ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 378 พลาดแล้ว
“ลู่ยา!”
นางตะโกนอีกครั้ง ทั้งยังตกตะลึง ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่ก็ตะโกนออกไปแบบนี้!
ชายชุดเขียวหันตัวถอยจากไปโดยไม่มีรีรอ พริบตาเดียวก็หายไปในอากาศ!
“ฆ่าเขา!”
ตอนที่นางมึนงงอยู่นั่นเอง หลิวเติงเจินเหรินพลันเรียกเหล่าผู้อาวุโสแรกพยับให้เข้าโจมตีหลินเจี้ยนหรู!
พลังลมปราณเจ็ดแปดสายพัดพาเอากลุ่มทรายผืนหนึ่งพุ่งเข้าหาหลินเจี้ยนหรู!
“ตายซะ!”
มู่จิ่วที่เกลียดคนลอบฉวยโอกาสที่สุดพลันบันดาลโทสะ เข้าไปขวางหน้าหลินเจี้ยนหรู เงื้อมือขึ้นรับลมปราณนี้แทนเขา ทั้งยังผลักมันกลับไปด้วย!
หลิวจวิ้นก็เข้าโจมตีเหล่าคนจากสำนักแรกพยับเช่นเดียวกัน เหล่าผู้อาวุโสจะขวางทางเทพหญิงแห่งหกวิญญาณและเทพสวรรค์รวมกันได้อย่างไร แต่ละคนต่างก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นกุมอกล้มลงไปกับพื้น! หลินเจี้ยนหรูไม่คิดเลยว่ามู่จิ่วจะช่วยเขาในยามเช่นนี้ เขาที่ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้วเลือดตีขึ้นในอก กระอักเลือดออกมา น้ำตารินไหลอย่างไม่อาจห้าม ร่วงหล่นลงเปื้อนพื้นดินตรงหน้า
พวกศิษย์ที่ล้อมอยู่รอบๆ ทยอยล้มลงเป็นแถบ บนใบหน้าของหลิวจวิ้นเหลือเพียงความน่าเกรงขาม หลังจากถลึงตาใส่พวกเขาแล้วก็ลอยเข้าไปข้างหลินเจี้ยนหรู หยิบเชือกมัดเซียนออกมามัดเขาไว้ ก่อนออกคำสั่ง “พากลับไปสวรรค์!”
หลินเจี้ยนหรูไม่ดิ้นรนอีก โดนลากขึ้นเมฆไป
ตรงที่เดิมนั้นเหลือเพียงคนของสำนักแรกพยับกับมู่จิ่วที่กำลังนิ่งอึ้งอยู่
เมื่อพินิจพิเคราะห์ดีๆ กลางอากาศยังหลงเหลือกลิ่นอ่อนจางของไม้กฤษณา นางจำไม่ผิดแน่ นางไม่อาจจำกลิ่นบนกายลู่ยาผิดไปแน่นอน หรือชายชุดเขียวจะเป็นลู่ยาจริงๆ? หากไม่ใช่เขา ทำไมเขาถึงหันมามองนางอย่างไวว่อง? ทำไมพอได้ยินนางเรียก เขาถึงได้จากไปทันที? เป็นเขาใช่หรือไม่?
นางครุ่นคิดถึงข้อน่าสงสัยเหล่านี้ มือพลันสั่นเทา
ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเคยคาดเดาความเป็นไปได้นี้ไว้นับครั้งไม่ถ้วน แต่เมื่อคิดดีๆ แล้วกลับไม่มีตรงไหนที่สามารถยืนยันข้อสงสัยนั้นได้ ดังนั้นจึงไม่ได้ให้ความสนใจ แต่ตอนนี้ เมื่อครู่นี้ ราวกับว่านางเพิ่งจับความจริงได้…อย่างน้อยนางก็มั่นใจได้ว่าลู่ยากับชายชุดเขียวต้องเกี่ยวข้องกัน มิเช่นนั้นหลังจากที่ลู่ยากลับมาแล้ว ทำไมท่าทีที่มีต่อชายชุดเขียวถึงได้เปลี่ยนไป? และก็ไม่ได้แสดงท่าทีตึงเครียดเท่าไหร่ด้วย?
นอกเสียจากเขาจะเปลี่ยนใจแล้ว
แต่นางรู้ว่าเขาไม่เปลี่ยนใจแน่นอน
นางรู้
ในเมื่อไม่ได้เปลี่ยนใจแล้วยังมองข้ามเรื่องของนาง หรือว่านางไม่ควรจะสงสัยเรื่องนี้?
“กัวมู่จิ่ว เจ้ายังอึ้งอะไรอยู่อีก?” ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่หลิวจวิ้นแบกกระบี่เดินกลับมา
มู่จิ่วคืนสติมองไปรอบๆ เห็นแต่ผู้คนแยกย้ายกันไปแล้ว เหลือเพียงคนบางส่วนช่วยพยุงคนเจ็บเท่านั้น
หลิวจวิ้นขมวดคิ้วมองนางอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ย “ตอนที่คนผู้นั้นเข้ามาในเขตแดน เจ้าเรียกเขาว่าลู่ยา หรือเขาจะคิดว่าเป็นเต้าจู่?”
“ไม่” มู่จิ่วส่ายหน้า เดินไปข้างหน้าสองก้าว หยุดแล้วจึงเอ่ย “ข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร คงเป็นข้าที่มองผิดไปเอง”
ก่อนที่เรื่องราวจะคลี่คลายและมีหลักฐาน นางจะพูดส่งเดชได้อย่างไร?
หลิวจวิ้นก็ไม่ได้ถามต่อ ทำเพียงตามขึ้นมาเอ่ย “ไปเถอะ ต้องกลับไปสอบสวนอีก”
มู่จิ่วพยักหน้า ตามเขาขึ้นเมฆไป
ลู่ยาแอบมองพวกเขาจากไปไกลในมุมมืด อยากจะเคาะหัวตัวเองนัก!
นางมาอยู่สำนักแรกพยับหลายวันนี้ เขาเลยมักจะจับตามองการเคลื่อนไหวของพวกเขาอยู่เสมอ
ตอนนี้เขากับชายชุดเขียวรวมความคิดจิตใจกลับเป็นหนึ่งแล้ว สามารถควบคุมความคิดกับการกระทำของเขาได้ แต่หากไม่ใช่สถานการณ์พิเศษก็ไม่อาจเข้าแทรกแซงเรื่องที่เขาจะทำ หมายความว่าแม้พวกเขาจะรวมจิตเป็นหนึ่งแล้ว เขาใช้ร่างของชายชุดเขียวได้ แต่โดยทั่วไปแล้วยังแยกออกเป็นสองคนอยู่
เรื่องทั้งหมดที่ชายชุดเขียวทำไว้ล้วนทำให้พวกเขาไหลไปตามลิขิตฟ้าตามเหตุและผลของแต่ละคน ผลลัพธ์ไม่ต่างกันมากนัก เพียงแค่เขาใช้พลังของเขาร่นระยะเวลาการเกิดเรื่อง ดังนั้นเดิมทีหลินเจี้ยนหรูควรกลายเป็นมารก่อนถึงจะถูกมู่จิ่วที่เป็นเจ้าหน้าที่สวรรค์สังหาร
แต่เพราะนิสัยของมู่จิ่วในชาตินี้เปลี่ยนไป เรื่องของนางเกี่ยวกับหลินเจี้ยนหรูก็ย่อมเปลี่ยนตาม แต่เดิมเขาที่เข้าสู่หนทางมาร หลังจากสังหารหลินเซี่ยต้องถูกมู่จิ่วช่วยไว้ พอเมื่อได้รับการช่วยเหลือจากลู่ยาให้เลื่อนขั้น จึงไม่ได้เหี้ยมโหดตามที่ชะตาชีวิตกำหนดไว้ นี่ก็ทำให้โชคชะตาของเขาเปลี่ยนไปมีประโยชน์ต่อมู่จิ่ว
ชายชุดเขียวเข้าขวางทางเขาที่ปรโลก ก็เพราะชะตาชีวิตของเขาเปลี่ยนไปมีประโยชน์ต่อมู่จิ่ว ดังนั้นจึงรับปากว่าจะเปลี่ยนจุดจบของเขา ให้เขาได้กลับไปเวียนว่ายตายเกิดแทนการดับสูญ โดยให้เขารับปากว่าจะเป็นมารโดยไวและเดินไปตามทางที่ควรจะเดิน เพราะถึงแม้เขาไม่ทำเช่นนี้ สุดท้ายก็ช่วยไม่ได้อยู่ดี
ถึงแม้เรื่องราวในภายหลังส่วนใหญ่จะเดินไปตามแผนที่เขาวางไว้ แต่การเปลี่ยนแปลงกลับเกิดขึ้นกับฟากมู่จิ่ว
เดิมทีหลินเจี้ยนหรูควรแค้นเคืองขณะอับจนหนทางแล้วเข้าสู่รอยต่อของหกภพ หลังจากฝึกฝนจนกลายเป็นมารที่แท้จริงแล้วที่นั่น ถึงจะตายด้วยเงื้อมมือของมู่จิ่ว แต่คืนวันนั้นพลังของมู่จิ่วระเบิดออกอย่างอันตรายยิ่ง หลินเจี้ยนหรูก็อยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน เขาถึงต้องปรากฏตัวออกไปขวาง
เรื่องราวในภายหลังจึงเสียการควบคุมไปบ้าง เหลียงชิวฉานตายเพื่อหลินเจี้ยนหรู เขาถึงได้บังเกิดคุณธรรมขึ้นในใจเพราะนาง
และนี่ยังทำให้ไม่เกิดเรื่องที่เขาไปฝึกฝนที่รอยต่อของหกภพด้วย
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่บ้าน เขาก็สัมผัสได้แล้วว่าเกิดเรื่องผิดปกติขึ้นกับหลินเจี้ยนหรู เมื่อทำนายดูก็พบว่าเขาหนีออกไปไม่ได้ จึงได้ยืมร่างของชายชุดเขียวปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยเขาในยามคับขัน ไหนเลยจะรู้ว่ามีจุดอ่อนในแผน เขาลืมลบกลิ่นอายบนร่าง! หลังปรากฏตัวครั้งนี้ นางต้องสงสัยเขาแน่ๆ และหากเขาไม่หนีไป โอกาสที่นางจะกดดันจนเขาเผยร่างเดิมออกมามีสูงมาก
ประมาทเสียจนเกิดเรื่องแบบนี้ภายใต้จมูกของเขา!
เขากัดฟันจนแทบแหลก ก่อนจะใช้กำปั้นทุบลงไปบนต้นไม้ด้านหน้า
คดีของแรกพยับนับว่าลุล่วงแล้วส่วนหนึ่ง แต่ยังคงต้องสืบสวนต่อ ด้วยความซับซ้อนระหว่างนั้น ทำให้ไม่อาจปิดคดีได้เร็วนัก
แน่นอนว่าเพราะหลิวจวิ้นเตรียมการไว้ถึงได้เป็นเช่นนี้ หากไม่แล้วละก็ ด้วยการกระทำโหดเหี้ยมไม่ยำเกรงของหลินเจี้ยนหรู เขาย่อมต้องถูกทำลายจิตต้นกำเนิดและรากฐานเซียนไปในทันที ไม่ใช่ว่าสวรรค์ไม่อาจยอมลงให้กับพวกมาร แต่เซียนมีหนทางของเซียน มารมีหนทางของมาร คำสอนของภพมารอิสระไร้แบบแผน แต่ก็ไม่ใช่สอนให้เข่นฆ่า
หลินเจี้ยนหรูถูกนำตัวไปจองจำในคุก มู่จิ่วกับเฉินอิงเป็นคนพาไป
เขาเงียบมากตลอดทางเดิน ป๋ายเจ๋อกับเถิงเส๋อที่ทางเข้ายังคงกระทบกระทั่งกัน เมื่อเห็นคนมาใหม่กลับเข้ามารับพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แต่ยังไม่ทันเดินผ่านทั้งสองก็เริ่มทะเลาะกันอีกครั้ง
ในคุกมีคนที่หลิวจวิ้นเลือกไว้อยู่เฝ้าคุม ศิษย์ลัทธิฉ่านมีมากมาย ต้องป้องกันไม่ให้พวกผู้อาวุโสของแรกพยับติดสินบนเข้ามาทำเรื่องร้ายแรง
และตอนกลางดึก ทางด้านแรกพยับก็เพิ่งได้รับคำสั่งจากพลลาดตระเวนซึ่งมู่จิ่วส่งมาด้วยตนเอง ห้ามไม่ให้คนทั้งหมดในสำนักออกไปข้างนอกจนกว่าคดีจะสิ้นสุด เนื่องด้วยแรงจูงใจในการเข่นฆ่าของหลินเจี้ยนหรู คนทั้งหมดบนเขาล้วนมีโอกาสถูกเรียกตัวทุกเมื่อ
ตอนนี้คนทั้งหมดต่างก็หวาดกลัว แบบนี้เรียกว่ากลัวความผิด เมื่อก่อนตอนที่ทำร้ายหลินเจี้ยนหรู มีใครไม่เคยลงมือบ้าง?
วันถัดมา สหายเก่าแก่ต่างก็ถามถึงหลินเจี้ยนหรู ทำหน้าหนามาถามข่าวกับนาง มู่จิ่วไม่สนใจ หันหนีไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
มู่จิ่วมุ่งหน้ากลับบ้านทันทีหลังกลับมาจากสำนักแรกพยับ
สวรรค์ในยามค่ำอบอวลไปด้วยไอเซียน เสียงดนตรีลอยแว่วมา บ้านสกุลกัวด้านหลังป่าไผ่แผ่ความสงบสุขออกมาภายใต้ความเงียบงัน แสงโคมสีเหลืองนวลส่องสว่างหลายดวง มองไปแล้วทำให้หัวใจอบอุ่น
……………………..