ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 364 เพราะความอัปยศ
แต่หลินเจี้ยนหรูที่ได้พลังเสวียนหมิงเสริมอยู่ย่อมเคลื่อนไหวเร็วและรุนแรงกว่านางมากนัก! เขตพลังของนางยังไม่ทันสร้างสำเร็จ พลังวิญญาณที่ทลายภูเขาล่มทะเลในมือสองของเขาก็ถาโถมเข้ามา!
พลังปราณแท้ทั้งสองสายปะทะกัน เสียงดังตู้มดังขึ้นกลางอากาศ! หลังคาลอยหายไปในพริบตาเดียว ร่างของจีหมิ่นจวินลอยขึ้นกลางอากาศ จุดตันเถียนเกิดรูโหว่ขนาดเท่าปากชาม จิตต้นกำเนิดแหลกสลายเป็นชิ้นละเอียดนับไม่ถ้วน ก่อนจะลอยหายไปจากช่องโหว่บนหลังคา!
ควันดำหลายสายลอยกระจายไปทั่วทุกทิศตามกระแสอากาศ ไม่นานนักเรือนก็ตกอยู่ในความสงบ
“ท่านแม่!”
เสียงตื่นตกใจของจีเทียนอวี้ดังเข้ามาจากประตูลานบ้าน เขามองจีหมิ่นจวินชักกระตุกอยู่บนพื้นด้าน วิ่งเข้ามาพร้อมคำรามอย่างบ้าคลั่ง
ก่อนที่เขาจะเข้ามาถึง หลินเจี้ยนหรูสะบัดมือไปทางจีหมิ่นจวิน ทันใดนั้นร่างของนางก็ตกอยู่ในกองเพลิง!
“ท่านแม่!”
จีเทียนอวี้หยุดเท้าทันที หันกลับมามองหลินเจี้ยนหรูอย่างโกรธแค้น ชักกระบี่ออกมา จากนั้นร้องตะโกนพุ่งเข้าไปหมายจะฆ่าเขา
มู่จิ่วไม่ได้ออกจากห้องเลยตั้งแต่กลับมาจากเรือนของหลินเจี้ยนหรู
นางก็อยากรู้ว่าจีหมิ่นจวินจะก่อเรื่องอะไรภายใต้สายตานางที่เป็นเจ้าหน้าที่สวรรค์ ถึงแม้ตอนนี้นางกับหลินเจี้ยนหรูนับได้ว่าเดินกันคนละทางแล้ว แต่จีหมิ่นจวินก็ไม่ใช่คนที่ดีอะไร ได้หลักฐานการกระทำผิดจากนางก็ไม่เลว
แต่นางเข้าไปเขตเรือนด้านหน้าไม่ได้ เรือนแต่ละเรือนที่สำนักแรกพยับล้วนสร้างเขตพลังไว้ ดังนั้นพวกเขาปรึกษาอะไรกันนางย่อมไม่รู้
มู่จิ่วจึงรอไปพลาง ครุ่นคิดถึงเหลียงชิวฉานไปพลาง
ก่อนจะพลบค่ำ ฝออิงไปสืบข่าวมาให้เหลียงชิวฉาน มู่จิ่วตามนางมายังเขาพู่กันแดง เดิมทีคิดว่าหลินเจี้ยนหรูสั่งให้เหลียงชิวฉานทำอะไร ทั้งยังคิดว่าเหลียงชิวฉานทำสิ่งเหล่านี้เพราะเขาสั่ง แต่คิดไม่ถึงว่าเขากลับปฏิเสธความหวังดีของนาง
นี่ทำให้นางสับสนอยู่บ้าง มิใช่ว่าเขาเกลียดสำนักแรกพยับหรือ? ด้วยนิสัยของคนเช่นเขา ต้องหลอกใช้นางเสร็จแล้วค่อยกำจัดทิ้งมิใช่หรือ? ทำไมถึงได้ปฏิเสธนาง? เหลียงชิวฉานเองก็ประหลาด นางไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลินเจี้ยนหรูคิดอะไรกับสำนักแรกพยับ กลับยังทำแทนเขาด้วยซ้ำ!
หลังอาหารค่ำมู่จิ่วครุ่นคิดวุ่นวายอยู่ในห้อง กำลังคิดว่าจะพาอาฝูออกไปเดินเล่นรอบๆ ไหนเลยจะรู้ว่าเพิ่งลุกขึ้นมา อาฝูก็พลันกระโดดขึ้นทันที!
“เกิดเรื่องแล้ว พี่สาว!”
มู่จิ่วยังไม่ทันได้ถามกลับ ก็ได้ยินเสียงตู้มดังมาจากเขตเรือนด้านหลัง จากนั้นก็มีเสียงตะโกนดังตามมา!
นางมุ่งไปยังเขตเรือนด้านหลังทันที หยุดอยู่ตรงยอดหลังคา เห็นเรือนที่พักของจีหมิ่นจวินในเขตเรือนด้านหลังติดไฟ เสียงร้องคำรามของจีเทียนอวี้กับเสียงร้องไห้ของจีเพ่ยฟางตามมาติดๆ!
หรือจะเกิดเรื่องกับจีหมิ่นจวิน?
“ใต้เท้า!”
พวกหลี่อี้ก็มาหยุดอยู่ด้านข้างในพริบตา ประตูลานแต่ละบานต่างก็เปิดออก เหล่าศิษย์ของยอดเขาบัวหยกไหลบ่ามาราวกับน้ำ ล้วนมุ่งไปยังเขตเรือนด้านหลัง
มู่จิ่วขมวดคิ้ว ลูบหัวอาฝูที่อยู่ด้านหน้า ก่อนจะมุ่งไปยังที่เกิดเหตุ
คนเหล่านี้ช่างไม่ให้คนเตรียมใจเอาเสียเลย ก่อเรื่องขึ้นจนได้ ดูท่าทางแบบนี้แล้ว สักแปดเก้าในสิบต้องเป็นหลินเจี้ยนหรูแน่!
ทางเขตเรือนด้านหลัง จีหมิ่นจวินกลายเป็นเถ้าภายในเวลาไม่นาน
จีเทียนอวี้กำลังเข้าเข่นฆ่าหลินเจี้ยนหรู ถึงแม้เขาจะเพิ่งเป็นหัวเสิน แต่กำลังที่ปะทุมาจากความโกรธกลับไม่อาจดูแคลนได้เลย! หลินเจี้ยนหรูกับเขาผลัดกันออกกระบวนท่า ผ่านไปสิบกว่ากระบวนท่าก็ยังไม่ได้เปรียบอะไรมาก แต่จีเทียนอวี้สูญเสียการควบคุม หลินเจี้ยนหรูกลับมีท่าทีสบายๆ สีหน้าไม่เปลี่ยน การปะทะกันนี้ช่างทำให้ผู้ชมเหงื่อซึมฝ่ามือ!
“รีบไปเชิญเจ้าสำนักเร็วเข้า!”
หลังจีเพ่ยฟางชิดกำแพง ร้องไห้ตะโกนใส่ศิษย์ทั้งน้ำตา
ศิษย์หลายสิบคนแห่งเขาบัวหยกตกตะลึงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น! มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ตอบสนองเสียงร้องไห้ของนาง และรีบจากไปทันที!
ถึงแม้หลินเจี้ยนหรูจะรู้ว่าเกิดเรื่องแล้ว กลับไม่มีความหวาดกลัวเลย
เหมือนกับเขารอคอยวันนี้อยู่นานแล้ว ความแค้นมีอยู่มาโดยตลอด เพียงแค่บางครั้งก็ควรค่าแก่การอดทน แต่เมื่อคุณค่านั้นหายไป ความแค้นก็ไม่อาจเก็บซ่อนไว้ได้อีก
เขาเคยถูกถามมาก่อน เรื่องที่ทำให้มีความสุขมากที่สุดคือเรื่องอะไร? คลับคล้ายคลับคลาว่าเขาจะตอบไปว่า คือการพบเจอแหล่งน้ำหลังจากเดินกระหายน้ำอยู่ในทะเลทรายครึ่งเดือน คือการที่หญิงมั่นในรักได้เจอกับคนรักที่จากกันไปนาน คือการได้นอนหลับหลังจากทำงานมาตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน และคือการที่คลอดลูกคนแรกได้อย่างปลอดภัยหลังอายุเกินห้าสิบปี
แต่สำหรับเขาในตอนนี้ เรื่องที่มีความสุขที่สุดของเขาคือการที่ได้ฆ่าคนล้างแค้นตามใจปรารถนา!
ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความแค้น แต่เป็นโลกนี้เองที่ไม่เคยให้โอกาสเขาขจัดความเกลียดแค้นออกจากใจ!
เขารู้ว่าต่อไปต้องเผชิญกับอะไร โทสะของหัวชิง วงล้อมของคนทั้งสำนักแรกพยับ การไล่ล่าของเจ้าหน้าที่สวรรค์ เขาไม่มั่นใจเลยว่าจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย แต่เขาลากคนมากมายขนาดนี้มาตายด้วยกันได้ภายในคืนเดียว ก็นับว่าคุ้มค่า!
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ช้าก็เร็ววันนี้จะต้องมาถึง เขาไม่อาจอ้างการเป็นศิษย์ของลู่ยาอาศัยอยู่ในโลกนี้ได้ตลอดไป งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกราเสมอ
แต่เขาก็ไม่เคยใจร้อนมาก่อน! เขาไม่กังวลอนาคตของตัวเอง ราวกับหลังจากฆ่าหลินเซี่ยไปแล้ว เขาก็ไม่กลัวอะไร เขากังวลเพียงว่าจะช่วยนางชิวไม่ทัน และก็ไม่กลัวว่าลู่ยาจะได้ข่าวแล้วมาฆ่าตน เขายังแปลกใจอยู่เลยว่า ทำไมมู่จิ่วรู้เรื่องที่ตนอ้างชื่อเป็นศิษย์ลู่ยาเพื่อหลอกคนแล้ว ลู่ยาถึงยังไม่มาจัดการเขา?
แต่เขารู้ ถึงแม้จะยังไม่มาตอนนี้ ก็คงไม่ห่างจากวันนี้สักเท่าไหร่
เขายินยอมตายจากไปเช่นนี้จริงหรือ? ถึงแม้จะเตรียมใจตายไว้แล้วก็ตาม
การมาถึงของเหลียงชิวฉานได้จุดไฟในใจเขาขึ้นมา
การยั่วยุของจีหมิ่นจวินทำให้เขาคิดอยากฆ่าคน!
หากต้องตาย เขาก็ไม่คู่ควรจะเอาความอัปยศติดตัวไปด้วย
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ลังเลมากมาย เข้ามาหาจีหมิ่นจวินก่อน
หากสามารถหลบหลีกได้แน่นอนว่าดีกับเขา แต่หากหลบหลีกไม่ได้ก็ไม่สำคัญ!
อันที่จริงเขาไม่ชอบสวมหน้ากากเข้าหาคน และยิ่งไม่ชอบหลอกลวงเพื่อให้ได้ความเชื่อถือของหัวชิงด้วย! แต่บางครั้งไม่จำเป็นต้องให้เขาโกหก คนเหล่านั้นก็มักจะหาเหตุผลให้เขาเอง สิ่งที่เขายิ่งชอบคือชีวิตที่ทำตามใจปรารถนา ไม่ว่าฆ่าคนหรือเรื่องอื่นใด
“หลินเจี้ยนหรู!”
จีเทียนอวี้เสียกระบวนท่าแล้ว เขาเพิ่งสบโอกาสจะเอาชีวิตจีเทียนอวี้อย่างสบายมือ กลับมีเสียงดังแหวกอากาศโดยพลัน
ได้ยินเสียงนี้เขาก็ชะงัก หันกลับไปมอง
การหยุดครั้งนี้ทำให้กระบี่แทงทะลุอกเขา! …จีเทียนอวี้มีคุณสมบัติเข้าชิงตำแหน่งเจ้าสำนัก แน่นอนว่าย่อมไม่อ่อนแอ การชะงักกลางคันนี้ทำให้กระบี่แทงทะลุอกเขาได้!
“เจ้าสัตว์เดรัจฉาน! เอาชีวิตแม่ข้าคืนมา!”
เสียงลอดไรฟันของจีเทียนอวี้แผ่วเบาอยู่บ้าง
หลินเจี้ยนหรูรู้สึกเพียงว่าช่วงอกเหมือนถูกทิ่มแทง ก้มหน้าลงไปมองเลือดที่ไหลทะลัก จากนั้นมองไปทางจีเทียนอวี้ที่ระเบิดความโกรธออกมา คลื่นอารมณ์ในดวงตาที่เพิ่งปรากฏในชั่วพริบตานั้นกลับคืนสู่ปกติ เขายกฝ่ามือขึ้นฟาดเข้าไปที่คออีกฝ่าย จากนั้นได้ยินเสียงดัง ‘ปัง’ ร่างของจีเทียนอวี้ก็ถูกเผาเป็นลูกไฟ!
…………………………