ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 314 มีอะไรดี?
เดิมทีนางเป็นผู้บำเพ็ญหญิงแห่งพรรคธรรมะที่มีชื่อ แต่กัวมู่จิ่วเป็นเพียงผู้บำเพ็ญเซียนที่ไร้หัวนอนปลายเท้า อีกฝ่ายกลับได้รับคำชื่นชมมากมายในทัพทหารสวรรค์ ในขณะที่เหลียงชิวฉานได้รับเพียงสายตาเย็นชา ตอนนี้เพียงสองปีเท่านั้น มู่จิ่วเลื่อนขั้นเป็นถึงผู้บัญชาการถิงเว่ย ทั้งยังมีคู่หมั้นมากความสามารถร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน ยามนี้มู่จิ่วสามารถยืนเหลือบมองนางอย่างเย็นชา แต่นางกลับต้องอับอายเพราะหลินเจี้ยนหรูคนเดียว!
นางหยิบกาเหล้าขึ้นมารินใส่จอก แหงนหน้ากรอกมันเข้าไป
มีมือหนึ่งคว้าจอกเหล้าของนางไป หญิงสาวเงยหน้าขึ้นก็เห็นเสื้อฟ้าที่คุ้นเคย เมื่อมองสูงขึ้นไปก็สบเข้ากับดวงตาที่ไม่อาจคุ้นเคยไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“ข้ามีอะไรดี?” หลินเจี้ยนหรูรินเหล้าเต็มจอกให้นาง พลางเอ่ยอย่างสงบนิ่ง
นางยืนขึ้นมา อยู่ๆ ก็พูดไม่ออกอยู่บ้าง ใจเต้นตึกตักราวกับจะกระเด้งออกมาได้ทุกเมื่อ
“ข้าถอดเสื้อผ้าเจ้า ปลดเสื้อตัวในของเจ้าออก บังคับให้เจ้าช่วยข้าใส่ร้ายจีหย่งฟางที่สำนักแรกพยับ ให้เจ้าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับข้า บัดนี้มือของเจ้าได้เปื้อนเลือดผู้บริสุทธิ์แล้ว ข้ามีอะไรดีคู่ควรกับความรู้สึกลึกซึ้งของเจ้า?” เขายกจอกเหล้าเข้าไปใกล้เหลียงชิวฉาน มือหนึ่งจับที่พนักเตียงด้านหลังนาง สายตาคมกริบราวกับใบมีดที่กรีดไปบนร่าง
นางพูดไม่ออก ส่ายหน้าซ้ำไปซ้ำมา เขาทั้งไม่โกรธและไม่ลงมือ เพียงถือจอกเหล้าและจับพนักหัวเตียงไว้ แต่กลับดูน่ากลัวยิ่งนัก
นางก้มหน้าลง รู้สึกเหมือนตนเองเป็นเพียงทาสที่ต้อยต่ำ
เขาเลวทราม ไม่มีอะไรดี แต่นางมีหนทางใดเล่า?
หากย้อนเวลากลับไปได้ นางย่อมต้องย้อนกลับไปแน่! นางจะไม่เข้าไปถามว่าเขาฆ่าหลินเซี่ยหรือไม่แน่นอน!
นางยังมีหนทางใด? นางก็ถูกสวรรค์บีบบังคับ!
“อย่าได้หวังกับข้าอีก และอย่าได้ไปก่อเรื่องที่เจ้าคิดไปเองว่าใช่” หลินเจี้ยนหรูมองนางพลางดื่มเหล้า ก่อนทิ้งจอกเหล้าลงบนพื้น เสียงแจ่มชัดราวกับมีดดาบที่เฉือนใบหู “ชั่วชีวิตนี้ของข้า…ไม่สิ ตลอดชั่วชีวิตชั่วชาติภพนี้ข้าไม่มีทางชอบเจ้า ฉะนั้นตัดใจเสีย ไปหาหัวชิงของเจ้าซะ”
เขาชักมือกลับ แววตาเหมือนงูที่เยียบเย็นไล่ผ่านใบหน้านางไปหยุดอยู่ที่ขอบหน้าต่าง แล้วเดินจากไป
เหลียงชิวฉานกอดแขนทั้งสองข้าง ร่างกระตุกขึ้น
นางพลันชักดาบออกมา ฟาดฟันไปยังเขาที่อยู่ตรงกรอบประตู “ข้าจะฆ่าเจ้า!”
หลินเจี้ยนหรูหยุดเท้ายามที่ลมกระบี่ลอยมา แต่เขาไม่ได้ขยับ กระบี่ยาวฟันลงบนหัวไหล่ คมมีดตัดผ่านเนื้อ มีเสียงร้องขึ้นจมูกดังมา เสื้อสีฟ้าตัวค่อนข้างใหม่พลันแหวกออก เผยให้เห็นเสื้อขาวตัวในที่แดงฉานไปด้วยสีเลือด
เหลียงชิวฉานตาโต กระบี่ยาวตกลงบนพื้น นางกุมหน้าที่ซีดขาวราวหิมะ
หลินเจี้ยนหรูไม่ได้หันกลับ เพียงก้าวยาวๆ ออกไป
“หลินเจี้ยนหรู!”
เหลียงชิวฉานร้องอย่างบ้าคลั่ง ร่างโน้มลงไป
มู่จิ่วในชุดซ่อนเซียนตรงประตูก็นิ่งอึ้งไปเมื่อเห็นภาพนี้เข้า
นอกจากบาดแผลบนไหล่ของหลินเจี้ยนหรูที่เหลียงชิวฉานทำ นางได้ยินคำพูดของเขาทั้งหมด! การตายของจีหย่งฟางเป็นเขาที่บังคับให้เหลียงชิวฉานลงมือเช่นนั้นหรือ? เขาใช้วิธีแบบนี้บังคับเหลียงชิวฉานให้ร่วมมือกับเขา?…และเหลียงชิวฉานยังมีใจให้กับเขาภายใต้สถานการณ์นี้อีก? บางทีประสบการณ์ของมู่จิ่วอาจน้อยเกินไป ยามนี้ไม่อาจเข้าใจความคิดของเหลียงชิวฉานได้
แต่สิ่งที่ยิ่งทำให้นางผิดหวังคือหลินเจี้ยนหรูต่ำช้าถึงเพียงนี้ เสียแรงที่นางเข้าใจว่าเขาทำทั้งหมดนี้เพราะไม่มีทางเลือกและไม่อาจตอบโต้ แต่เขาถอดเสื้อผ้าเหลียงชิวฉาน นี่มันเรื่องอันใดกัน?
นางพลันไม่เชื่อคำสาบานของเขาเช่นกัน ฟ้ารู้ว่านางเชื่อลู่ยาที่บอกว่าสามารถช่วยเขาได้ จึงกล่าวคำพูดเหล่านั้นกับเขา ทั้งยังคิดจะนำเขากลับมาทางธรรม แต่ตอนนี้ความจริงนี้กลับตบหน้านาง หนำซ้ำเมื่อครู่เขายังโกหกนางว่าไม่ได้มีอะไรกับเหลียงชิวฉาน…นางจะยังเชื่อเขาได้อย่างไร?!
“หลินเจี้ยนหรู…”
เหลียงชิวฉานในห้องยังคงกอดเข่าร่ำไห้ นางมองกระบี่เปื้อนเลือดตรงกรอบประตู ก่อนยืนขึ้นพุ่งหายออกไปข้างนอกราวกับลม
มู่จิ่วยืนอยู่อีกครู่หนึ่งก่อนจะจากไปเช่นกัน
เหลียงชิวฉานตรงออกจากจากหอวิหคแดง ลมที่ปะทะใบหน้าพัดจนน้ำตาเหือดแห้ง แต่กลับไม่อาจพัดความเจ็บปวดออกจากใจไปได้
นางไม่รู้ว่าควรจะไปไหน ราวกับมีเขาอยู่ทุกแห่งหน…นางไม่รักเขาแล้ว นางเกลียดเขา นางเกลียดเขา! เขาบอกว่าเขาไม่สามารถรักนางได้ตลอดชีวิต เขาหลอกนางมาตลอด! เขารู้ความคิดทุกสิ่งของนาง แต่เขากลับหลอกใช้ความรักของนางอย่างไร้ยางอาย!
เขาพูดถูกยิ่งนัก เขาไม่คู่ควรกับความจริงใจของนาง เขาเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานที่ต่ำช้าไร้ยางอายเท่านั้น!
นางบินไปข้างหน้าสุดกำลัง จนถึงหน้าป้ายประตูสูงตระหง่าน นางถึงได้รู้สึกตัวว่ามาถึงประตูสวรรค์แดนใต้แล้ว
นางวิ่งมาถึงที่นี่เชียว
มาถึงแล้วก็มาเถิด! นางกำลังอยากกลับสำนักแรกพยับพอดี นางต้องการเปิดโปงเขา ดูว่าเขาจะตายอย่างไรภายใต้เงื้อมมือของจีหมิ่นจวิน!
นางขี่เมฆกลับสำนักแรกพยับ ความเดือดดาลในใจทำให้นางไม่สนใจแม้แต่จะกลับไปยังหน่วย ไม่มีเรื่องใดสำคัญไปกว่าความตายของเขาอีกแล้ว!
น้ำตาของนางหยดแล้วหยดเล่าไหลลงมา นางบอกตัวเองว่าน้ำตาเหล่านี้ไร้ค่า แต่กลับไม่มีหนทางหยุดยั้งมันได้
ยามพระอาทิตย์ตกดินนางก็มาถึงสำนักแรกพยับ ภายใต้ความมืดมิด โคมไฟถูกจุดขึ้นตามอาคารเซียนจนดูเหมือนกับดวงดาวที่ถูกฝังอยู่บนผืนฟ้าสีดำ นางเช็ดน้ำตา มุ่งไปยังยอดเขาขลุ่ยหยกที่หัวชิงอยู่
เซียนเด็กซึ่งกำลังกวาดใบสนแห้งเห็นนางเข้าก็รีบค้อมตัวเรียกศิษย์พี่ นางไม่สนใจ เข้าประตูไปสองชั้น ตรงไปหาหัวชิงที่อยู่ในเรือนยอดนภา
ในเรือนเต็มไปด้วยกลิ่นกล้วยไม้ ปกติหัวชิงชอบตัดแต่งดอกไม้ใบหญ้า ตอนนี้ม่านตรงหน้าต่างปรากฎเงาร่างของเขา เพียงนางเข้าไปบอกเล่าความผิดของหลินเจี้ยนหรู ไม่ถึงครึ่งวัน นางรู้ว่าอาจารย์ต้องไปลากหลินเจี้ยนหรูจากสวรรค์กลับมาสอบถามแน่ๆ และเพียงเขากลับมาถึงสำนักแรกพยับ จีหมิ่นจวินต้องลงมือกับเขาเป็นอันดับแรกแน่นอน
ใจนางอิ่มเอิบไปด้วยความสุขหาใดเปรียบ นางไม่อาจแพ้ให้กับคนต้อยต่ำเช่นเขา มีเพียงแบบนี้เท่านั้นถึงจะนำเกียรติของนางกลับมาได้!
แต่นางกลับลังเลไม่ก้าวเท้า ภาพที่เขาจากไปพร้อมรอยแผลวาบเข้ามา
“ฉานเอ๋อร์?”
หน้าต่างที่ปิดอยู่เมื่อครู่ถูกเปิดออกเมื่อไหร่ไม่อาจทราบได้ หัวชิงยืนอยู่ข้างใน เขาสวมเสื้อเรียบง่ายดูสง่างาม กลิ่นอายความเป็นเซียนยิ่งเข้มข้น
“อะ อาจารย์”
หากเป็นแต่ก่อน นางต้องโผเข้าไปหา แล้วใช้สายตาร้อนแรงมองชื่นชมรัศมีของเขานานแล้ว
แต่ตอนนี้นางกลับไม่ได้ทำ เขาในสายตานางตอนนี้เป็นเพียงซ่านเซียนธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้มีความสามารถโดดเด่นอะไร เขาเพียงหน้าตาหมดจดคมคาย หากแต่ยามนี้นางรู้สึกว่าเขาดูเหลาะแหละไปเสียหน่อย เมื่อก่อนนางมองเขาเป็นเทพเซียน เป็นแบบอย่าง ทว่าตอนนี้เขาเป็นเพียงอาจารย์ที่มีบุญคุณสั่งสอนนางเท่านั้น
“เจ้ากลับมาได้อย่างไร? ทำไมไม่เข้ามา?”
น้ำเสียงของหัวชิงแสดงความประหลาดใจอย่างชัดเจน กระทั่งเดินออกมารับถึงประตู
นางก้มหน้ากะพริบตา ซ่อนน้ำตาแห่งความเจ็บปวดในเบ้าตาไว้ ก่อนเอ่ย “อยู่ๆ ก็คิดถึงอาจารย์ จึงกลับมาเจ้าค่ะ”
……………………………………….