ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 320 คือหายนะ
แต่สิ่งที่ชิงเสียพูดประหลาดมาก ปกติเขาเป็นคนถือตัวเช่นนั้น ทำไมถึงได้สนิทสนมกับเซียนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน และยังเชิญเข้ามาในห้องสนครวญและชงชาให้ดื่มอีก? หรือจื่อเย่าผู้นี้คือเพื่อนเก่าแก่? หรือเขาพลันเปิดใจ ตัดสินใจเข้าสู่สังคมไปใช้ชีวิต?
มู่จิ่วสับสน นี่ไม่ใช่หลิวหยางที่เก็บความรู้สึกและปลีกวิเวกในความทรงจำของนาง
“เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าจื่อเย่าผู้นี้อาศัยอยู่ทีไหน?” นางถามอีก
“อา ข้าจะรู้ได้อย่างไร? เจ้าสำนักไม่บอกข้าหรอก แม้แต่อาจารย์กับอาจารย์อาทั้งหลายก็อาจจะไม่รู้” ชิงเสียทำปากยื่นพลางพูด สายตาก็จับจ้องไปยังแขนเสื้อนาง ค้อมตัวลงมอง “อาจารย์อาไม่ได้เอาอะไรมาให้ข้ากินหรือ? ข้าไม่ได้ลงจากเขาไปซื้อของกินเล่นนานแล้ว!”
“เอามาๆ!” มู่จิ่วหยิบห่อขนาดใหญ่ออกจากกำไลไม้ “เอาไปแบ่งให้เหล่าสหายตัวน้อยด้วย”
“เข้าใจแล้ว!” ชิงเสียกอดห่อผ้า ยิ้มทั้งหูและตา
มู่จิ่วมองฟ้าก่อนกำชับอีก “เจ้ารีบกลับไปเถอะ อย่าให้เจ้าสำนักจับได้ และพวกเจ้าต้องสืบหาที่มาของจื่อเย่าผู้นี้ให้ได้ คนผู้นี้ใช้ชื่อปลอม บนทะเบียนเซียนของสวรรค์ไม่มีชื่อของเขา ข้าคิดว่าน่าสงสัยมาก มีข่าวอะไรติดต่อข้าได้ตลอด” นางพูดพลางหยิบเอากระเรียนเซียนที่ตนทำไว้ส่งให้
“เรื่องที่อาจารย์อากำชับไว้ พวกเราไม่กล้าลืม” ชิงเสียเก็บกระเรียนเซียนไว้อย่างดี จากนั้นมือหนึ่งแบกห่อผ้าขึ้น อีกข้างแบกปีศาจจิ้งจอกไว้บนไหล่ เดินหอบหายใจหายเข้าไปในป่า
จนนางหายลับตาไป มู่จิ่วถึงได้ชักเท้าที่อยู่บนหินกลับ ขมวดคิ้วถอนหายใจ แล้วบินกลับสวรรค์ไป
ลู่ยากำลังสอนวิชาต่อสู้ให้อาฝู มู่จิ่วมองเขาสั่งสอนท่าทางให้อาฝูจนเป็นอยู่ด้านข้าง จึงค่อยตามเขาออกไปข้างนอก
และเล่าเรื่องที่เจอชิงเสียให้เขาฟัง ลู่ยาหันกลับมา “เขาสนิทสนมกับจื่อเย่าถึงเพียงนี้เชียว?”
มู่จิ่วพยักหน้า “ชิงเสียเล่ามาเช่นนี้ พวกเขาย่อมไม่หลอกข้า”
ลู่ยาครุ่นคิด
จุ่นถีเป็นคนเช่นไรลู่ยาย่อมรู้ เขาไม่ใช่คนสนิทสนมกับใครง่ายๆ เช่นนี้
และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ว่าจื่อเย่านี้ปลอมแปลงฐานะมา แต่เมื่อรู้ชัดแจ้งแล้วกลับยังสนิทสนมกับจื่อเย่า…เขาต้องไม่ได้สติเสียแน่นอน ในเมื่อสติไม่เสีย แบบนั้นก็บอกได้ว่าระหว่างสองคนนี้มีความลับ ไม่แน่ว่าการหนีไปของหลิวหยางอาจเกิดจากการยุยงของจื่อเย่า…
เอาเป็นว่า เรื่องที่เขากับมู่จิ่วอยู่ด้วยกันจุ่นถีไม่มีหนทางคัดค้าน และไม่สนใจถึงปัญหาเรื่องระดับรุ่นของตนเองด้วย ดังนั้นคราวก่อนที่เขาไปหามู่จิ่วที่หงชาง อีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่ากระไร ไม่ได้หนีไป อีกทั้งยังสนับสนุนให้มู่จิ่วกลับมา แต่จื่อเย่าที่ปรากฏตัวออกมาเสียเฉยๆ นั้นกลับกลายเป็นปัญหา ไม่รู้ว่าทำอย่างไรจึงทำให้หลิวหยางซ่อนตัวจากเขาได้!
“ข้าว่าผิดปกติที่จื่อเย่าผู้นี้ เจ้าให้ชิงเสียจับตาดูไว้แล้วหรือยัง?” เขาถามพลางโยนผ้าเช็ดมือลงพาดบนอ่างสามขาที่ฝังทองไว้
“บอกแล้วๆ!” มู่จิ่วตอบ “ไม่ง่ายเลยที่จะได้เบาะแสมา ต้องให้นางจับตาไว้ ข้าก็รู้สึกว่าเขาประหลาดนัก ไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์เจอเขาแล้วถึงได้เปลี่ยนนิสัยไป…”
พูดถึงตรงนี้นางก็พลันคิดถึงภาพเหตุการณ์ที่พบในวังมาร อดหันไปมองลู่ยาคราหนึ่งไม่ได้
ลู่ยาก็เหลือบมองนางอย่างเข้าใจ ไพล่มือเงยหน้าขึ้น แสร้งทำเป็นมองดอกบ๊วยที่ระเบียงทางเดิน
ยามที่มู่จิ่วกับลู่ยามองดอกบ๊วยที่ระเบียงทางเดินนั้น หลินเจี้ยนหรูกำลังถูกหัวชิงลากกลับไปที่เรือนยอดนภา
คนในเรือนไม่มากนัก มีเพียงเหลียงชิวฉานและหัวชิง กับผู้อาวุโสในสำนักอีกสองคน
“พูดมา พลังวิญญาณในร่างเจ้ามาได้อย่างไร?”
ทุกคนล้วนนั่งอยู่ มีเพียงหลินเจี้ยนหรูที่คุกเข่าอยู่บนพื้น หัวชิงรินชา สีหน้าเคร่งเครียดกว่าผู้อื่นนัก
แต่เดิมเขาเพียงจับหลินเจี้ยนหรูกลับมาเพื่อเอาเรื่องที่ล่วงเกินเหลียงชิวฉาน แต่กลับเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้น ในตอนนี้หลินเจี้ยนหรูต่างจากในสมัยก่อน ถึงแม้เขาสืบหาไม่ได้ว่าพลังบำเพ็ญของอีกฝ่ายล้ำลึกไปถึงไหน แต่ย่อมไม่สามารถอธิบายได้ด้วยการกินยาเซียนไม่กี่เม็ด…ไม่ผิด คำตอบของเขาคือกินยาเซียนที่เซียนบนสวรรค์ให้มา
แม้ยาเซียนจะเพิ่มพลังบำเพ็ญได้ แต่ไม่มีหนทางเพิ่มพลังวิญญาณ คำพูดนี้ของหลินเจี้ยนหรู เขาย่อมไม่เชื่อ!
“ข้าบอกท่านไปแล้ว หากเจ้าสำนักไม่เชื่อข้าก็จนปัญญา”
หลินเจี้ยนหรูยกยิ้ม แลบลิ้นเลียเลือดที่มุมปาก พร้อมกับเหลือบมองเหลียงชิวฉาน ท่าทางไม่ยี่หระ
เขาคาดเดาไม่ผิด หัวชิงจับเขากลับมาเพราะเหลียงชิวฉานจริง?
ผู้หญิงคนนี้คงอยากจะเอาเรื่องเขาให้ถึงที่สุด
แต่เขาก็ไม่กลัว เขาไม่ใช่หลินเจี้ยนหรูในสมัยก่อนอีกต่อไปแล้ว พวกเขาทำอะไรเขาไม่ได้ ยามนี้ที่ยังนิ่งเฉยเป็นเพราะหัวชิงยังไม่สงสัยเรื่องหลินเซี่ยกับมหาโอสถทองเท่านั้น
“เจ้ายังกล้าปากแข็ง?!” หัวชิงตบโต๊ะและยืนขึ้นมา ร่ายมนตร์คาถารัดร่างเขาทันที “ไม่เพียงเจ้ากล้าก่อเรื่องลับหลังสำนัก แต่ยังล่วงเกินศิษย์พี่เจ้า แรกพยับกลับมีศิษย์ที่ไม่ได้ความเช่นเจ้า! ในสายตาเจ้ายังมีขื่อมีแปอยู่หรือไม่?…ใครก็ได้ จับเขาเข้าไปที่ถ้ำลมหนาว!”
มีศิษย์สองคนจากด้านนอกเข้ามาจับเขา
เขายืนขึ้นเอง เงยหน้าขึ้น เหลือบมองเหลียงชิวฉานที่ด้านหน้าก่อนเดินออกไป
เหลียงชิวฉานกุมมือทั้งสองข้าง จนเขาเดินออกไปก็ยังไม่อาจคลายไหล่ที่แข็งเกร็งได้
ถึงแม้ไม่ได้มองเขา นางก็รู้สึกถึงสายตาของเขาที่มองมาได้
นางก็ไม่รู้ว่าเขาเอาพลังบำเพ็ญอันล้ำลึกกับพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งมาจากไหน เขาอาจจะเกลียดชังนาง หากไม่ใช่เพราะนาง หัวชิงคงไม่จับเขาไปยังถ้ำลมหนาว?
“หลินเจี้ยนหรูผู้นี้ไม่ใช่สวะเช่นแต่ก่อนแล้ว มีพลังบำเพ็ญล้ำลึกเช่นนี้ ต้องมีคนมอบให้เขาแน่! เขาต้องไปรู้จักคนที่อันตรายข้างนอกแน่นอน!”
ขณะกำลังตกอยู่ในภวังค์ นางราวกับได้ยินเสียงเบาๆ จึงเงยหน้าขึ้นมา พบว่าเหล่าผู้อาวุโสออกไปแล้ว หัวชิงไพล่มือยืนอยู่หน้าเรือน สีหน้าเย็นชายิ่งนัก
เหลียงชิวฉานใจสั่น มีคนให้พลังวิญญาณแก่หลินเจี้ยนหรู จะเป็นไปได้อย่างไร? ใครจะมอบพลังให้แก่คนที่ไม่เกี่ยวข้องผูกพันกัน? นางพลันสังหรณ์ใจไม่ดีนัก “อาจารย์จะสังหารเขาหรือไม่?”
หัวชิงหันมามองนางอย่างล้ำลึก เนิ่นนานกว่าจะเอ่ย “พลังวิญญาณในร่างเขาไม่ใช่สายมาร ข้าจะเอาเหตุผลใดมาสังหารเขา?”
เหลียงชิวฉานโล่งใจ แต่กลับเคร่งเครียดขึ้นมาอีก…ไม่มีเหตุผลจะฆ่า ไม่ได้หมายความว่าฆ่าไม่ได้หรือจะไม่ฆ่า นางกระจ่างแจ้งแล้วว่าหัวชิงในตอนนี้คิดอะไรอยู่…
“ถึงแม้ข้าจะเกลียดเขา แต่ไม่ต้องการให้อาจารย์สังหารเขา อาจารย์ท่าน…” เหลียงชิวฉานร้อนรนเล็กน้อย นางเพียงอยากให้พวกหัวชิงสั่งสอนเขาสักหน่อย นางก็คิดไม่ถึงว่าหลินเจี้ยนหรูจะพลันมีพลังสูงส่งจนทำให้หัวชิงกลัวได้
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง”
หัวชิงกวาดตามองนางก่อนออกไป
………………………………………………