนั้น ยังมีเวลาอีกสามชั่วยามจึงจะถึงยามจื่อสามเค่อ แต่ยิ่งหาเร็วขึ้นหนึ่งเค่อยิ่งวางใจได้เร็วขึ้นหนึ่งเค่อ เขาต้องลดทอนเวลาเดินทางให้สั้นที่สุด
ปรโลกเก้าแดนเป็นสถานที่กักขังวิญญาณทั้งหมดในหกภพ แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยไปที่นั่นเลย แต่เพราะที่นั่นกับหกภพมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ดังนั้นจึงรู้เรื่องราวเกี่ยวกับมันมาก สำหรับภพเซียนแล้ว ปรโลกไม่ได้เป็นสถานที่ลึกลับเป็นพิเศษอะไร ดังนั้นอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะพบเจออะไรเหนือความคาดหมายระหว่างทาง
เรื่องนอกเหนือความคาดหมายที่อาจจะเกิดขึ้นคือสุดท้ายแล้วไม่พบจิตต้นกำเนิดที่สลายไปอยู่ที่นั่น
อันที่จริงลู่หยาก็เป็นเพียงซ่านเซียน คำพูดของเขาอาจไม่ถูกต้อง
ไม่นานก็ถึงปลายทางสู่ปรโลก คลื่นน้ำแห่งแม่น้ำแห่งความตายเคลื่อนไหวรุนแรงภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิด สองริมฝั่งเรียงรายไปด้วยดอกพลับพลึงแมงมุม ราวกับแม่น้ำเลือดสะท้อนเข้าตา
ทางที่ไปปรโลกเก้าแดนเป็นถนนแห่งความตายก่อน จากนั้นข้ามสะพานไน่เหอ ข้ามแม่น้ำแห่งความตาย ผ่านเนินหลิวเอ๋อร์ ก่อนขึ้นยอดเขาหลิงถัว ที่ตีนเขาหลิงถัวก็คือปรโลกเก้าแดน เป็นนรกที่แท้จริง
แต่ถนนข้างแม่น้ำแห่งความตายกลับไม่สบายเท่าถนนแห่งความตาย ในแม่น้ำมีเสียงร้องโหยหวนเจ็บปวด เสียงหลอกหลอนเขย่าขวัญ ทั้งยังมีเหล่าวิญญาณเร่ร่อนร้องเรียก วิญญาณเหล่านี้คือวิญญาณที่ยังไม่เข้าปรโลกเก้าแดนเพื่อรอไปเกิด วิญญาณที่บาปหนาต้องลงไปในแม่น้ำ ต้องผ่านเสือเหล็กหมาป่าสำริดในน้ำที่คอยกัดตลอดทาง กระทั่งขึ้นฝั่งจึงจะไปยังศาลเหยียนหลัว (พญามัจจุราช) เพื่อรับคำตัดสินได้
…………………………………