ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 370 เรื่องของเจ้า
ยังดีที่เขากลับมาตอนกลางคืนของวันนั้น ในห้องสว่างไสวด้วยโคมไฟ
มู่จิ่วพุ่งเข้าไปหาเขาก่อน “เจ้าจะสอนข้าควบคุมพลังเมื่อไหร่?”
“พรุ่งนี้” ลู่ยาตอบ
“ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่?” มู่จิ่วถามอีก
“อย่างเร็วสิบวัน ช้าหน่อยก็ครึ่งเดือนกระมัง”
มู่จิ่วยังนับว่ายอมรับระยะเวลาเช่นนี้ได้
เพราะความตรงไปตรงมาของเขาที่ถิ่นทุรกันดารทางเหนือเมื่อครั้งก่อน ครั้งนี้นางจึงเลือกเชื่อเขาด้วย
เช้าวันถัดมานางถึงไปที่ห้องเขา
ลู่ยาไม่พูดพร่ำทำเพลง ใช้มือปรับลมปราณแทนนางทันที
หลินเจี้ยนหรูเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เขาไม่อาจล่าช้าได้อีก มู่จิ่วต้องออกไปโดยเร็วที่สุด คดีนี้จำต้องให้นางเป็นคนสะสาง
และเขาก็ต้องกลับไปเป็นลู่ยาคนเดิมเท่านั้น ไม่อาจแทรกแซงความเคลื่อนไหวของ ‘ชายชุดเขียว’ ได้
ผ่านไปสิบวันอย่างรวดเร็ว
มู่จิ่วไม่รู้สึกว่าตนเองมีอะไรเปลี่ยนไป แต่ชายชุดเขียวกลับบอกให้นางไปได้แล้ว
แน่นอนว่านางดีใจมาก แต่ก็รู้สึกว่าท่าทางเขาที่ดีใจจนถึงขั้นอยากเร่งให้นางไปดูประหลาดไม่น้อย หลายวันมานี้เขาไม่ได้ติดต่อเรื่องอื่นใดกับนางเลย พูดได้ว่าจะได้เจอหน้ากันก็ตอนที่เขามาช่วยนางควบคุมพลังเท่านั้น อีกทั้งนางก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ในที่สุดนางก็รู้แล้วว่าเป้าหมายของโคมเหล่านี้คืออะไร ที่แท้ตั้งใจปล่อยนางให้อยู่คนเดียวแต่แรกนี่เอง!
มู่จิ่วไม่สบอารมณ์ แต่เห็นแก่ที่เขาไม่ได้กลั่นแกล้งนาง เรื่องเหล่านี้จะไม่เก็บมาใส่ใจ
หลังจากวันที่สิบสอง เขาก็ลุกขึ้นมา “เจ้าไปได้แล้ว ไปเตรียมตัวเสีย อีกครึ่งชั่วยามข้าจะส่งเจ้าออกไป”
มู่จิ่วไม่มีอะไรต้องเตรียมตัว นางจึงบอก “เจ้าควรจะบอกข้าได้แล้วว่าที่นี่คือที่ไหน?”
นางไม่ถามเรื่องอื่นได้ แต่นางต้องรู้เรื่องที่ที่เขาอยู่ให้ได้
อย่างน้อยในภายภาคหน้าหากนางต้องการมาตามหา จะได้พาลู่ยามาได้เลย
ลู่ยาไม่อยากให้มู่จิ่วมองออก หลายวันมานี้จึงจงใจหลบหน้านาง ตอนนี้นางถามเรื่องนี้ขึ้นมาจึงลังเลเล็กน้อย
“หรือเรื่องนี้ก็บอกไม่ได้ด้วย?”
เขาชะงักเล็กน้อย ก่อนเอ่ย “คลื่นจิตพสุธา ที่นี่คือคลื่นจิตพสุธา”
ไม่ว่าอย่างไรนางก็สงสัยเขาแล้ว หากให้นางนำความสงสัยกลับไปด้วย นางจะต้องติดตามหาเขาไปทั่ว เพื่อฆ่าเขาคืนความเป็นธรรมให้หลินเจี้ยนหรูหรืออะไรก็ตาม เรื่องราวอาจจะยิ่งซับซ้อนยิ่งขึ้น มิสู้บอกนางไปเลย อย่างน้อยจะได้ไม่คิดมากจนทำให้เรื่องที่ต้องทำในมือล่าช้าไป
เป็นอย่างที่คิดไว้ มู่จิ่วตกใจถอยไปสองก้าว
คลื่นจิตพสุธา…
ที่นี่คือคลื่นจิตพสุธา นางมาถึงคลื่นจิตพสุธา!
“หลังจากนี้หมื่นปี หกวิญญาณจะเจอเคราะห์ ช่วงนี้ข้าจึงอยู่ที่นี่ ต้องอยู่เพื่อเสริมพลังของหกวิญญาณให้แข็งแกร่ง”
มู่จิ่วอ้าปากค้าง ไม่รู้จะพูดอะไร!
นางเข้าใจว่าคลื่นจิตพสุธาเป็นเรื่องไกลตัว นางไม่มีทางเกี่ยวข้องอะไรกับสถานที่ต้องห้ามในตำนานแน่นอน แต่คิดไม่ถึงเลยว่านอกจากจะได้เข้ามาที่นี่แล้ว ยังเข้ามาถึงใจกลางของมันด้วย!
มู่จิ่วพลันเข้าใจว่าทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงได้กันดารนัก
คลื่นจิตพสุธาในตำนานมีพลังวิญญาณแข็งแกร่ง ไม่มีสิ่งมีชีวิตในระยะพันลี้ คนที่พลังบำเพ็ญอ่อนแออาจจะสลายกลายเป็นเถ้าถ่านได้ภายใต้แรงกดดันของมัน ทั่วทั้งหกภพมีเพียงที่นี่เท่านั้นที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ แต่นางกลับมาอยู่ที่คลื่นจิตพสุธานี่ ไม่น่าเชื่อว่ามีพลังบำเพ็ญเพียงสามพันปีก็ไม่ถูกแรงกดดันจนสลายเป็นผุยผงไป!
“ดังนั้นเจ้าเลยฝึกพลังอยู่ที่คุนหลุนตะวันออก สั่งให้เสือลายเหลืองหลอมวิญญาณร้าย และยังขโมยหินวิญญาณมารไปจากปรโลกเพื่อมาเสริมกำลังให้กับหกวิญญาณ?”
“จะว่าเช่นนั้นก็ได้” ลู่ยาพยักหน้า
มู่จิ่วไม่อยากจะเชื่อ!
เขาบอกว่าเขาหลอมวิญญาณเพื่อช่วยให้หกวิญญาณผ่านด่านเคราะห์!
เขาล้อเล่นหรืออย่างไร?
เห็นนางเป็นเด็กสามขวบหรือ?
เขาเป็นคนสร้างบาปหนาทำร้ายหลินเจี้ยนหรูจนไร้หนทางหวนกลับ จะมารับหน้าที่ช่วยหกวิญญาณผ่านด่านเคราะห์ได้อย่างไร?!
“เจ้า…”
“เอาละ ไปได้แล้ว”
ลู่ยาไม่ให้โอกาสนางพูดต่อ เรียกกลุ่มเมฆมา จากนั้นก็ส่งนางออกไปนอกวัง
มู่จิ่วยังพูดไม่ทันจบ ดิ้นรนอยากจะกลับไปนัก แต่ด้านหลังราวกับมีแรงดูดมหาศาลฉุดนางออกไปจากวัง!
“เรื่องของเจ้าเถอะ!”
มู่จิ่วด่าเขาอยู่บนเมฆ แต่เมื่อมองไปด้านล่าง ทิวทัศน์กลับค่อยๆ คุ้นตามากขึ้น เมื่อข้ามผ่านถิ่นทุรกันดารทางเหนือไปก็เป็นภูเขาจิตอสุนีบาต จากนั้นเป็นผืนป่าทิวเขาขนาดใหญ่ ต่อไปก็เป็นเส้นทางสู่ประตูสวรรค์แดนใต้แล้ว!
ทางด้านลู่ยารอให้นางจากไป จึงค่อยตามออกไปตามหลัง
เขาต้องรออีกสองวันค่อยปรากฏตัว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นางสงสัย
เมื่อคิดว่าต่อไปเขาจะต้องเจอมู่จิ่วตลอดเช้าค่ำ ทั้งยังเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับ ‘ชายชุดเขียว’ ก็อดไม่ได้ที่จะปวดหัวขึ้นมา ถึงเก็บเรื่องชาติก่อนของพวกเขาไปก่อน หากต้องการปิดบังเรื่องทั้งหมดจากนางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เขาเริ่มรู้สึกเสียใจบ้างแล้ว หากไม่รู้เรื่องทั้งหมด เขาก็คงไม่ต้องสิ้นเปลืองความคิดเช่นนี้
ฝ่ายมู่จิ่วเข้าไปในประตูสวรรค์แดนใต้ เห็นถนนและอาคารที่คุ้นเคย ไม่ได้เดินต่อไปข้างหน้าเมื่อหยุดลง
มู่จิ่วรู้สึกว่าชายชุดเขียวปล่อยนางกลับมาอย่างเร่งร้อน กระทั่งไม่ยอมให้นางพูดจนจบ ไม่ใช่ว่าเขามีเรื่องอะไรปิดบังนางหรือ?
…แน่นอน เขาจะปิดบังกันก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่ทำไมนางถึงรู้สึกอยู่เสมอว่าเรื่องที่เขาปิดบังมีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง? ด้านหนึ่งเขาแสดงออกกับนางเหมือนคุ้นเคยมาก แต่อีกด้านหนึ่งเขากลับหลบหน้านาง จะเป็นไปได้อย่างไรที่เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับนาง? นางรู้สึกว่าเขาเร่งไปจัดการเรื่องอะไรบางอย่าง ทั้งยังให้นางรู้ไม่ได้?
“จิ๋วจิ่ว! เจ้ากลับมาแล้ว? ทำไมมายืนนิ่งอยู่ตรงนี้?”
ตอนนี้เอง เสียงที่เต็มไปด้วยความยินดีดังขึ้นมาด้านหน้า เสี่ยวซิงถือตะกร้าพลางกระโดดโลดเต้นเข้ามาหา!
“เจ้ากลับมาตอนไหน? เรื่องที่สำนักแรกพยับจบแล้วหรือ? ซ่างกวนสุ่นบอกว่าหลินเจี้ยนหรูฆ่าคน ก่อเรื่องใหญ่ รู้กันไปทั้งสวรรค์ ใต้เท้าหลิวมาที่บ้านของเราหลายรอบมาก! อา ลู่ยาล่ะ?”
มู่จิ่วมึนงงกับคำถามที่ร่ายยาวมาราวกับประทัดของนาง ก่อนจะคืนสติกลับมาตอบ “ลู่ยายังไม่กลับมาหรือ?”
“ไม่นี่? เขาไม่ได้อยู่กับเจ้าหรือ?” เสี่ยวซิงทำท่าสงสัย
มู่จิ่วส่ายหน้า
ลู่ยายังไม่ได้กลับมา ดูท่าทางแล้วกระทั่งข่าวก็ยังไม่ส่งกลับมาด้วย เช่นนั้นเวลานี้เขาไปไหนกัน?
ใจของนางเต้นเล็กน้อย มีภาพหนึ่งพาดผ่านเข้ามาในสมอง
“พวกเรากลับบ้านก่อนเถอะ ข้าซื้อถั่งเช่าที่เจ้าชอบกินมาด้วยพอดี!”
เสี่ยวซิงจูงมือนางกลับบ้านด้วยความดีใจ
มู่จิ่วก็ยินดีที่เจอนาง ตลอดทางพูดเรื่องราวในบ้าน ก่อนเอ่ยว่า “ใต้เท้าหลิวเคยมาที่บ้านหรือ?”
“เมื่อวานก็เพิ่งมา! ตอนนั้นข้าไม่อยู่ ซ่างกวนสุ่นเป็นคนต้อนรับเขา น่าจะอยากเจอเจ้าเพื่อคุยเรื่องคดีของสำนักแรกพยับ”
ตอนนี้ไม่รู้ว่าแรกพยับเป็นอย่างไรบ้าง มู่จิ่วก็กังวลเรื่อนี้ จึงรีบเดินเร็วๆ มุ่งตรงกลับบ้านไป
ซ่างกวนสุ่นกับอาฝูออกมารับนางที่ประตูทันที “ในที่สุดเจ้าก็กลับมา! หากไม่มาข้าจะไปหาถึงสวรรค์อันสูงส่งแล้วนะ!”
อาฝูตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ ร้องหงิงๆ พันแข้งขามู่จิ่วไม่ยอมปล่อย
มู่จิ่วรีบพูด “พูดไปพวกเจ้าก็อาจจะไม่เชื่อ ชายชุดเขียวพาข้าไปที่คลื่นจิตพสุธา”
กล่าวจบก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเขาฟังอย่างคร่าวๆ ทุกคนต่างก็รู้เรื่องชายชุดเขียวกับพลังอันยิ่งใหญ่ในร่างนางแล้ว เรื่องเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องปิดบัง แต่เมื่อทุกคนได้ยินว่านางถูกชายชุดเขียวพาไปคลื่นจิตพสุธาก็ตกตะลึงกันอยู่นาน “เจ้าไปคลื่นจิตพสุธาแล้วยังมีชีวิตกลับมาได้?”
…………………………………………