ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ - ตอนที่ 836 ความสำเร็จที่ไม่คาดฝัน
เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดเลยว่าหกในเจ็ดคนของพวกระดับ B ถูกกำจัดไปแล้ว
ในตอนแรกพวกเขาต้องรับมือเพียงแค่กระบี่เฉวียอินและพลังธาตุน้ำของหลี่ว์ซู่เท่านั้น พวกเขาคิดว่าตนเองมองวิธีการโจมตีของหลี่ว์ซู่ออกแล้ว แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่พวกเขารู้เป็นเพียงแค่ส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น…
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ขว้างเต้าหู้เหม็นใส่พวกเขาในระหว่างการต่อสู้…
ในขณะนี้ระดับ B คนสุดท้ายรู้แล้วว่าพวกเขาประเมินศัตรูผิดไป เขาคงจะถูกฆ่าตายเช่นกันถ้าไม่ใช่เพราะเขาระมัดระวังตัว! แต่ถึงอย่างนั้นอวัยวะภายในของเขาก็ฉีกขาดทั้งหมด
และที่น่ากลัวกว่านั้นคือเด็กที่อยู่ข้างหลังเขานั้นรวดเร็วกว่าเขาด้วยซ้ำ!
ลางร้ายผุดขึ้นในใจเมื่อเขาได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ใกล้ๆ
เขาพยายามอย่างเต็มที่ในการระบุตำแหน่งและทิศทางของแม่น้ำ เพื่อจะได้วิ่งหนีจากที่นั่นไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ มิฉะนั้นโอกาสในการอยู่รอดของเขาจะลดลงจากน้อยนิดจนเป็นศูนย์
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเด็กคนนี้ถึงแข็งแกร่งกว่าพวกเขานัก ทั้งๆ ที่ก็อยู่ระดับ B เหมือนกัน!
ในตอนที่ระดับ B คนที่สี่ตาย เขาเห็นด้วยตาตัวเองว่าเด็กคนนี้หักกระบี่ยาวด้วยมือเปล่า ทั้งๆ ที่กระบี่นั้นก็เป็นกระบี่คุณภาพดี ไม่ใช่กระบี่ทั่วๆ ไปที่มอบให้พวกผู้บำเพ็ญลับ!
ดังนั้นนี่จึงทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังต่อสู้กับระดับ A
ความรู้สึกหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วจิตใจของพวกเขา เมื่อพวกเขาตระหนักได้ว่าเด็กคนนี้น่าจะเป็นรองแค่ระดับ Aเท่านั้น!
ขณะนี้เขาได้ยินเสียงฟ้าร้องดังขึ้นบนท้องฟ้า เขามองขึ้นไปที่หมู่เมฆด้วยความดีใจ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถบอกถึงตัวตนของจุดสีดำเล็กๆ นั้นได้จากที่ไกลๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจก็คือ นั่นคือระดับ A ที่มาช่วยเขา!
เขาจะมีชีวิตอยู่ต่อตราบเท่าที่เขาสามารถยืนหยัดอยู่ได้อีกสามนาที!
แต่…สายเกินไปแล้ว
ผู้มีพลังระดับ B ได้แค่มองในขณะที่กระบี่บินสองเล่มแทงทะลุร่างของเขา ทันใดนั้นเขาก็ไร้ซึ่งความยินดีและความโกรธเกรี้ยว
ในขณะเดียวกันหลี่ว์ซู่ที่ยืนอยู่บนทางลาด กำลังจ้องมองไปในยังที่ที่ระดับ A กำลังใกล้เข้ามา นั่นอาจจะเป็นหัวหน้าบาทหลวงหรือไม่ก็นักบุญ แต่เมื่อบุคคลนั้นเข้ามาใกล้ หลี่ว์ซู่ถึงได้รู้ว่านั่นคือฟรานเชสโก!
ฟรานเชสโกขึ้นสู่ระดับ A ตั้งแต่เมื่อไหร่!
หลี่ว์ซู่ตะโกนสุดเสียงเข้าไปในตราแผ่นดินของเขา “ตื่นได้แล้วฮุ่นตุ้น! เรามีแขก! ฮุ่นตุ้น! เจ้าบ้าเอ๊ย!”
ในวินาทีต่อมาเขารีบหมุนตัวไปยังทิศทางของแม่น้ำ มันอยู่ที่ไหนนะ? ใช่แล้ว ทางตะวันออก!
เขามีความมั่นใจในการตามล่าพวกระดับ B คนอื่นๆ
แต่นั่นจะกลายเป็นคนละเรื่องไปเลยกับการที่มีระดับ A อยู่ที่นี่
ทันทีที่หลี่ว์ซู่กระโดดลงไปในแม่น้ำ ฟรานเชสโกก็พุ่งเข้าหาเขาจากฝั่งแล้ว อย่างไรก็ตาม ความเงียบสงบกลับคืนสู่แม่น้ำหลังจากรอยเลือดและหลี่ว์ซู่หายไปอย่างไร้ร่องรอย!
ฟรานเชสโกลงไปในน้ำด้วยใบหน้าน่ากลัว ร่างกายของเขาล้อมรอบด้วยแสงสีเงินซึ่งทำให้การเคลื่อนไหวใต้น้ำของเขาเร็วเกือบเท่าความเร็วของเขาบนพื้นดิน
หลี่ว์ซู่รู้ดีว่าน้ำไม่สามารถขัดขวางการเคลื่อนไหวของพวกระดับ A ได้ ย้อนกลับไปที่ลบนัวร์ เขาได้เห็นว่าเฉินไป่หลี่สามารถใช้พลังในทะเลได้อย่างเต็มที่เพียงใด
แต่จริงๆ แล้วเป้าหมายของหลี่ว์ซู่ไม่ใช่การทำให้ฟรานเชสโกเคลื่อนที่ได้ช้าลง แต่เขาต้องการทำให้ตัวเองคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นต่างหาก!
ฟรานเชสโกดูเหมือนจะโกรธ หลี่ว์ซู่สัมผัสได้ถึงระยะห่างอันน้อยนิดระหว่างพวกเขาทั้งคู่ เขาจะถูกจับได้ในไม่ช้าถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง!
หลี่ว์ซู่ถอนหายใจ ไม่มีทางเลือกแล้ว เขาต้องเปิดเผยตัวเอง
ทันใดนั้นกระบี่แสงสีม่วงกว่าสิบสายก็พุ่งออกมาจากร่างของหลี่ว์ซู่ในขณะที่เขาแยกตัวเองออกจากสายน้ำ
ในเวลาต่อมากระบี่แสงดึงเอาตาข่ายไฟฟ้าออกมา และแยกแม่น้ำออกเป็นสองส่วน จับฟรานเชสโกไว้!
ฟรานเชสโกตกตะลึง ฉากนี้น่าจดจำเกินไปสำหรับเขา…การต่อสู้ในแอฟริกา…
ในขณะนั้นฟรานเชสโกรู้สึกตื่นเต้นที่ปริศนาถูกไขแล้ว…
หลี่ว์ซู่ที่กำลังบ้าคลั่งควบคุมการไหลของน้ำและเร่งเคลื่อนที่ไปตามแม่น้ำเหมือนตอร์ปิโด เขาปล่อยกระบี่แสงออกมาอีกสองสามสายเป็นครั้งคราวเพื่อทำให้ฟรานเชสโกช้าลง
แต่กระบี่แสงของเขามีจำนวนจำกัด ถึงแม้ว่าเขาจะมีต้นแบบกระบี่มากกว่าสองพันเล่ม แต่เขามีกระบี่ที่มีสายฟ้าเพียงแปดร้อยเท่านั้น…
ระหว่างการไล่ล่าอย่างบ้าคลั่ง จู่ๆ เขากลับมาในทะเลแล้ว!
ฟรานเชสโกไม่ได้ใช้การไล่ล่าบนท้องฟ้า เพราะจะเป็นการยากที่จะระบุตำแหน่งของเด็กชายในมหาสมุทรลึกจากด้านบน
แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจมดิ่งลงไปในมหาสมุทรแปซิฟิก เรือบรรทุกสินค้าสามลำทางด้านหน้าก็ดึงความสนใจของหลี่ว์ซู่ไปจนหมด
เขาโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำเพื่อดูให้ชัดขึ้น และเขาต้องรู้สึกประหลาดใจเพราะบนตัวเรือมีสัญลักษณ์ของอาณาจักรมืดอยู่!
เขารู้สึกมานานแล้วว่าอาณาจักรมืดไม่ใช่องค์กรที่มีเมตตา และในตอนนี้พวกเขาก็กำลังแล่นเรือไปยังท่าเรืออาร์เตม มีเหตุผลดีๆ อะไรที่ทำให้พวกเขาทำเช่นนี้?
ทำยังไงดี เขาควรจมเรือรึเปล่านะ
หลี่ว์ซู่ลองประเมินตำแหน่งและขนาดคร่าวๆ ของเรือบรรทุกสินค้า…เรือเหล่านี้ต้องมีของดีอยู่ข้างในอย่างแน่นอน! ถูกต้องแล้ว หลี่ว์ซู่จะต้องรู้สึกเสียดายของที่อยู่ข้างในแน่ๆ ถ้าเขาจมเรือโดยไม่ได้อะไรเลย…แต่เขาไม่สามารถใส่เรือทั้งลำเข้าไปในตราแผ่นดินของเขาได้เพราะต้องมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนเรืออย่างแน่นอน!
แต่เดี๋ยวก่อน…ทำไมสิ่งมีชีวิตถึงเข้าไปอยู่ในคลังไร้รูปไม่ได้ แต่นั่นหมายถึงอุปกรณ์ของคนอื่น ไม่ใช่สำหรับของหลี่ว์ซู่!
ในตอนที่ฮุ่นตุ้นยังเป็นแค่ ‘วัตถุ’ หลี่ว์ซู่เก็บมันไว้ข้างในได้โดยไม่มีปัญหา และหลังจากที่มันฟื้นคืนชีวิต มันก็ยังคงอยู่ในตราแผ่นดินของเขาได้…
จริงๆ ตอนนี้ฮุ่นตุ้นกลายเป็นสิ่งมีชีวิตแล้ว!
แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่แน่ใจว่า หรือนั่นอาจจะเป็นเพียงเพราะลักษณะเฉพาะของฮุ่นตุ้น…
อย่างไรก็ตาม…
เขาวางมือบนเรือบรรทุกสินค้าลำหนึ่งที่กำลังแล่นผ่านมา…
[ได้แต้มจากฟรานเชสโก รุสโซ่ +666!]
ฟรานเชสโกแทบจะหยุดชะงักด้วยความตกใจเมื่อเขาเห็นด้วยตาตัวเองว่าหลี่ว์ซู่สามารถย้ายเรือบรรทุกสินค้าได้ภายในเสี้ยววินาที …
นี่มันบ้าไปแล้ว!
นี่มันไร้สาระสิ้นดี เรือบรรทุกสินค้าขนาดมหึมาจะหายไปได้อย่างไร
จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็พุ่งเข้าหาเรือลำที่สองและสาม…เขามั่นใจว่าเขาจะไม่นับผิดในครั้งนี้
เมื่อเรือทั้งสามลำได้รับการจัดเก็บอย่างเหมาะสมในตราแผ่นดินของเขาแล้ว หลี่ว์ซู่ก็ปล่อยกระบี่แสงที่เหลือออกมาทั้งหมด พร้อมๆ กับดำดิ่งลงสู่ห้วงลึกของมหาสมุทรด้วยความเร็วสูงสุดจนกระทั่งรอดพ้นสายตาของฟรานเชสโก!
ในขณะเดียวกันการประชุมอาณาจักรมืดก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ทันใดนั้นชายที่อยู่ตรงหัวมุมก็ได้รับสายเรียกเข้า ในวินาทีต่อมาการสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาไม่ได้สุขุมและมั่นใจเหมือนที่เคยเป็น…
ที่ป้อมปราการหลังพยัคฆ์ โยวหมิงอวี่ได้รับรายงานข่าวกรองฉบับใหม่ ขณะที่กำลังอ่านอยู่นั้น เขาก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความไม่เชื่อ “เรือบรรทุกสินค้าสามลำจากอาณาจักรมืดหายไป ฟรานเชสโกกลับไปที่ตั้งค่ายและยอมรับด้วยตนเองว่าหลี่ว์ซู่เป็นคนนำเรือทั้งสามลำใส่เข้าไปในคลังไร้รูปของเขา บนเรือมีเสบียงชุดใหม่และอาวุธมาตรฐานอีกกว่าสามหมื่นชิ้น…”
เฉินจู่อานพึมพำด้วยความตกใจ “ฉันเดาว่าพี่ซู่ต้องการที่จะทำให้พวกองค์กรต่างชาติอดตาย ว่าแต่เขาระบุที่อยู่ของเสบียงทั้งหมดได้ไงน่ะ?!”
แต่นั่นไม่ใช่คำถามที่สำคัญที่สุด สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกงงงวยที่สุดก็คือหลี่ว์ซู่รู้ได้อย่างไรว่ามีเรือบรรทุกสินค้าที่บรรทุกเสบียงเข้ามาที่ท่าเรือ
ในความเป็นจริงแล้วหลี่ว์ซู่ไม่รู้อะไรเลย เขาก็แค่โชคดีเท่านั้น…