ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ - ตอนที่ 868 พลังที่ระเบิดออก
หลี่ว์ซู่รู้ว่าอาจจะมีสงครามเกิดขึ้นที่นี่ แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้!
เขามองไปที่ลูกธนูที่ยังสั่นไหวและพยายามประเมินพลังของมัน ถึงแม้กำแพงอิฐจะอ่อนแอ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถยิงธนูทะลุผ่านมาได้ และหลังจากธนูสีดำทะลุผ่านกำแพงเข้ามา มันยังพุ่งเข้าใส่เตียงคั่งและยังมีพลังเหลืออยู่
ก่อนที่หลี่ว์ซู่จะวิเคราะห์สถานการณ์เสร็จ จู่ๆ จางเว่ยอวี่ก็พูดขึ้นว่า “เป็นยอดฝีมือระดับสี่จากทัพเฮยอวี่ ลูกธนูพุ่งมาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ พวกนี้น่าจะเป็นหน่วยสอดแนมชุดแรกซึ่งมาจากเทือกเขา ในสถานการณ์ปกติ หน่วยสอดแนมจากทัพเฮยอวี่ จะประกอบด้วยทหารระดับสี่หนึ่งคนและระดับห้าสี่คน พวกเขาล้วนเป็นทหารที่เก่งกาจที่สุดของกองทัพ!”
หลี่ว์ซู่ตกใจจนพูดไม่ออก เขามองไปที่จางเว่ยอวี่ ในตอนแรก เขารู้ว่าจางเว่ยอวี่ไม่ใช่คนธรรมดา ถึงแม้เขาจะล้มเลิกกลางคัน แต่เขากลับสามารถอธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้จากลูกธนูเพียงดอกเดียว เขารู้มาตั้งแต่ต้นแล้ว!
ก่อนที่หลี่ว์ซู่จะได้พูดอะไร จางเว่ยอวี่คลานไปตามพื้นตรงไปที่ประตู “รีบหนีเร็ว พวกเขายังอยู่ไกลออกไปอีกเก้าสิบเก้ากิโลเมตร พวกนั้นจะไม่ผลีผลามเข้ามา ตอนที่พวกเราออกไป พวกเราต้องรีบให้มากขึ้น อาจจะมีคนคอยเฝ้าตอนที่เราออกไป ธนูดอกนี้อาจจะไม่ได้ถูกยิงมาเพื่อฆ่าใคร พวกเขาแค่ต้องการบังคับให้เราหนีไปอย่างตื่นตระหนก!”
“ถ้ามีคนคอยเฝ้าอยู่ข้างนอก แล้วทำไมเราถึงยังจะออกไป” หลี่ว์ซู่ถาม
“ถ้าเราไม่ไปตอนนี้ เราจะไม่มีโอกาสอีกเลยถ้าพวกทัพเฮยอวี่มาถึง ตอนนี้ยังมีโอกาสเล็กน้อยที่เราจะรอดชีวิต แต่ยังไงก็ถือว่ายังมีโอกาส” จางเว่ยอวี่พูดอย่างรีบร้อน
ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็ได้รู้ว่าจางเว่ยอวี่ยังคงใจเย็นแม้ในสถานการณ์วุ่นวาย นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้เลย
อึดใจต่อมา จางเว่ยอวี่หันมาและบอกหลี่ว์ซู่ว่า “นายออกไปก่อน แล้วฉันจะตามไป!”
หลี่ว์ซู่สีหน้ามืดครึ้มลง “นี่คุณกำลังพยายามแกล้งหลอกผมอยู่หรือเปล่า ไม่ว่าใครออกไปคนแรก คนนั้นก็จะถูกยิงก่อน ข้างนอกนั่นไม่น่าจะมีคนเฝ้าอยู่เยอะสักเท่าไหร่ บางทีถ้าผมถูกธนูดอกแรกยิง คุณก็อาจจะคว้าโอกาสตอนที่พวกเขาเตรียมลูกธนูดอกใหม่แล้วหนีไป ผมพูดถูกไหม ในเมื่อพวกเราติดอยู่ที่นี่ด้วยกันทั้งคู่ แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่คุณจะตามหลังผมออกไป”
จางเว่ยอวี่รู้สึกประหลาดใจ “จริงๆ แล้วนายก็ค่อนข้างฉลาดนะเนี่ย”
แต่ในขณะที่หลี่ว์ซู่กำลังจะพูด จางเว่ยอวี่ก็ผลักเขาไปที่ประตู และพยายามดันเขาออกไปรับหน้า แต่… กลับไม่มีอะไรเลย…
“ฮ่าๆ ” หลี่ว์ซู่หัวเราะเสียงเย็น
ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็ได้ยินเสียงบางอย่างแหวกผ่านอากาศมา ปัง! เกิดรูใหญ่อีกรูบนกำแพงอิฐด้านหลังพวกเขา
ธนูสีดำสี่ดอกพุ่งทะลุกำแพงในเวลาไล่เลี่ยกัน โชคดีที่หลี่ว์ซู่ตอบสนองรวดเร็วจึงหลบได้ทัน
“มีคนในกองกำลังสอดแนมของทัพเฮยอวี่ที่สามารถระบุตำแหน่งของนายได้ผ่านการได้ยิน เพราะฉะนั้นห้ามยืนอยู่กับที่!” จางเว่ยอวี่เตือน
แต่ในชั่วขณะต่อมา จางเว่ยอวี่ก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจ จู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็งอตัวลง เหมือนคันธนูที่ถูกง้างจนตึง จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและกระโดดออกไป!
ในชั่วพริบตา ลูกธนูสีดำปักลงบนพื้นด้านหลังหลี่ว์ซู่ ทัพเฮยอวี่ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกพลาดท่าเสียแล้ว!
จางเว่ยอวี่สาบานเลยว่าตลอดชีวิตของเขาเคยเห็นเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถใช้พลังที่มีทั้งหมดได้เหมือนหลี่ว์ซู่ และหน่วยสอดแนมที่เฝ้าอยู่นอกบ้านคือผู้มีพลังระดับห้า
จางเว่ยอวี่ไม่เคยเห็นหลี่ว์ซู่ฝึกจริงๆ จังๆ เลยสักครั้ง แต่จากพลังที่ระเบิดออกมานั้น เห็นได้ชัดว่าหลี่ว์ซู่ไม่ได้อยู่แค่ระดับห้าด้วยซ้ำ!
ในเกมหมากรุกที่มีความแตกต่างอย่างมากในเรื่องพลัง หลี่ว์ซู่ได้ทำให้ทหารที่ได้รับการชื่นชมมาอย่างยาวนานยิงพลาดเป้า!
เขารู้สึกงงงวย คนคนหนึ่งจะสามารถใช้พลังนี้ได้หลังจากที่พวกเขาก้าวหน้าไปถึงระดับหนึ่งและได้รับการสำรวจอันละเอียดอ่อน
คนธรรมดาจะสามารถใช้พลังอย่างสมบูรณ์ได้จริงหรือ เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญระดับล่างจะสามารถทำได้
แต่หลี่ว์ซู่เป็นแค่ผู้บำเพ็ญระดับล่างเท่านั้น!
แต่จางเว่ยอวี่ไม่มีเวลาให้ครุ่นคิด ชั่วขณะที่ลูกธนูพลาดเป้า เขาก็กระโจนออกไปเช่นกัน ทหารที่เฝ้าอยู่กำลังเตรียมลูกธนูดอกใหม่ ดังนั้นถ้าเขาไม่รีบไปตอนนี้ เขาก็จะไม่มีโอกาสให้หนีอีก!
หลี่ว์ซู่ไม่ได้วิ่งไปตามถนนลูกรัง แต่เขาเลือกที่จะหลบอยู่ในทุ่งข้างทาง พืชผลซึ่งสูงเป็นครึ่งหนึ่งของเขาเป็นเกราะกำบังที่ดีเยี่ยมเพื่อให้เขาซ่อนตัวในยามค่ำคืน จางเว่ยอวี่เองก็ทำแบบเดียวกัน
กองทหารสอดแนมจากทัพเฮยอวี่ที่แต่งกายด้วยเสื้อเกราะหนัง เข้าล้อมรอบทุ่งอย่างเงียบๆ พวกเขาทุกคนมีสีหน้าที่เคร่งเครียด
พวกเขาไม่คิดว่าจะทำงานพลาด สองคนนั่นเพิ่งจะอยู่ตรงหน้าพวกเขาและไม่มีค่าแม้แต่จะให้พูดถึง แต่พวกเขาก็พลาด!
ทหารทั้งห้าคนแบกคันธนูไว้บนหลัง พวกเขาดึงมีดผู่เตาออกมาจากเอวในเวลาเดียวกัน และพุ่งตรงเข้าไปในทุ่ง สายลมที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันพัดผ่านไป
ทาสทั้งสองคนนี้จะต้องตายอยู่ที่นี่ ถ้าพวกนั้นไม่ตาย แผนของทัพเฮยอวี่ก็เป็นอันล้มเหลว!
พวกเขาคิดว่าหลี่ว์ซู่และจางเว่ยอวี่เป็นทาส แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะทุกวันนี้มีชาวนาเหลืออยู่ไม่มากแล้ว
จางเว่ยอวี่ค้อมตัวลงและวิ่งอย่างรวดเร็วไปตามแนวพืชผล เขาแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว ทุกคนล้วนเข้าใจสิ่งสิ่งหนึ่ง เมื่อมีสัตว์ร้ายกำลังไล่ล่า เราไม่จำเป็นต้องวิ่งให้เร็วกว่าสัตว์ตัวนั้น สิ่งที่ต้องทำก็แค่วิ่งให้เร็วกว่าคนที่หนีมาด้วยกัน…แต่หลี่ว์ซู่วิ่งเร็วเกินไป…
แต่ถ้าจะให้พูดตามตรง จางเว่ยอวี่ก็ไม่โทษหลี่ว์ซู่ เมื่อมีอันตรายมาถึงตัว คงไม่มีใครยอมสละชีวิตเพื่อคนที่เพิ่งเจอกันได้ไม่ถึงเดือน เพราะถ้าหลี่ว์ซู่ทำจริงๆ จางเว่ยอวี่ก็จะด่าเขาที่ทำตัวโง่ๆ เช่นนี้
จางเว่ยอวี่รู้ว่าเขาคงไม่สามารถวิ่งหนีได้ เขาเป็นแค่คนธรรมดาแต่ผู้บำเพ็ญระดับสี่และห้ากำลังไล่ล่าเขาอยู่ ทันใดนั้นจางเว่ยอวี่ก็รู้สึกโล่งอกราวกับว่าเขาจะได้รับการปลดปล่อย
หน่วยสอดแนมของทัพเฮยอวี่ทั้งห้าคนเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ พวกนั้นอยู่ห่างกันยี่สิบเมตรและเริ่มค้นหาในทุ่งอย่างรวดเร็ว
ต่างจากจางเว่ยอวี่และหลี่ว์ซู่ที่กำลังค้อมตัวต่ำและวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ จางเว่ยอวี่ก็ต้องตกใจจนอ้าปากค้าง เขารู้สึกว่าเขาเพิ่งจะวิ่งผ่านเงาดำที่นอนอยู่บนพื้นไป
เดี๋ยวก่อน จางเว่ยอวี่รู้สึกสับสน ที่นอนอยู่คือหลี่ว์ซู่ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมเขาถึงไปอยู่ที่นั่น
ทัพเฮยอวี่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง จางเว่ยอวี่อ้าปากค้างอย่างช้าๆ ในตอนที่ทัพเฮยอวี่ไปถึงตัวหลี่ว์ซู่ เขาก็ใช้กิ่งไม้แทนกระบี่และใช้รูปแบบการโจมตีที่แปลกประหลาด ราวกับว่าเขากำลังจะแทงทะลุสวรรค์!
ชายหนุ่มเต็มไปด้วยพลังที่ระเบิดออกมา เขาดูงดงามภายใต้แสงจันทร์ ราวกับว่าเขาได้ใช้พลังทุกหยาดหยดจนถึงขีดสุดราวกับสายฟ้าฟาด!
กิ่งไม้ที่ดูเหมือนอ่อนแอและเปราะบาง เฉือนผ่านช่องว่างของชุดเกราะหนังของเหล่าทัพเฮยอวี่ จางเว่ยอวี่รู้สึกว่ามือของหลี่ว์ซู่สั่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และพลังเหล่านี้ก็ถูกส่งผ่านไปที่ปลายสุดของกิ่งไม้
ภายใต้แสงจันทร์และเลือดที่เจิ่งนอง ชายหนุ่มคนหนึ่งใช้กิ่งไม้แทนอาวุธ!
ช่างดูงดงามราวกับภาพวาด!