ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 389 สถานการณ์พลิกผัน
คิ้วของมู่จิ่วยิ่งขมวดแน่น
หากตระกูลจีไม่อยู่กันหมดแล้ว คดีนี้ก็ยิ่งถอยหลังเข้าคลอง
การถอยหลังเข้าคลองนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อหลินเจี้ยนหรู วันสำเร็จเป็นเซียนของนางก็จะยิ่งห่างออกไป หรือว่าจะต้องใช้ไม้แข็งกับแรกพยับแล้วจริงๆ?
นางไม่อยากลงมือโดยไม่เลือกวิธีการ
หลังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ชื่อของคนผู้หนึ่งกลับแล่นเข้ามาในความคิด…จีหย่งฟาง!
ใช่แล้ว จีหย่งฟาง!
นางลืมชื่อนี้ไปได้อย่างไร?!
มู่จิ่วรีบพลิกไปที่หน้าของจีหย่งฟาง และก็ไม่ทำให้นางผิดหวังจริงๆ! ตระกูลใหญ่ของจีหมิ่นจวินมีเพียงจีหย่งฟางเท่านั้นที่ตายด้วยเงื้อมมือของหัวชิง อีกทั้งหัวชิงก็เพียงผลักนางเข้าไปในหลุมตัดวิญญาณเท่านั้น ไม่ได้ทำลายจิตต้นกำเนิดของนาง ไม่ได้ตัดทางเวียนว่ายตายเกิด! จิตใจที่สงบลงมาร่วมเดือนของมู่จิ่วตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้งเพราะเรื่องนี้!
“วิญญาณของจีหย่งฟาง ไม่รู้ว่าสามารถพาไปสอบปากคำที่สวรรค์ได้หรือไม่?”
พูดกันชัดๆ วังพญายมก็เป็นหนึ่งในหน่วยของสวรรค์ หากทัพทหารสวรรค์ต้องการพาวิญญาณไปร่วมทำคดีอาจไม่มีอุปสรรค์ใด
แต่หลังจากที่พญายมดูแล้วกลับเอ่ยว่า “เกรงว่าจะไม่ได้?”
มู่จิ่วกำลังจะขมวดคิ้ว เขาก็ชี้ไปบนหน้ากระดาษ ก่อนพูดต่อ “ใต้เท้าโปรดดู วิญญาณของจีหย่งฟางกลับไปเวียนว่ายตายเกิดแล้ว ตอนนี้ไปเกิดเป็นคนรับใช้ของตระกูลพ่อค้า…ในเมื่อลงไปเกิดแล้วย่อมไม่มีเหตุผลที่จะนำวิญญาณกลับมา นี่เป็นเรื่องผิดกฎ”
มู่จิ่วนิ่งอึ้ง นางคาดไม่ถึงว่าจีหย่งฟางจะไปเกิดใหม่แล้ว…
ความตื่นเต้นในตอนแรกมอดดับไปทันที
“แต่ใต้เท้าไม่ต้องร้อนใจไป” พญายมรีบเอ่ยปลอบ “จีหย่งฟางผู้นี้แม้ชาตินี้จะไปเกิดเป็นข้ารับใช้ตระกูลพ่อค้า แต่ชาติก่อนได้ทำเรื่องผิดคุณธรรมไว้มาก ปรโลกมีบันทึกไว้ถึงได้ตัดสินโทษให้นาง ข้าจะไปที่กรมตัดสินคดี เอารายละเอียดมาให้ใต้เท้า ท่านนำบันทึกกลับไปอาจจะมีประโยชน์”
จิตใจของมู่จิ่วดีขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี! แต่ไม่น่าเชื่อเลย หลังจากตายจีหย่งฟางก็มาที่ปรโลก เรื่องแรกที่ทำคือโดนสอบสวน การกระทำของทั้งชีวิตนี้ล้วนถูกบันทึกในสมุดคุณงามความดี หากนางไม่ได้เล่าเรื่องที่เคยทำกับหลินเจี้ยนหรูทั้งหมด จะไปเกิดเป็นข้ารับใช้ของพ่อค้าได้อย่างไร?
ชาติก่อนนางทำกับหลินเจี้ยนหรูไว้น้อยเสียเมื่อไหร่? เพียงแค่เรื่องที่ทำร้ายเขานอกประตูสวรรค์แดนใต้กับเรื่องที่เคยคิดฆ่าเขาก็พอที่จะชี้ปัญหาได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหลินเจี้ยนหรูเคยอยู่ที่แรกพยับถึงสองร้อยปี! ในสองร้อยปีนี้สามารถทำเรื่องได้มากน้อยเท่าไหร่?
นางวางใจแล้ว จึงรีบขอบคุณ มองส่งพญายมที่เดินออกไป
รอประมาณเวลาครึ่งถ้วยชา พญายมก็เดินเร็วๆ กลับมา หยิบม้วนบันทึกมาให้นางด้วยม้วนหนึ่ง “กรรมของจีหย่งฟางทั้งหมดอยู่ในนี้”
มู่จิ่วนำมาดู ประสานมือขอบคุณเขา เมื่อขอบคุณเสร็จก็มุ่งหน้ากลับสวรรค์
หลิวจวิ้นเลิกงานกลับมาพอดี เมื่อฟังเรื่องที่มู่จิ่วเล่าจบก็ตื่นเต้นยินดีเช่นกัน! จีหย่งฟางก็เป็นหนึ่งในผู้กระทำผิด คำให้การของนางมีผลเช่นเดียวกับคำให้การของจีหมิ่นจวิน
“ข้าจะทำสรุปก่อน พรุ่งนี้เช้าเจ้ามาหาข้าที่หน่วย” หลิวจวิ้นเอ่ยขึ้นหลังนั่งกลับลงไปตรงโต๊ะทำงาน
มู่จิ่วรู้ว่าเขายุ่งจึงไม่กล้ารบกวน และจากมาด้วยความยินดี
เมื่อกลับถึงบ้าน ลู่ยากำลังรอนางอยู่ เมื่อเห็นนางเดินเข้ามาถึงรีบเข้าไปรับ “เจ้าไปทำอะไรที่ปรโลก?”
มู่จิ่วเล่าเรื่องที่ไปหาคำให้การของจีหย่งฟาง ลู่ยาฟังจบก็เอ่ยช้าๆ “ในเมื่อคำให้การของจีหมิ่นจวินมีประโยชน์ เช่นนั้นคำให้การของเหลียงชิวฉานก็มีประโยชน์เหมือนกันหรือ?”
“แน่นอนว่ามี!” มู่จิ่วได้ยินเขาเอ่ยชื่อเหลียงชิวฉาน ดวงตาก็เป็นประกาย “ตำแหน่งยิ่งสูงกว่า เคยเกี่ยวข้องกับเขามาก คำพูดยิ่งมีน้ำหนัก คำให้การของเหลียงชิวฉานย่อมมีประโยชน์แน่!” พูดถึงตรงนี้นางก็ยืนขึ้นมา “เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าคงต้องไปปรโลกอีกรอบ ดูว่าสามารถนำจิตต้นกำเนิดของหัวชิงออกมาได้ด้วยหรือไม่!”
หากมีคำให้การของจิตต้นกำเนิดหัวชิง เช่นนั้นคดีของหลินเจี้ยนหรูก็จะผลิกผันแล้ว! เพราะเขาเคยเป็นถึงเจ้าสำนักแรกพยับ!
พูดไปนางก็ทนรอไม่ไหว ฝากฝังอย่างลวกๆ ทีหนึ่งก็ออกไป
ลู่ยาคิดจะเรียกนางเพื่อพูดอะไรบางอย่าง แต่นางกลับหายไปแล้ว
มู่จิ่วมุ่งตรงไปยังปรโลกเก้าแดน
พญายมเห็นนางกลับไปแล้วกลับมาอีกจึงอดกังวลไม่ได้ รอจนนางบอกที่มาจนกระจ่างถึงค่อยยิ้มเอ่ย “ใต้เท้ามาได้จังหวะพอดี รายชื่อคนตายยังอยู่ในมือข้า ยังไม่ได้คืนไป ข้าจะเอามันออกมาให้ท่านดู”
เขาหมุนตัวกลับไปที่โต๊ะทำงาน หยิบรายบัญชีชื่อออกมา พลิกไปยังสักหน้าก่อนเอ่ย “วิญญาณของหัวชิงเจินเหรินยังอยู่ที่ปรโลก ท่านเพียงแสดงคำสั่งเรียกตัวในฐานะเจ้าหน้าที่สวรรค์ก็พอ ส่วนเหลียงชิวฉานนั้น…” พูดถึงตรงนี้เขาก็ขมวดคิ้ว พลิกไปหลายหน้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“เหลียงชิวฉานทำไมหรือ?” มู่จิ่วรีบถาม
พญายมเงยหน้าขึ้นมา “อายุขัยของเหลียงชิวฉานหมดแล้ว แต่วิญญาณของนางไม่ได้อยู่ที่นี่”
“ไม่อยู่?” มู่จิ่วอึ้งไป
โดยปกติแล้ว เมื่อวิญญาณทั้งหมดในหกภพหลุดออกจากร่างแล้วและไม่ได้ถูกควบคุมจะต้องถูกขังอยู่ในปรโลก เหลียงชิวฉานตายแล้ว จะไม่อยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
นางรับรายชื่อมา พลิกดูด้วยตนเอง
เห็นเพียงบันทึกหลังจากที่นางสิ้นชีวิตว่างเปล่า!
จะเป็นไปได้อย่างไร? จิตต้นกำเนิดของพวกจีหมิ่นจวินแตกสลายไปแล้ว หน้ากระดาษถึงได้ว่างเปล่า แต่เหลียงชิวฉานตายด้วยเงื้อมมือนาง ตอนนั้นนางลงมืออย่างไว้ไมตรี ไม่ได้ทำลายจิตต้นกำเนิดของเหลียงชิวฉาน แล้วนางไปอยู่ไหน?
“มีหนทางตามหาหรือไม่?” นางถาม
พญายมพยักหน้า เดินเข้าไปหยิบของวิเศษออกมา ลงมืออยู่ครู่หนึ่งกลับเอ่ยว่า “แปลกนัก กระดิ่งขังวิญญาณของข้าหานางไม่พบ!”
มู่จิ่วเอ่ยไม่ออก เหลียงชิวฉานหายตัวไป?
เมื่อไม่ได้ผลจึงเงียบไปครู่หนึ่ง ทำได้เพียงขอวิญญาณหัวชิงมาก่อน โดยให้พวกภูตผีชั้นล่างพากลับสวรรค์ไป
ชาติก่อนหัวชิงเป็นเซียน ทั้งยังไม่ได้ทำบาปอะไรหนักหนา ตายแล้วจึงได้รับการปฏิบัติที่ดีหน่อย ตอนที่มู่จิ่วเจอเขา ท่าทางเขายังสุขสบายดี แววตาไม่มั่นคง เห็นชัดว่ายังมองนางเป็นพวกเดียวกับหลินเจี้ยนหรู
มู่จิ่วไม่ได้พูดอะไรกับเขา เมื่อมาถึงสวรรค์ก็ส่งเขาให้หลิวจวิ้น เล่าเรื่องการไปครั้งนี้ให้ฟัง หลิวจวิ้นพอใจที่ได้หัวชิงมา ส่วนเหลียงชิวฉานหายไปที่ไหนนั้น ตอนนี้เขาไม่ได้ใส่ใจ
มู่จิ่วนำความสงสัยกลับบ้านไป เท้าคางอยู่ตรงขอบหน้าต่างพลางครุ่นคิด
ตอนนั้นเหลียงชิวฉานถูกหลินเจี้ยนหรูพาตัวไปแล้ว เขาคงไม่ได้ทำลายจิตต้นกำเนิดของนางหรอกกระมัง?
นางไปที่ไหนกันแน่? หรือนางก็เหมือนกับเฟยอี…
“พาคนมาได้หรือไม่?”
ตอนนี้เอง ลู่ยาถือถาดขนมเข้ามา ส่งให้นางพลางถาม
มู่จิ่วถอนหายใจ หยิบขนมกุ้ยฮวามาไว้ในมือ ตอบว่า “พาหัวชิงกลับมาได้แล้ว แต่เหลียงชิวฉานกลับหายไป”
ลู่ยายกริมฝีปากมองนาง หยิบขวดขนาดเล็กจากอกเสื้อออกมา “ทำไมเจ้าถึงไม่ถามข้า?”
มู่จิ่วชะงักไป ลู่ยาจึงพูดต่อ “นี่คือวิญญาณของเหลียงชิวฉาน ตอนที่นางตายข้านำวิญญาณนางมาด้วย ภายหลังได้นำร่างของนางไปไว้ที่คุนหลุนตะวันออกแล้วหล่อเลี้ยงไว้ด้วยพลังวิญญาณ ไม่ว่าเจ้าพาวิญญาณนางกลับทัพสวรรค์ไปตอนนี้ หรือจะรอให้วิญญาณนางกลับเข้าร่างก่อนแล้วค่อยไป ทั้งสองอย่างก็เหมือนกัน
……………………………..