ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 371 จะหลอกใครไม่ง่ายเลย
มู่จิ่วก็ตอบได้ไม่ชัด แต่เรื่องจริงเป็นเช่นนี้
ไม่เพียงนางจะกลับมาจากคลื่นจิตพสุธาอย่างปลอดภัย แต่ยังอาศัยอยู่ที่นั่นถึงครึ่งเดือน เพียงแค่เรื่องนี้ก็เพียงพอให้นางโอ้อวดไปได้อีกนานแล้วกระมัง?
แต่มู่จิ่วคิดว่าเป็นเพราะพลังของชายชุดเขียวแกร่งกล้า ตอนนี้ยังพูดอะไรกับพวกเขามากไม่ได้ พูดไปก็พูดได้ไม่ชัดแจ้ง ตอนนี้จึงปัดเรื่องนี้ทิ้งไปและถามเรื่องสำนักแรกพยับก่อน จากนั้นให้รุ่ยเจี๋ยไปเรียกหลี่อี้มา ที่จริงเมื่อนางกลับมาควรจะรีบไปหาหลิวจวิ้น แต่เรียบเรียงเรื่องราวให้ชัดเจนก่อนค่อยไปจะดีกว่า
ซ่างกวนสุ่นพูด “เจ้าต่อสู้กับหลินเจี้ยนหรู เขาพาเหลียงชิวฉานหนีไป เจ้าก็พลอยหายไปด้วย ตอนนั้นมืดสนิท ทั้งยังสับสนวุ่นวาย ข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้าหายไปได้อย่างไร กำลังจะไปถามหากับพวกผู้อาวุโสสำนักแรกพยับ หลี่อี้กลับบอกว่าเจ้าโดนคนลักพาตัวไป จากนั้นข้าไม่ได้ยุ่งกับเรื่องของสำนักแรกพยับอีก ข้าตามไปยังทางที่พวกเขาชี้ถึงพันสองพันลี้ก็ไม่เจอร่องรอยของเจ้าแม้แต่น้อย ตอนหลังถึงได้กลับมาที่สำนักแรกพยับ”
“หัวชิงตายแล้ว ครอบครัวจีหมิ่นจวินก็ตายหมดสิ้น ภายในสำนักแรกพยับวุ่นวายอยู่หลายวัน ตอนนี้กำลังเลือกเจ้าสำนักใหม่ ถึงแม้จะพูดถึงเรื่องตามฆ่าหลินเจี้ยนหรูทุกวัน แต่กลับไม่เห็นมีใครลงมือเคลื่อนไหวอะไร คิดไปแล้วก็น่าประหลาดใจ เขาฆ่าหัวชิงไปแล้ว ยังจะกลัวกับการฆ่าพวกตัวเล็กตัวน้อยอีกสักหลายคนทำไม? ตอนแรกพวกนั้นรังแกเขาอย่างไร คิดว่าคงยังจำได้แม่นยำ!”
“ดังนั้นตำแหน่งเจ้าสำนักเลยยังไม่มีคนกล้านั่ง ศิษย์ในสำนักก็หลบหนีไปไม่น้อย”
เขาอยู่ที่สำนักแรกพยับหลายวัน หน้าที่คือหาเบาะแส แน่นอนว่าต้องถามเรื่องของหลินเจี้ยนหรูมาด้วย
ทางนี้หลี่อี้ก็พูดเสริม “ใต้เท้ากลับมาก็ดีแล้ว ใต้เท้าหลิวส่งคนมาที่หน่วยของพวกเราทุกวัน ถามว่ามีข่าวคราวของท่านหรือไม่? เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ที่สำนักแรกพยับ ไท่ซ่างเหล่าจวินกำลังกำชับใช้กฎระเบียบภายในสำนัก วังโตวลวี่และสวรรค์ต่างก็กดดันพวกเราให้รีบจับหลินเจี้ยนหรูออกมารับโทษให้ได้”
“เพราะใต้เท้าหลิวมอบคดีนี้ให้ท่านทำ ช่วงนี้จึงได้แต่ถ่วงเวลามาตลอด ดีที่ใต้เท้ากลับมาแล้ว ใต้เท้าหลิวจะได้สบายใจขึ้น”
มู่จิ่วรู้สึกผิดอยู่บ้าง นางไม่ได้ตั้งใจทำคดีนี้แต่แรก แต่หลิวจวิ้นกลับหวังดี คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะทำให้เขาพลอยถูกเร่งรัด นางจึงรีบให้พวกเขาทั้งสองสรุปคดีใหม่อีกรอบ เมื่อตนเองฟังจบก็ไล่ให้แยกย้ายกันไป
ตอนกลางคืนนางเรียบเรียงคดีให้เรียบร้อย วันถัดมาก็นำไปที่หน่วยงาน
ทางลู่ยารอจนมู่จิ่วกลับบ้านไปแล้ว ถึงมุ่งไปยังหงชาง
จื่อจิ้งก็รอเขาอยู่ที่นี่ ทะเลาะกับพวกเจ้าตัวกลมบนภูเขาไปรอบหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าหงจวินพาม้าไปเดินเล่นที่ไหนแล้ว ส่วนจุ่นถีเล่นพิณวาดภาพทุกวัน ไม่ก็นั่งสมาธิสวดมนต์ ไม่เสียเวลาไปเปล่า แต่ละคนต่างก็สบายอกสบายใจนัก ตอนนี้คนที่กังวลที่สุดกลายเป็นลู่ยาไปแล้ว ถึงแม้พลังของเขาจะไร้ขอบเขต ทว่ากลับไม่มีความสามารถในการแสดงละคร ทำอย่างไรถึงจะปิดบังได้อย่างหมดจดต่อหน้ามู่จิ่ว?
บนเขาหลายวันนี้ เขาครุ่นคิดว่าทำอย่างไรถึงจะแสดงท่าทางของคนที่ไม่ได้เจอกันมานานได้ อีกทั้งเรื่องที่หลายวันมานี้เขาทำอะไรมาบ้างด้วย?
แม้การหลอกลวงผู้อื่นจะไม่ถูกต้อง แต่ในเมื่อหนีไม่พ้น เช่นนั้นก็ต้องแสดงให้แนบเนียนหน่อย
ส่วนทางด้านมู่จิ่ว เมื่อมาถึงกองก็มุ่งหน้าไปหาหลิวจวิ้นที่หน่วยลาดตระเวนทันที
ตามที่หลี่อี้และซ่างกวนสุ่นบอก เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ที่สำนักแรกพยับ ทหารสวรรค์จะไม่สนใจได้อย่างไร? แม้เจ้าทุกข์อย่างจีหมิ่นจวินจะตายแล้ว แต่ในเมื่อสวรรค์รับคดีมา และมู่จิ่วก็นำคนไปที่เกิดเหตุด้วย ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่อาจปล่อยไปได้ อีกทั้งเรื่องของหลีหังก็ทำให้ไท่ซ่างเหล่าจวินเสียหน้าไปมากแล้ว เมื่อรู้ว่าบนโลกยังมีศิษย์อย่างหลินเจี้ยนหรูอีก แน่นอนว่าจะปล่อยไปไม่ได้
ทัพทหารสวรรค์ถูกสวรรค์และวังโตวลวี่กดดันมาทั้งสองทาง ไม่อาจไม่รีบเร่งจัดการได้
ตอนนี้อันดับแรกคือต้องตามหาที่อยู่ของหลินเจี้ยนหรู จับเขาได้แล้วก็จะพูดง่ายขึ้น แต่หลิวจวิ้นรอมู่จิ่วมาทั้งเดือนไม่เห็นนางกลับมา จึงคิดจะเปลี่ยนคนทำหน้าที่ เมื่อวานได้ยินว่านางกลับมาแล้วถึงสบายใจขึ้นหน่อย
ครั้งนี้เขายังอยากให้นางจัดการคดีนี้ แต่ไม่ใช่เพราะหวังดีกับนาง แต่หนึ่งเป็นเพราะนางมีประสบการณ์ทำคดีนี้แล้ว สองเป็นเพราะว่าเบื้องหลังนางยังมีลู่ยาอยู่ เมื่อมีลู่ยาช่วยอยู่ข้างๆ ไม่ว่าอย่างไรหลินเจี้ยนหรูก็หนีไม่พ้น ในเมื่อเป็นแบบนี้ เขาจะลำบากเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ทำไม?
แน่นอน เขาต้องถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางในหลายวันที่ผ่านมานี้อย่างเลี่ยงไม่ได้
มู่จิ่วจำต้องเล่าเรื่องที่ถูกชายชุดเขียวลักพาตัวไปคลื่นจิตพสุธา หลิวจวิ้นแสดงอาการตกใจอย่างที่คิดไว้ คลื่นจิตพสุธาเป็นถึงสถานที่ต้องห้ามในหกภพ มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเข้าไปได้ ไม่ต้องพูดถึงมู่จิ่วที่มีเพียงพลังบำเพ็ญเล็กน้อยเท่านั้นเลย แต่เพราะเขาเคยได้ยินนางเล่าเรื่องชายชุดเขียวมาก่อนเช่นกัน กลั้นลมหายใจอยู่ครู่หนึ่งจึงรับทราบได้
“พูดเช่นนี้ ชายชุดเขียวคนนี้ก็เก่งกาจมาก”
“ไม่เพียงเท่านั้น”
มู่จิ่วเล่าเรื่องข่าวที่นางได้มาตอนไปสืบที่แรกพยับ รวมถึงเรื่องที่รู้อยู่ก่อนแล้วว่าหลินเจี้ยนหรูเป็นคนฆ่าหลินเซี่ยและจีหย่งฟาง ทั้งยังเล่าเรื่องที่หลินเจี้ยนหรูเจอมาตอนอยู่ในนรกมาอย่างหมดเปลือก แต่ก่อนแม้นางจะเคยเล่าเรื่องชายชุดเขียวให้เขาฟัง กลับยังไม่เคยเล่าละเอียดขนาดนี้ ตอนนี้ถึงปิดบังไปก็ไม่มีความหมายอะไร
“ชายชุดเขียวผู้นี้ขวางได้กระทั่งลู่ยา ทำให้ข้าตกใจยิ่งนัก ตอนนี้ไม่เพียงยืนยันได้ว่าเขาเกี่ยวข้องกับการกลายเป็นมารของหลินเจี้ยนหรู เกรงว่ามีเพียงเขาที่รู้ที่อยู่ของเฟยอี ข้าไม่รู้เลยว่าเขาคิดจะทำอะไร! เขาบอกว่าเขาจะช่วยให้หกวิญญาณผ่านด่านเคราะห์ แต่ทำไมต้องทำร้ายหลินเจี้ยนหรูด้วย?”
นางกุมหัวอย่างจนปัญญา
หลิวจวิ้นตกตะลึงไปหมดเพราะคำพูดของนาง!
เขาที่แต่ก่อนให้ตายก็ไม่ยอมรับนางเข้ามาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา แต่นางไม่เพียงมีฐานะเป็นคู่หมั้นของเทพบนสวรรค์อันสูงส่ง ทั้งยังไปอาศัยอยู่คลื่นจิตพสุธาที่กระทั่งเซียนชั้นสูงอย่างหลีหังยังยากจะต้านทานได้เป็นแรมเดือน และมีวาสนากับชายชุดเขียวที่เก่งกาจกว่าคู่หมั้นนาง แท้จริงแล้วนางมีที่มาอย่างไรกันแน่?…ใช่แล้ว! ในร่างนางยังมีพลังวิญญาณยิ่งใหญ่ที่สั่นสะเทือนไปทั้งคุนหลุนตะวันออกอีก!
“เจ้า เจ้ามั่นใจนะว่าเรื่องทั้งหมดที่เจ้าพูดมาเป็นความจริง?”
มู่จิ่วเงยหน้าขึ้น เงียบไปนานก่อนเอ่ย “หลอกท่านแล้วจะทำให้ข้าขึ้นเป็นเซียนได้ทันทีหรือ?”
หลิวจวิ้นสะอึก
นางก็ไม่มีเหตุผลที่จะโกหกจริงๆ
อย่างน้อยที่สุดคู่หมั้นของนางคือลู่ยา เรื่องนี้เขาก็ประจักษ์มาด้วยตนเอง
ต้องใช้เวลาชั่วครึ่งถ้วยชาถึงจะทำให้ตนเองสงบลงได้ ก่อนเอ่ย “ตามที่เจ้าพูดมา ที่หลินเจี้ยนหรูเดินมาถึงจุดนี้ได้ ล้วนเป็นเพราะชายชุดเขียว แต่หลินเจี้ยนหรูก็ไม่ได้เสียสติไป เขาทำอย่างไร เลือกเดินทางไหนตัวเขาเองจะไม่รู้เลยหรือ? จะโทษคนอื่นทั้งหมดได้อย่างไร?”
“แต่ถ้าไม่มีพลังของชายชุดเขียว อย่างน้อยเขาก็ไม่กลายเป็นเช่นนี้?” มู่จิ่วถอนหายใจ
นางก็รู้ว่าความผิดทั้งหมดไม่ใช่ของชายชุดเขียว แต่จะผลักภาระไปได้อย่างไร?
หากเขาไม่มอบพลังให้ หลินเจี้ยนหรูจะเปลี่ยนไปเกรี้ยวกราดเช่นนี้ได้อย่างไร?
…แต่เมื่อคิดอย่างละเอียดก็ยากจะบอกได้ว่าความแค้นของพวกเขาอยู่ตรงไหน ถึงแม้หลินเจี้ยนหรูจะไม่ได้ไปล้างบางสำนักแรกพยับ แรกพยับไม่ยอมรับหลินเจี้ยนหรู แต่หากต้องบอกว่ามีคนผิด ก็ควรจะเป็นแรกพยับมิใช่หรือ? ถ้าหลินเซี่ยไม่ปล่อยตัวปล่อยใจแต่แรก หากจีหมิ่นจวินไม่ใช่คนใจคอโหดร้าย บางทีเรื่องทั้งหมดอาจจะไม่เหมือนกัน
……………………………………..