CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา – Ze tian ji - ตอนที่ 15 แพะดำหนึ่งตัว

  1. Home
  2. ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา – Ze tian ji
  3. ตอนที่ 15 แพะดำหนึ่งตัว
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

เฉินฉางเซิงเวลาเดินมีจุดเด่น จุดเด่นก็คือไม่มีจุดเด่น ยกหัวเข่าขึ้นสูง สาวเท้าเดินยาวอย่างยิ่ง สายตามองตรง สามารถมองไปยาวไกล และก็สามารถมองเห็นด้านหน้า หน้าอกตั้งตรง ยืนตระหง่านอย่างมิได้ตั้งใจ กลับมีอาการเหมือนต้นสนอย่างเป็นธรรมชาติ ผมสีดำมัดรวบอย่างแน่นหนา มิได้หวีมวยแบบเต๋า เพียงแค่ใช้ผ้ามัดเข้าไป ทำให้ดูเอาจริงเอาจัง เสื้อผ้าของเขาก็ธรรมดา ซักจนกลายเป็นสีขาว สะอาดสะอ้าน แม้แต่ด้านบนของรองเท้าก็ไม่มีคราบสกปรกแม้แต่นิด พิถีพิถันอย่างยิ่ง เดินไปตามทาง กระบี่สั้นที่ผูกติดกับเอวกวัดแกว่งเบาๆ กระบี่เล่มนั้นก็ธรรมดาอย่างยิ่ง

สามสี่วันก่อนเขาเอากระบี่สั้นไว้ที่โรงเตี๊ยมตลอดเวลา วันนี้เป็นวันแรกที่พกไว้ข้างกาย กระบี่สั้นที่ธรรมดาเป็นตัวแทนความหมายของความไม่ธรรมดา หลังจากสนทนากับสตรีวัยกลางคนคนนั้น ถ้าหากว่าจวนขุนพลเทพตงอวี้อยากจะทำอะไรต่อจริงๆ กระบี่เล่มนี้เป็นสิ่งที่เขาจัดเตรียมเอาไว้ เพียงแค่กระบี่สั้นเล่มนั้นเป็นเหมือนเขาเท่านั้น ปกติธรรมดา ยากที่จะให้ผู้คนสนใจ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเล่าลือของ ‘กระบี่น้ำค้างเหนือกาลเวลา’ ‘กระบี่สังหาร’ ‘เกล็ดมัจฉาทวนแสง’ แม้แต่อาวุธที่พกติดเอวของผู้คนที่เดินไปมาก็ยากจะเปรียบ แล้วจะช่วยเขาอะไรได้บ้าง

ด้านนอกของโรงเตี๊ยม เขาไม่แปลกใจที่มองเห็นรถม้าของจวนขุนพลเทพตงอวี้คันนั้น แสงอาทิตย์ที่เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้าส่องแสงรุ่งโรจน์ สัญลักษณ์เลือดหงส์ที่สลัวๆ บนแอกม้าเปลี่ยนเป็นชัดเจนอย่างยิ่ง กระทั่งราวกับกำลังแผดเผาก็มิปาน ม้าศึกตัวนั้นมีสายเลือดของอาชาเขาเดียวอันล้ำค่า ยกหัวขึ้นอย่างอวดดี จ้องมองเขาจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ

ขณะเดินผ่านรถม้าคันนั้น เขาเอามือกุมด้ามของกระบี่สั้นไว้ ผ่านไปชั่วครู่ถึงจะปล่อยออก หยุดเดินตรงด้านนอกหน้าต่างรถม้า ทำความเคารพเงียบๆ ครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นเดินมุ่งไปข้างหน้าต่อไป เดินต้อนรับแสงอาทิตย์ที่เพิ่งพ้นขอบฟ้า หน้าต่างได้เปิดออก สตรีวัยกลางคนจ้องมองแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องเป็นเงาของเด็กหนุ่ม ความรู้สึกสับสน

เฉินฉางเซิงเดินมุ่งไปยังเฉิงเป่ย ที่อยู่ของสำนักลำดับที่สองโดยไล่จากท้ายสุดในรายชื่ออยู่ที่ตรอกไป๋ฮวา เขาใช้เวลายาวนานในการเดิน หลังจากมาถึงเขาตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าที่แห่งนี้จะใกล้กับพระราชวังเช่นนี้ แม้ยืนอยู่ตรงทางเข้าตรอกก็สามารถมองเห็นสิ่งปลูกสร้างของราชวงศ์ที่ตั้งตระหง่านสูงเด่นได้อย่างชัดเจน ราวกับว่าสามารถได้กลิ่นประวัติศาสตร์ของราชวังก็มิปาน

เดินมาถึงด้านในของตรอกไป๋ฮวา ความฉงนภายในใจของเขายิ่งมายิ่งมากขึ้น เป็นสถานที่ที่อยู่ติดกับพระราชวังอะไรเช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าจะมีสำนักหนึ่งซ่อนอยู่ เพราะเหตุใดถึงได้เงียบเชียบเช่นนี้เล่า ในที่สุด ก็มาถึงท้ายตรอก เขามองเห็นประตูใหญ่ของสำนัก ด้านข้างของแผ่นกำแพงหินถูกปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อย แสงอาทิตย์ส่องผ่านทะลุทำให้ทิ้งร่องรอยเป็นลวดลายจางๆ ที่แห่งนี้ไม่มีชื่อ

คือที่นี่ใช่หรือไม่ เขาอยากจะถามไถ่ดู แต่ว่าตรอกแห่งนี้ช่างเงียบเชียบ เดิมทีไม่เหมือนสำนักเทียนเต้าหรือสำนักเด็ดดารา ด้านนอกของประตูคึกคักอย่างยิ่ง ยืนอยู่ครึ่งค่อนวันก็ไม่มีผู้ใดผ่านมา ชัดเจนยิ่งนักว่ามีเพียงประตูสำนักที่ทรุดโทรมคอยอยู่เป็นเพื่อนเขาอย่างเงียบๆ ได้รับความเงียบสงบในความคึกคัก อยู่ใกล้พระราชวัง ไม่สามารถเทียบได้กับสถานที่ทรงคุณค่า ตอนนี้ราวกับว่าเป็นซากปรักหักพังที่ไม่มีผู้ใดสอบถามข่าวคราว

เขาเดินมาถึงแผ่นกำแพงหินด้านข้างของประตู ยื่นมือออกไปดึงใบไม้และกิ่งของไม้เลื้อยที่แน่นขนัด ในที่สุดก็มองเห็นตัวอักษรที่สลักอยู่บนแผ่นหินหนึ่งตัว คำนั้นคือ ‘หลวง’ ตัวอักษรที่สลักลึกลงไปเคยมีร่องรอยของสีที่สวยสดงดงาม ถูกลมฝนกัดกร่อนมานานหลายปีจนทำให้จืดจางไป พื้นผิวของแผ่นกำแพงหินมีสัญญาณว่าจะหลุดลอกในตัวของมันเอง

คิดไปถึงชื่อของสำนักแห่งนี้บนใบรายชื่อ เฉินฉางเซิงตกตะลึง ถึงจะแน่ใจว่าคือที่นี่ มิเช่นนั้นคงจะต้องงุนงงเป็นแน่ สำนักที่อาจารย์ได้คัดเลือกไปก่อนหน้านี้สามสี่แห่งยังคงมีชื่อเสียงที่สุดในต้าลู่และยังเป็นสำนักที่ดีเลิศที่สุดอีกด้วย เพราะเหตุใดสำนักแห่งนี้ถึงได้ตกอับเงียบเชียบวังเวงเช่นนี้

เมื่อคิดถึงเรื่องราวเหล่านี้ มือของเขาก็ยังจับที่ไม้เลื้อย ดึงไม้เรื่อยเหล่านั้นลงมาเรื่อยๆ จึงมองเห็นตัวอักษรที่สอง ‘ฝึก’ เขาไม่ทันได้ถอดถอนหายใจ จากการกระทำเช่นนี้ของเขา แสดงให้เห็นว่าไม่มีคนทำความสะอาดไม้เลื้อยมานานหลายปี ครืดๆ เสียงของไม้เลื้อยไถลลงบนพื้นดังทำให้ฝุ่นละอองคละคลุ้งไปทั่ว

เฉินฉางเซิงถอยมาด้านหลังหลายก้าว ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ฝุ่นผงจากไม้เลื้อยกระเด็นถูกตัว

ไม้เลื้อยร่วงหล่นลงพื้น ฝุ่นละอองค่อยๆ จางหาย เวลาไม่นาน แผ่นกำแพงหินด้านนั้นไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันมานานหลายปี ในที่สุดก็ปรากฏออกมาสู่โลกนี้อีกครั้ง

บนแผ่นกำแพงหินที่ลายพร้อยนั้น สลักอักษรสี่ตัว

‘สำนักฝึกหลวง’

ร่องรอยตัวอักษรที่สลักบนแผ่นหินมีสีหลงเหลือไม่มากนัก มีเพียงฝุ่นที่สะสมเป็นเวลานาน ยังมีความทรุดโทรมของใบไม้และกิ่งของไม้เลื้อยทิ้งไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว จนกระทั่งตรงมุมยังถูกลมฝนพัดผ่านจนชำรุด ถ้าหากไม่ดูอย่างละเอียด คงจะดูอย่างยากเย็นว่าแท้ที่จริงแล้วอักษรไม่กี่คำนั้นคืออะไร

จ้องมองแผ่นกำแพงหินด้วยความตกตะลึง เฉินฉางเซิงไม่เอ่ยสิ่งใดเป็นเวลายาวนาน ก่อเกิดความรู้สึกพ่ายแพ้และซึมเศร้า ทั้งจิตใจเกิดคำถาม น้อยมากที่จะมีอารมณ์ดั่งเช่นตอนนี้ ใช่แล้ว ตอนนี้เขาอยากจะหันหลังเดินกลับไป

สำนักที่ชำรุดทรุดโทรมเช่นนี้

ถึงแม้ว่าจะสอบเข้าได้ แล้วจะช่วยอะไรกับชีวิตของตนได้

เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้า แน่ใจแล้วว่ายังมีเวลา ตัดสินใจที่จะลองเข้าไปดูสำนักที่ทรุดโทรมแห่งนี้ก่อน ถ้าหากไม่ไหวก็จะไปสำนักสุดท้ายในใบรายชื่อ

มือของเขาผลักประตู ใช้พละกำลังเพียงน้อยนิด

เสียงแกรกดังขึ้นครั้งหนึ่ง

ห่างหายมานานหลายปี ประตูของสำนักฝึกหลวงในที่สุดก็เปิดออกอีกครั้งหนึ่งแล้ว

รถม้าของจวนขุนพลเทพตงอวี้จอดที่ด้านนอกของตรอกไป๋ฮวา ม้าสีขาวที่อวดดีตัวนั้นแหงนศีรษะขึ้น รู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งนัก ในตู้ของรถม้า อารมณ์ของสตรีวัยกลางคนไม่เหมือนกับอารมณ์ที่สงบนิ่งของมัน ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและงงงัน กล่าวพึมพำกับตนเอง  เหตุใดถึงมาที่นี่ 

นางเข้าใจแจ่มแจ้ง ด้านในของตรอกไป๋ฮวาก็คือสำนักที่ร่วงโรยเหี่ยวเฉามานานแล้ว เพียงแค่คิดว่าหนุ่มน้อยคนนั้นชำนาญที่จะให้ผู้คนแปลกประหลาดใจยิ่งนัก และก็ไม่กล้าดูแคลน นิ้วมือเคาะกรงหน้าต่างเบาๆ เป็นสัญญาณให้ม้าขาวลากรถเข้าไป ทว่าเวลานี้ มีรถหนึ่งคันขับขึ้นมาจากทางลาดเอียงด้านหลัง มาขวางกั้นด้านหน้า

ตรอกไป๋ฮวาแคบอย่างยิ่ง เพียงแค่สามารถให้รถคันหนึ่งแล่นผ่านไปเท่านั้น เดิมทีรถม้าของจวนขุนพลเทพก็เข้าไปได้ยากอย่างยิ่ง สตรีวัยกลางคนขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้ยินดี เพียงแค่คิดว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับพระราชวัง ดังนั้นไม่ควรที่จะว่ากล่าวฝ่ายตรงข้ามให้หลีกทางในทันที

รถคันนั้นปรากฏออกมาในทันใด ทั้งเล็กทั้งเตี้ย ดูโกโรโกโส ผ้าม่านสีดำ สัตว์เลี้ยงที่ลากรถของฝ่ายตรงข้ามก็ทั้งเล็กทั้งเตี้ย เส้นขนสีดำขลับ คล้ายกับศีรษะของลา สตรีวัยกลางคนตกตะลึง ในใจคิดเยาะหยัน เมืองจิงตูแห่งนี้คาดไม่ถึงว่ายังคงมีคนใช้รถลา แท้จริงแล้วช่างน่าเวทนายิ่งนัก

สตรีวัยกลางคนยังไม่ได้เกิดโทสะ ม้าขาวกลับทนไม่ได้ มันมีสายเลือดของอาชาเขาเดียว ไฉนจะยินยอมให้ลาดำตัวเล็กหนึ่งตัวมากีดขวางข้างหน้าตนได้เล่า มันโกรธเคืองพลางแหงนศีรษะขึ้น ปรารถนาจะร้องขู่ขวัญ แต่เวลานี้ สัตว์เลี้ยงที่อยู่ด้านหน้าของรถผ้าสีน้ำเงินคันนั้นค่อยๆ หันมา จ้องมองมันแวบหนึ่ง

ไม่ใช่ลาดำ นั่นคือแพะดำที่ทั้งร่างเป็นดั่งอเวจีทมิฬ เส้นขนราบลื่นดั่งผ้าแพร ชัดเจนอย่างยิ่งว่าไม่ใช้สัตว์ธรรมดา

สิ่งที่ยากต่อการจินตนาการก็คือแววตาคู่นั้นของมัน เย็นชาลึกล้ำ ราวกับสัตว์เทวะที่อยู่เหนือมวลเมฆ

ถ้าหากกล่าวว่าม้าขาวสูงศักดิ์เพราะมีสายเลือดของอาชาเขาเดียว ถ้าอย่างนั้นแพะดำที่สูงศักดิ์ตัวนี้คงเพราะด้วยจิตใจของมันเอง ม้าขาวตรงหน้ามันเปรียบดั่งเด็กน้อยดื้อรั้นที่มีอารมณ์หุนหันพลันแล่น แต่มันกลับอยู่ในพระราชวังที่มิได้เปรอะเปื้อนกับฝุ่นละออง เป็นราชนิกุลที่อยู่เหนือสิ่งใด

แพะดำตัวนั้นหันกลับมามองม้าขาวแวบหนึ่ง

ม้าขาวกำลังส่งเสียงร้องด้วยความโมโหอย่างยิ่ง จ้องมองสายตาของแกะดำที่เฉยเมยไม่ใส่ใจ ชั่วพริบตาเดียวพลันนิ่งงัน ความหวาดกลัวในดวงตาพรั่งพรูออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทันใดนั้นขาหน้าก็ไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถที่จะประคับประคองร่างกายที่หนักอึ้งของตน หัวเข่างอโค้งลาดเอียงไปกับร่างกาย เสียการทรงตัวล้มลงเป็นระลอกๆ ร่างกายสั่นเทาทั่วทั้งตัวไม่กล้าที่จะลุกขึ้น คล้ายกับกำลังทำความเคารพแพะดำตัวนั้น

สตรีวัยกลางคนเดินก้าวออกมาจากตู้รถ จ้องมองม้าขาวที่กำลังคุกเข่าบนพื้น ร่างกายสั่นเทาไม่กล่าวสิ่งใด ในใจคิดว่าม้าตัวนี้คงเป็นม้าที่นั่งของขุนพลผู้ยิ่งใหญ่ แต่ไหนแต่ไรมาโอหังอวดนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงเปลี่ยนเป็นอ่อนแอเช่นนี้ เมื่อนางหันไปมองแพะดำตัวนั้น ทันใดนั้นถึงคิดเรื่องหนึ่งออก เมื่อจ้องมองไปยังรถผ้าสีน้ำเงินอีกครั้ง แววตาแปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว

นางคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว ทำความเคารพต่อรถผ้าสีน้ำเงิน เดิมทีไม่กล้าที่เอ่ยสิ่งใด

มีเสียงชราเสียงหนึ่งออกมาจากรถผ้าสีน้ำเงินอย่างรวดเร็ว

 ข้าปรารถนาจะเข้าไปก่อน ท่านยายฮวามีความคิดเห็นเช่นไรบ้าง 

ได้ยินเสียงที่เปล่งออกมานั้น สตรีวัยกลางคนความสงบของจิตใจลดลง ที่จริงคนที่มามิใช่แม่นางท่านนั้น แต่คือหญิงรับใช้อาวุโสคนข้างกายของแม่นางท่านนั้น สำหรับหญิงรับใช้อาวุโสท่านนั้นเพราะเหตุใดถึงรู้ว่าตนแซ่ฮวา อยู่ที่จวนขุนพลเทพมักจะถูกเรียกว่าหญิงรับใช้อาวุโส นางเดิมทีไม่ปรารถนาที่จะใคร่ครวญ เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามรู้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

ในรถผ้าสีน้ำเงินก็คือหญิงรับใช้อาวุโสท่านหนึ่ง เพียงแค่เปรียบเทียบกับหญิงรับใช้อาวุโสที่จวนขุนพลเทพ หญิงรับใช้ท่านนั้นเป็นผู้มีชื่อเสียงที่สุดในทั้งเมืองจิงตู ทำให้ราชนิกุล ขุนนาง แม่ทัพต่างได้ยินชื่อก็ล้วนเกรงกลัว ต่างต้องเจียดเวลาหลายนาทีแย้มยิ้มให้แก่หญิงรับใช้อาวุโสผู้นี้ แล้วตัวนางจะนับเป็นอะไรได้เล่า

 ท่านยายเอ่ยสิ่งใดกัน ข้าน้อยก่อนหน้านี้ดูไม่ออก ใคร่ครวญเป็นเวลานานมิได้ทำความเคารพ ท่านยายโปรดให้อภัย 

สตรีวัยกลางคนเอ่ยออกมาด้วยเสียงสั่นไหว นางก่อนหน้านี้มิได้เอ่ยวาจากล่าวว่า ตอนนี้กลายเป็นเรื่องที่น่ายินดีโดยมิได้คาดคิด แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ นางมิกล้าที่จะปกปิดเจตนาร้ายที่เคยปรากฏในความคิด เพราะสิ่งที่เล่าขานกันมา เมื่ออยู่ต่อหน้าแพะดำตัวนั้น การปกปิดใดๆ ก็คือการรนหาที่ตาย อีกทั้งนางยังชัดเจนด้วยว่า มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้หญิงรับใช้อาวุโสท่านนั้นพึงพอใจ

ถ้าหากไม่เป็นเพราะจวนขุนพลเทพตงอวี้กับแม่นางท่านนั้นไปมาหาสู่กันอย่างใกล้ชิดมาแต่ไหนแต่ไร ตอนนี้แม้แต่การอธิบายนางก็ยังไม่กล้า คงตัดแขนข้างขวาของตนเอง เพื่อที่จะขออภัยโทษ

หญิงรับใช้อาวุโสที่อยู่ในรถผ้าสีน้ำเงินกล่าวถาม  เจ้ามาดูเด็กหนุ่มคนนั้นรึ 

สตรีวัยกลางคนไม่กล้าแหงนหน้าขึ้นมา ตอบด้วยเสียงเคารพนอบน้อม เวลานี้ถึงยืนยันได้ว่าแม่นางที่อยู่ในพระราชวังท่านนั้นที่จริงแล้วรู้เรื่องราวนี้มาตลอด

หญิงรับใช้ท่านนั้นกล่าวว่า  จากวันนี้เป็นต้นไปไม่ต้องติดตามดูแล้ว 

สตรีวัยกลางคนตกตะลึง ก้มศีรษะลงเสียงสั่นเทากล่าวว่า  ท่านยายโปรดอธิบาย 

เสียงของหญิงรับใช้ไม่มีความรู้สึกใดๆ  ข้าทำสิ่งใดจะต้องอธิบายต่อเจ้าด้วยรึ 

สตรีวัยกลางคนสะเทือนอารมณ์ มิกล้ากล่าวสิ่งใดอีก

แพะดำตัวนั้นมองเขาแวบหนึ่ง หันหลังกลับลากรถผ้าสีน้ำเงินคันเล็กๆ มุ่งไปยังตรอกไป๋ฮวาด้านใน

จนกระทั่งผ่านพ้นไปเป็นเวลานาน สตรีวัยกลางคนถึงจะกล้าแหงนศีรษะขึ้นมา สีหน้ายังคงขาวซีดเช่นเดิม

หญิงรับใช้ในรถผ้าสีน้ำเงินเมื่อทำสิ่งใด แท้ที่จริงไม่ปรารถนาที่จะอธิบายกับผู้ใด ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นจวนเทพขุนพลก็ตาม

เพราะว่านางคือหญิงรับใช้อาวุโสข้างกายของแม่นางม่ออวี่

สิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในสำนัก สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่เจริญรุ่งเรืองของปีนั้นอย่างเลือนราง เพียงแค่ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นทรุดโทรม ไม่มีกลิ่นอายของผู้คน

เฉินฉางเซิงยืนอยู่ที่ริมทะเลสาบ จ้องมองหญ้าป่าที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่อยู่ใต้เท้าของตน เงียบนิ่งไม่เอ่ยใดๆ ก่อนหน้าที่เขาตัดสินใจมาเข้ามาดู ก็เพราะว่าจำได้ว่าเคยเห็นในตำราได้บันทึกเกี่ยวกับสำนักฝึกหลวงแห่งนี้ สามารถที่จะนำคำว่า ‘ฝึกหลวง’ มาเป็นส่วนประกอบของชื่อสำนักได้ เป็นธรรมดาที่สำนักแห่งนี้จะมีประวัติยาวนาน เคยเกรียงไกรไม่มีผู้ใดเทียบ สั่งสอนลูกศิษย์มานับไม่ถ้วน เพียงแต่…ตอนนี้เพราะเหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้เล่า

น้ำในทะเลสาบกระเพื่อมเบาๆ เงียบเชียบไร้เสียงใดๆ สิ่งปลูกสร้างอันเก่าแก่ ที่นี่แม้แต่คนหนึ่งยังไม่มี

เขางงงวยในหลายๆ สิ่ง แต่มิรู้ว่าจะถามผู้ใด

เวลานี้ มีเสียงดังมาจากทางด้านหลัง

เขาหันไปมอง พบแพะดำหนึ่งตัว

เป็นแพะที่ดำสนิท ทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกประหลาด

คนธรรมดาเมื่ออยู่ในบรรยากาศที่เงียบเชียบไม่มีชีวิตชีวา พบเจอแพะดำเช่นนี้ เมื่อรู้ตัวคงจะหวาดกลัว อย่างน้อยก็คงจะหลบหนี แต่ว่าเฉินฉางเซิงไม่เป็นเช่นนั้น เขาชอบแพะดำตัวนี้อย่างยิ่ง เพราะว่าแพะดำตัวนี้สะอาดสะอ้าน เหมือนกับเขา เขาเด็ดหญ้าจำนวนหนึ่งจากริมทะเลสาบ หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนเสื้อเช็ดน้ำค้างที่เกาะตามหญ้าให้สะอาดสะอ้าน ยื่นไปข้างหน้าของแพะตัวนั้น

แพะดำจ้องมองเขาอย่างเงียบๆ เอียงหัวไปมา ดูเหมือนฉงนงงงวย ราวกับไม่รู้ว่าเขาอยากจะทำสิ่งใด

แต่ไหนแต่ไรมายังไม่เคยมีผู้ใดป้อนแพะดำตัวนี้ด้วยหญ้า

ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายเฉินหลิวจวิน หรือว่าองค์รัชทายาท ก็มิกล้าที่จะป้อนหญ้าให้กับมัน

ผู้คนในราชวังล้วนแต่รู้ มันเพียงกินผลไม้ที่ม่ออวี่เก็บด้วยมือของนางเองเท่านั้น

 กินสิ ไม่มีน้ำค้าง ท้องไม่เสียหรอก 

เฉินฉางเซิงจ้องมองแพะดำตัวนี้ แกว่งหญ้าสีเขียวในมือไปมา พลางกล่าวอย่างจริงจัง

แพะดำเข้าใจความหมายของหนุ่มน้อยคนนี้ แววตาแปรเปลี่ยน เหมือนกันพบเจอคนโง่เขลาผู้หนึ่ง

เฉินฉางเซิงไฉนจะเข้าใจ ยังคงยกหญ้าที่อยู่ในมือเช่นเดิม

แพะดำรู้สึกเบื่อหน่าย แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด รู้สึกว่ากลิ่นอายของเด็กหนุ่มคนนี้ทำให้ตนชื่นชอบ

มันลังเลชั่วครู่ ในที่สุดจึงเดินไปข้าวหน้าหนึ่งก้าว มุ่งไปข้างหน้าเพื่อหยั่งเชิง ก้มหัวลงเล็กน้อย คาบหญ้าในมือของเฉินฉางเซิงจำนวนหนึ่ง แล้วค่อยๆ เคี้ยว

ไม่ไกลออกไป ใต้ต้นไม้มีสตรีอาวุโสนางหนึ่งถือไม้เท้าจากต้นหวงหยาง (ต้นแก้ว) กำลังจ้องมองภาพที่อยู่เบื้องหน้า ริ้วรอยบนใบหน้าสั่นเทาเล็กน้อย ประหนึ่งต้นหญ้าที่โดนลมพัดผ่าน

ถึงแม้ปีนั้นองค์รัชทายาทจะถูกฮองเฮาองค์ก่อนกลั้นใจให้สวรรคต นางก็มิได้ตกตะลึงเช่นนี้มาก่อน

 

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ " ตอนที่ 15 แพะดำหนึ่งตัว"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์