นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 199
บทที่ 199ขี้เมาคนหนึ่ง2
ขี้เมาคนนี้ ในมือยังกำกาเหล้าเอาไว้แน่น
ท่าเดินบนถนนคดเคี้ยว แทบจะมองไม่เห็นแม้แต่ถนนเลยด้วยซ้ำ
ในเรียวปากของเขา ยังคำฮัมเพลงแปลกประหลาดเพลงหนึ่ง!
ครั้นเยาว์วัยเคยรักในการตามฝัน
หัวใจดวงหนึ่งเพียงนึกอยากโบยบินไปเบื้องหน้า
เดินทางข้ามผ่านหุบเขาและสายน้ำ
ตลอดทางมามิอาจหวนกลับ
มันนานเกินกว่าจะมองย้อนกลับไป
มาสู่ขอบฟ้าโดยไม่ทันตั้งตัว
จึงเข้าใจรักโลภโกรธหลง
สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือการเสียใจภายหลัง
ถ้าหากไม่เคยใจสลาย
ก็ไม่อาจเข้าใจหัวอกฉัน
ตอนที่ดวงตาฉันเอ่อน้ำ
อย่าถามฉันว่าร้องเพื่อใคร
แค่ให้ฉันลืมเลือนทุกสิ่ง
อา
มอบยาพิษลืมความรักแก่ฉันสักจอก
เปลี่ยนคืนของฉันโดยไร้น้ำตา
ทั้งหมดจริงใจปรารถนาดี
ปล่อยมันให้ลมฝนพัดไป
รักที่ให้ไปเรียกไม่ย้อนคืน
เขาร้องเพลงได้เพี้ยนสุดๆ
แทบจะจับจังหวะจะโคนไม่ได้ทั้งสิ้น
อีกอย่างจังหวะการเดินยังร้ายแรงเป็นอย่างยิ่ง
เสียงที่แตกเพี้ยนหลังจากการดื่มเมายิ่งทำให้เพลงไม่เป็นที่พอใจมากขึ้น ความรู้สึกนั้นราวกับว่าใช้แรงบีบเคล้นแก้วเสียงออกมาจากเป็ดตัวผู้…
ถ้าหากซินเหยาเดินเข้าใกล้สักหน่อย ตั้งใจฟังให้ละเอียด
นางจะต้องฟังออกเป็นแน่
เพลงที่ขี้เมาผู้นี้ร้อง…
เรียกว่า “ฉานเหม็น”
ผู้ขับร้อง
หลิวเต๋อร์หวา!
ครั้นเยาว์วัยเคยรักในการตามฝัน
หัวใจดวงหนึ่งเพียงนึกอยากโบยบินไปเบื้องหน้า
น้ำเสียงราวกับเป็ดตัวผู้เจือจางออกมาในค่ำคืนอันดึกสงัด
เงาร่างที่เลี้ยวลดคดเคี้ยวนั้น ราวกับว่าจะค่อยๆ ไกลออกไป ท้ายที่สุดก็หายไปท่ามกลางความมืดมิดที่ไม่มีที่สิ้นสุด…
ยามที่ซินเหยาฟื้นขึ้นมานั้น ความรู้สึกแรกคือปวดหัวจนแทบแยกเป็นเสี่ยงๆ
ความรู้สึกที่สองคือตนเองนอนหมดสติมาหลายศตวรรษ
เพิ่งเปิดเปลือกตา ดวงตาก็ปวดแสบอย่างถึงที่สุด
ปวดหัวยิ่งนัก
ทั้งที่ฝึกฝนการดื่มเหล้าเป็นพันๆ จอกก็ไม่เมามาแล้ว ไฉนหลังจากย้อนเวลากลับมา ระดับการรับของมึนเมาจึงแปรเป็นตื้นเขินได้เล่า
“ปวดหัวจริงๆ เชียว”
“เหมือนว่ากำลังภายในจะไม่มีประโยชน์อะไรต่ออาการปวดหัวจากเมาค้าง”
ซินเหยาออกแรงกดช่วงศีรษะของตนเองทั้งสองมือ…
ปวดหัวราวกับว่าจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ให้ได้…
ความรู้สึกแบบนี้ ทั้งคุ้นเคยและรวดร้าว
ที่แท้คือหัวใจของนาง ก็เจ็บปวดราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เยี่ยงนี้นี่เอง
ความรู้สึกอันคุ้นเคย ที่แท้ก็คือหัวใจของนาง ก็เจ็บปวดราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เยี่ยงนี้นี่เอง
ฮ่องเต้อำมหิต…
อย่าไปคิด! อย่าไปคิด!
อย่าไปคิดถึงคนผู้นี้อีกตลอดไป!
ในเมื่อออกจากวังหลวงแล้ว ก็อย่าได้คิดอีกเลยตลอดไป
ปล่อยให้ความรู้สึกช่วงนี้ กลายเป็นความทรงจำที่งดงามตลอดกาลเถิด!
ซินเหยาตบเข้าที่กระหม่อมของตนเองจนเจ็บจี๊ด ก่อนเอ่ยตะคอก “เสี่ยวป๋าน! เสี่ยวป๋านเจ้าดื่มจนเมาตายไปแล้วหรือยัง พวกเราดื่มเหล้าไปกี่มากน้อยกันแน่ ไฉนจึงเมาจนกลายเป็นสภาพนี้ไปได้”
“เสี่ยวป๋าน!”
“เสี่ยวป๋านเจ้าอยู่ที่ไหน”
“นี่พวกเราอยู่ที่ไหน”
“คงมิได้นอนบนถนนใหญ่ทั้งคืนหรอกกระมัง”
ซินเหยาร้องเรียกติดต่อกันหลายที
ทว่า เสี่ยวป๋านล้วนไม่มีการตอบสนอง
ซินเหยากะพริบตาหลายครั้ง จากนั้นจึงใช้สองมือนวดดวงตาแช่มช้า ตอนที่เปิดเปลือกตาอีกครั้ง ก็ไม่ได้ปวดแสบขนาดนั้นแล้ว!
ทั้งห้องสว่างแยงตา ตอนนี้เป็นช่วงกลางวันแล้ว
อีกอย่าง ห้องๆ นี้ ทำให้ซินเหยามีความรู้สึกหนึ่งอันแสนคุ้นเคย
นี่…
เห็นได้ชัดว่านี่คือห้องนอนของตัวนางเอง
ที่นี่คือร้านพักป่ายเหอ
ผลข้างเคียงของอาการเมาค้างอีกอย่างหนึ่งคือจะลืมว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงที่ยังเมาอยู่…
จะอย่างไรซินเหยาก็นึกไม่ออก ทำไมจึงกลับมายังร้านพักป่ายเหอได้กันนะ
ทั้งๆ ที่นางจำได้ว่าว่านั่งดื่มเหล้าภายในร้านเหล้าเล็กๆ ชื่อว่าโชคดีกำลังมาอยู่แท้ๆ
ต่อมา…
ต่อมานางและเสี่ยวป๋านยังคงดื่มเหล้าตลอด ดื่มจนกระทั่งแขกคนอื่นๆ พากันกลับออกไปแล้ว ร้านเหล้าจนแทบจะปิดแล้ว พวกเขายังคงดื่มกันอยู่…
และต่อมาอีก…
เหมือนว่ามีผู้ชายแปลกประหลาดมากๆ คนหนึ่งเข้ามา
ซินเหยาจำไม่ได้ว่าเขารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
และจำไม่ได้ด้วยว่าเขาชื่ออะไร
ซินเหยารู้เพียงว่าเขาเมามาก เมาได้อย่างยอดเยี่ยม ในเรียวปากก็ยังคงพร่ำร้องเพลงที่สุดเพี้ยนเพลงหนึ่ง…
เพลง?
ซินเหยาเองก็จำเนื้อหาของเพลงๆ นั้นไม่ได้เสียแล้ว
นางจำได้เพียง
ผู้ชายที่เมามากร้องเพลงได้เพี้ยนมาก
มันเกือบจะเป็นเสียงที่น่ารังเกียจที่เปล่งออกด้วยการใช้เชือดรัดคอเป็ดตัวผู้เป็นเสียงที่แสบแก้วหูเป็นอย่างยิ่ง…
เนื้อหาของเพลง?
เป็นเพลงอะไรกันแน่?
ซินเหยาพยายามคิดทบทวน…
ใช่แล้ว!
เสี่ยวป๋านเล่า?
วันนี้ไอ้หนุ่มตัวนั้นทำไมจึงเงียบเชียบขนาดนี้
คงจะไม่ได้หายตัวไปอีกกระมัง
ในไม่ช้าซินเหยาก็ค้นพบเสี่ยวป๋าน มันกำลังฟุบตัวนอนบนเก้าอี้หวาย และนอนกรนเสียงดังฟู่!
ยิ่งไปกว่านั้น ขนบนตัวของมันต่างเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับเปลวไฟ…
“ซวยแล้ว!”
“ลืมไปเลยว่ามันเมาแล้วจะเปลี่ยนร่าง!”
ซินเหยานึกอยากอุ้มเสี่ยวป๋านไปนอนบนเตียง ทว่าเพิ่งจะสัมผัสเสี่ยวป๋าน…
“ร้อนจัง!”
มือของซินเหยาบินลอยหดกลับมา ราวกับถูกไฟฟ้าช็อตเข้าให้!
“เสี่ยวป่ายตัวร้อนแล้วหรือไร”
“ทำไมจึงร้อนลวกได้ขนาดนี้”
“ไม่สิ!”
“ตัวร้อนก็ไม่ร้อนลวกขนาดนี้!”
“มันเหมือนกับลูกบอลเหล็กสีแดง ร้อนลวกระอุ ราวกับว่าจะถูกแผดเผาลุกโชนในไม่ช้า…”
ในตอนแรกซินเหยายังคิดว่าเสี่ยวป๋านมีอาการไข้เสียแล้ว