นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 208
บทที่ 208 จิตใจมนุษย์หยาบช้า1
ทว่าเขากลับลงโทษคนอธรรมทุกคนอย่าง “โหดร้าย”
ผู้คนต่างคาดเดาอย่างใคร่รู้…
มีความเป็นไปได้ว่ากุหลาบทมิฬจะเป็นผู้หญิง…
แต่เมื่อคืนนางอารมณ์ไม่สู้ดี ไม่ดีเอามากๆ เลย
ที่ทำให้นางอารมณ์ไม่ดีจะต้องเป็นผู้ชายแน่ๆ ทั้งยังเป็นผู้ชายจอมบ้ากามเสียด้วย!
ดังนั้น เหล่าคนหยาบโลนทั้งเมืองหลวงถึงได้โดนหางเลขไปด้วย!
จวนอ๋องโจว๋
จวนอ๋องโจว๋ยุ่งวุ่นวายตั้งแต่เช้าตรู่…
หลายวันมานี้โจว๋เส้ากวางต่างยุ่งวุ่นวายกับเรื่องในราชสำนักและกองทัพ เขาเป็นแม่ทัพของราชสำนัก ตอนนี้การสู้รบแนวชายแดนทวีความรุนแรงขึ้น เขาย่อมต้องเตรียมพร้อมในการนำทัพออกศึกอยู่ตลอดเวลา…
ส่วนคนที่ดูว้าวุ่นมากที่สุดมิใช่โจว๋เส้ากวาง แต่เป็นนายใหญ่โจว๋
วันเวลาก่อนหน้า นายใหญ่โจว๋ล้วนเก็บตัวฝึกฝน รักษาอาการบาดเจ็บภายในเรื่อยมา
เมื่อคืนตอนที่ออกไปข้างนอก อาการบาดเจ็บภายในล้วนดีขึ้นไม่น้อย นายใหญ่โจว๋สภาพจิตใจดีขึ้นมากเชียวแหละ ช่วงเวลาดึกสงัดยังเรียกโจว่หวูนเฟิงเข้าห้อง เอาชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐ์จากหนังหมาดุสีม่วงทองสองหัวที่ช่างฝีมือทำขึ้นมาส่งมอบให้แก่เขา!
ผิวหนังของหมาดุสีม่วงทองสองหัว แข็งแกร่งประดุจเหล็กกล้า ฟันยิงไม่เข้า…
บรรดาช่างฝีมือผ่านการพิถีพิถันในการประดิษฐ์นับครั้งไม่ถ้วนถึงได้นำเอาผิวหนังแข็งทนกลายเป็นชุดเกราะอ่อนอุ่ม แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณสมบัติพิเศษที่ฟันแทงไม่เข้า!
วิทยายุทธ์ของโจว๋หวูนเฟิงประสบความสำเร็จอย่างลึกซึ้ง ท่ามกลางบรรดาวัยหนุ่มสาวนั้นหาคู่ต่อสู้ที่เทียมทัดได้ยากยิ่งแล้ว!
แม้แต่ช่วงปีแรกๆ ก็ได้โด่งดังยังต่างแดน นับแต่พลเรือนจนถึงทหารต้องห้ามซึ่งเป็นหน่วยรวบรวมของถางเปิ่นจิ้งต่างก็พ่ายแพ้ในเงื้อมมือของเขา!
ปีนั้นตอนที่โรงเรียนของวังหลวงประลองฝีมือกัน สามพี่น้องตระกูลถางเปิ่นต่างพ่ายในกำมือของเขาทั้งสิ้น!
วรยุทธ์ของโจว๋หวูนเฟิงได้มาถึงสภาพการณ์อันสูงสุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…
เพียงแต่เขายังเด็กเกินไป
เจนโลกไม่ลึก!
นายใหญ่โจว๋มอบชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้แก่เขา ทั้งยังหวังว่าจากนี้ไปเขาจะสามารถมีส่วนร่วมในหน้าที่การงานของตระกูลโจว๋ ฝึกฝนและเรียนรู้ชีวิต ประสบการณ์ทางสังคมต่างๆ ด้วยฐานะผู้สืบทอดตระกูลโจว๋
หากต้องการยืนหยัดใต้หล้าโดยไม่พ่ายแพ้ จะอาศัยแค่กำลังอันป่าเถื่อนอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ!
ไม่ว่ายุคสมัยใด ไม่ว่าโลกใด ผู้ที่สามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดบนโลกได้ไม่ใช่ผู้ที่มีวิทยายุทธ์การต่อสู้ชั้นสูงที่สุด…
หากแต่เป็นผู้ที่มีปัญญาหลักแหลมและเยือกเย็นที่สุด
นับตั้งแต่หลังจากรู้ว่าซินเหยาฝึกวิชากระบี่หลีฮัว
ความกดดันของนายใหญ่โจว๋ที่มีต่อโจว๋หวูนเฟิงก็ลดน้อยลงไปมาก
อย่างน้อย ตระกูลโจว๋ก็มีอัจฉริยะไร้เทียมทานกำเนิดขึ้นอีกหนึ่งคนแล้ว
วันที่มีซินเหยาอยู่ ก็ไม่มีใครหน้าไหนกล้ามายักย้ายตระกูลโจว๋
ดังนั้นความกดดันของโจว๋หวูนเฟิงที่ต้องกลายเป็นที่หนึ่งใต้หล้าในระยะเวลาอันสั้นก็ได้ลดน้อยลงไปมาก ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องเพิ่มเติมก็คือฝึกฝนความสามารถและทัศนคติในชีวิตของตัวเขาเอง!
นายใหญ่โจว๋ส่งมอบชุดเกราะศักด์สิทธิ์พร้อมกับเอ่ยหนึ่งประโยคว่า “จิตใจมนุษย์หยาบช้า!”
อีกทั้งยังคาดหวังว่าจากนี้ไปเขาจะสามารถพัฒนาฝึกฝนจนกลายเป็นทายาทผู้รับช่วงต่อกิจการของตระกูลโจว๋ได้ในอนาคต
ช่วงดึก นายใหญ่โจว๋อารมณ์ดีเป็นพิเศษ
ทว่า ครั้นถึงยามเช้า อารมณ์ของนายใหญ่โจว๋ก็แปรเป็นวิตกและกังวลเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านปู ท่านปู ข้ากำลังหาท่านอยู่พอดี”
โจว๋ปี้หลัววิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าปรีดา
“อย่ากวนข้า”
นายใหญ่โจว๋ยืนเท้าเอวด้วยมือสองข้างภายสวนดอกไม้ เดินไปเดินมา มีท่าทีวิตกยิ่งนัก
โจว๋ปี้หลัวเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ “ท่านปู่ ท่านเป็นอะไรไปเล่า”
นายใหญ่โจว๋เอ่ยถามรำคาญใจ “เจ้ารีบไปเสีย อย่าขวางตาอยู่ที่นี่ มิเช่นนั้นอย่าได้ตำหนิที่ปู่จะด่าทอเจ้าอย่างไร้ปรานี”
โจว๋ปี้หลัวกล่าว “ท่านปู่ ท่านอารมณ์ไม่ดีหรือ หลังจากพูดออกมาแล้วอาจจะอารมณ์ดีขึ้นก็ได้นะ แม้ข้าจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ว่าอย่างน้อยก็สามารถคอยรับฟังเรื่องราวในใจของท่านปู่ได้นะ”
“เจ้า?”
“เอาเถิด”
นายใหญ่โจว๋พยักหน้า
ในใจของเขารู้สึกเป็นกังวลจริงๆ
แต่ว่าก็หาคนให้ระบายไม่เจอเลย
ประจวบกับโจว๋ปี้หลัวนี้เป็นเด็กน้อยคนนี้ พูดระบายออกมากับนางสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน
นายใหญ่โจว๋เอ่ยถาม “เจ้าหก เจ้าได้ยินคนนอกพูดกันแล้วหรือไม่ เมื่อคืนวานนี้กุหลาบทมิฬทำร้ายผู้คนไปมากมาย”
โจว๋ปี้หลัวเอ่ย “ได้ยินแล้ว ดูเหมือนว่าคนที่ทำร้ายล้วนเป็นพวกบ้ากามทั้งนั้น”
นายใหญ่โจว๋ทอดถอนใจหนึ่งเฮือก พลางกล่าว “อัย! อัย! พักนี้กุหลาบทมิฬจะต้องไม่สบายใจมากแน่ๆ คืนวานนางจะต้องทุกข์ทรมานอย่างที่สุดจริงๆ แล้ว ถึงได้ระบายอารมณ์ในใจออกมาเยี่ยงนี้”
โจว๋ปี้หลัวกล่าว “แม้นนางระบายความทุกข์ตรมในใจแล้วลงทัณฑ์คนเลวๆ ตั้งมากมายขนาดนั้น ช่วยเหลือผู้หญิงไร้เดียงสาที่ถูกทำร้ายตั้งมากมายขนาดนั้น เช่นนั้นทางที่ดีนางควรทุกข์ทรมานทุกวันแล้ว”
“เหลวไหล! เจ้าพูดพล่ามอะไรน่ะ!”
นายใหญ่โจว๋พลันตะโกนด้วยความโกรธขึ้งเป็นอย่างมาก
“ท่านปู่! ไฉนท่านจึงต้องโกรธขนาดนี้ด้วยเล่า”
“ข้าก็แค่ว่าไปตามเรื่องเฉยๆ”
“กุหลาบทมิฬวรยุทธ์สูงขนาดนั้น นางจึงจะสามารถลงทัณฑ์คนเลวพวกนั้นได้”
“ท่านปู่ก็วรยุทธ์สูงเช่นกัน แต่ด้วยสถานะของท่านปู่มิอาจทำเรื่องเหล่านี้ได้”
“คนที่มีวรยุทธ์สูงๆ นั้นมีมาก แต่ว่าผู้ที่ช่วยเหลือคนยากไร้ ประชาชนคนธรรมดาให้ไม่เสียเปรียบโดยไม่คำนึงถึงสถานะของตัวเองนั้นกลับมีไม่กี่คน”
“อย่างน้อย ในเมืองหลวงก็มีกุหลาบทมิฬแล้วหนึ่งคน”
“ถ้าหากอารมณ์ของนางอัดอึดจนถึงขนาดนั้นออกไปไล่ล่าพวกคนเลวทั้งคืน เช่นนั้นแม้นนางอารมณ์ไม่ดีในทุกๆ วันไม่รู้ว่าใต้หล้าจะสงบมากสักเท่าใดกันหนอ”
โจว๋ปี้หลัวพูดด้วยสัจธรรม ทั้งยังพูดอย่างมีหลักการทุกคำ
“เพี๊ยะ!”
“เหลวไหล! เจ้ามันสัตว์ร้าย!”
จู่ๆ นายใหญ่โจว๋พลันโกรธจัด ตบเข้าที่หน้าของโจว๋ปี้หลัวเต็มแรงหนึ่งฉาด
พวงแก้มเจ็บของโจว๋ปี้หลัวเจ็บจนร้อนผ่าว ดวงตามีดาวศุกร์วนเวียนเต็มไปหมด!
“ท่านปู่ ท่านตบข้าทำไม”
โจว๋ปี้หลัวมีใบหน้าตัดพ้อ น้อยเนื้อต่ำใจยิ่งนัก