นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 235
บทที่ 235 ก่อกบฏ2
ถางเปิ่นหู่เองก็หัวเราะแหะและพูดว่า “ตายไม่ได้! เพียงแต่เมื่อครู่ใช้กำลังภายในไปไม่น้อย ซ้ำยังหายใจเอาควันพิษเข้าใจเฮือกใหญ่ ระบบทางเดินหายใจค่อนข้างปั่นป่วนเล็กน้อย ดีที่กำลังภายในตระกูลถางเปิ่นของข้าแข็งแกร่งกว่าจวนอ๋องโจว๋ของเจ้าหลายเท่านัก ย่อมไม่ใช่อุปสรรคเป็นธรรมดา เจ้าต่างหากที่ต้องระวัง!”
“ฮ่าๆ!”
โจว๋หวูนเฟิงระเบิดหัวเราะร่า
ตระกูลทั้งสองเห็นอีกฝ่ายเป็นศัตรูเรื่อยมา ทว่าถึงเวลาคับขัน วีรบุรุษก็ยังอาทรวีรบุรุษ แย้มยิ้มด้วยความขอบคุณ!
ถางเปิ่นขุยมองเห็นบุตรชายของตนเองลุกขึ้นมาคัดค้านตนเอง ก็กล่าวด้วยสีหน้าโกรธเคือง “พวกเจ้าคนไม่รู้จักเป็นตาย! อยากเป็นวีรบุรุษจนไม่คำนึงถึงชีวิต? หากกำลังภายในฟื้นตัวแล้วก็ควรรีบหนีไปเสีย ไฉนต้องตายอยู่ที่นี่อย่างคนเบาปัญญาด้วย!”
โจว๋หวูนเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเย็นชา “ลูกผู้ชายไม่จำนนต่ออำนาจ จะหนีไปได้อย่างไรกันเล่า”
ถางเปิ่นหู่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “นับแต่เล็กท่านพ่อข้าไม่เคยสอนให้ข้าวิ่งหนี!”
ถ้อยคำนี้เป็นการกรีดลึกกลางใจถางเปิ่นขุย จากที่เขาได้ยินมันคือการเสียดสีอย่างเปิดเผย ทำให้เขายิ่งทวีความโหดร้ายทารุณมากยิ่งขึ้น!
“เล๋ยถิง พีลี่!”
“ข้าน้อยอยู่นี่ขอรับ!”
“พวกเจ้ารีบไปค้นหาคนผู้นั้นที่ชั้นบน เรื่องที่นี่มอบให้นักบอดี้การ์ดทั้งสี่จัดการ”
“ขอรับ! เจ้านาย!”
เล๋ยถิง พีลี่บินขึ้นโรยตัวออกไป
ถางเปิ่นขุยหัวเราะเย็นชา “นักบอดี้การ์ดทั้งสี่ ตอนนี้ได้เวลาพวกเจ้าออกโรงแล้ว!”
ฮัวโหล่หยูนสะบัดคลี่พัดกระดาษในมือออก เดินเข้าใกล้เบื้องหน้าฝูงชนด้วยท่าทีเสรีองอาจ ก่อนกล่าว “สหายทุกท่าน พวกเรานักบอดี้การ์ดทั้งสี่มิได้อยากทำร้ายพวกท่านเลยจริงๆ ถ้าหากพวกท่านหนีไปตอนนี้ล่ะก็ พวกเรารับปากว่าจะไม่ไล่ตามไป”
“เฮอะ! ฝีปากช่างยิ่งใหญ่นัก เช่นนั้นก็ลองดูสักตั้งว่าสิ่งที่พวกเจ้านักบอดี้การ์ดทั้งสี่เรียกว่าพลังคืออะไรกันแน่”
ถางเปิ่นหู่มีสีหน้าฮึกเหิม และพร้อมจะเผชิญหน้ารับศึกได้ทุกเมื่อ!
ฮัวโหล่หยูนเสมองถางเปิ่นขุยที่ไม่ได้ส่งเสียงแวบหนึ่ง แล้วมองถางเปิ่นหู่วีรบุรุษวัยเยาว์ที่กำลังฮึกเหิมผู้นี้ พลางกล่าวในใจว่า “คุณชายบ้านนี้ คนหนึ่งเป็นมหาโจร อีกคนเป็นวีรบุรุษ ช่างเป็นคุณชายคู่หนึ่งที่น่าสนใจจริงๆ”
โจว๋หวูนเฟิงเองก็เหยียดกายและออกไป ยืนอยู่ข้างกายของถางเปิ่นหู่ “ฮ่าๆ! ข้าดูแคลนต้นตระกูลถางเปิ่นของพวกเจ้าเรื่อยมา แต่ว่าวันนี้กลับต้องมองเจ้าถางเปิ่นหู่ใหม่เสียแล้วสิ”
ถางเปิ่นหู่ยิ้มบางๆ “เช่นกันเช่นกัน!”
ฮัวโหล่หยูนเห็นว่าถางเปิ่นขุยไม่เปล่งเสียง ก็รู้ทันใดว่าเขาได้ตัดสินใจเสียสละบุตรชายคนนี้เรียบร้อยแล้ว
“อัย! พวกท่านวัยหนุ่มทั้งสองคนช่างเป็นวีรบุรุษหนุ่มผู้กล้าเสียจริงๆ แต่น่าเสียดายที่กำลังจะตายในไม่ช้า!”
ประโยคนี้ก็ไม่รู้ว่าพูดให้ถางเปิ่นหู่กับโจว๋หวูนเฟิงฟัง หรือว่าต้องการจะพูดให้ถางเปิ่นขุยได้ยินกันแน่
อย่างไรก็ตาม ถางเปิ่นขุยฟังแล้วก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ กลับมา แต่ใบหน้าภายใต้หน้ากากนั้นอึมครึมอย่างถึงที่สุด
กลับเป็นถางเปิ่นหู่ที่ได้ยินแล้วก็ระเบิดหัวเราะก่อนเป็นอันดับแรก “ฮ่าๆ น่าขันยิ่งนัก! คนใต้หล้าต่างรู้ดี วิชาอัยการศึกที่เก่งกาจที่สุดในโลกล้วนอยู่ในตระกูลถางเปิ่นและจวนอ๋องโจว๋! วันนี้ ตระกูลถางเปิ่นและจวนอ๋องโจว๋ร่วมมือกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เจ้าสามารถลองวิทยายุทธ์ของพวกเราดูก็ได้!”
ฮัวโหล่หยูนเอ่ยคำ “วิทยายุทธ์ของพวกท่านเมื่อครู่ข้าได้ประจักษ์แล้ว ถ้าหากเป็นก่อนหน้าที่ยังไม่ได้เห็นกับตา วิทยายุทธ์ของพวกท่านทั้งสองล้วนทำให้ข้าน้อยประหลาดใจ หรือไม่ก็อาจรับมือไม่ทันบ้าง แต่ว่าตอนนี้ข้าน้อยทำความเข้าใจกับวิทยายุทธ์ของพวกท่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งเมื่อครู่พวกท่านเพิ่งจะต้องควันพิษ กำลังภายในจะต้องลดหย่อนลงบ้าง ตอนนี้ต่อให้พวกท่านร่วมมือกัน ก็เอาชนะข้าเพียงคนเดียวไม่ได้ นับประสาอะไรที่ตรงนี้มีพวกข้าตั้งสี่คน!”
“เฮอะ! เช่นนั้นก็ลองดูสักตั้ง!”
ถางเปิ่นหู่ร้องคำราม ยกฝ่ามือขึ้นแล้วกรูเข้าไป
โจว๋หวูนเฟิงรู้ดีว่าตอนนี้มิใช่ช่วงเวลาที่เกี่ยวกับคุณธรรมใต้ยุทธภพ ฝั่งของตนเองเหลือกำลังคนเพียงสิบกว่าเท่านั้น อีกทั้งส่วนใหญ่เฉกเช่นเจ้าสำนักซ่ง เถ้าแก่จิน ฮ่องเต้เหอถูและคนอื่นๆ ต่างเป็นผู้ต้องพิษหนัก ยังต้องการเวลาสักเล็กน้อยถึงจะสามารถแก้พิษออกไปได้
“พี่น้องถางเปิ่น ข้ามาช่วยเจ้า!”
โจว๋หวูนเฟิงแทงดาบพุ่งทะยานออกไป
ขณะที่ชายหนุ่มผู้มีความสามารถโดดเด่นที่สุดชูดาบคู่ร่วมประสานกัน พลังโจมตีร่วมกันนั้นไม่ใช่น้อยๆ เสียเมื่อไร!
ฝ่ามือวายุของถางเปิ่นหู่นั้นรุนแรงและดุดัน ส่วนเพลงดาบของโจว๋หวูนเฟิงนั้นงดงามหาใดเปรียบ ท่าทีแห่งการป้องกันและจู่โจมดูเข้มงวด…
การรวมตัวกันของคนทั้งสองย่อมประดุจเสือติดปีกเป็นธรรมดา…
ฮัวโหล่หยูนยิ้มบางๆ มองยังวุยรุ่นสองคนที่โจมตีเข้ามาสุดแรงเกิด เสมือนร่างของเขาระเบิดออกในชั่วพริบตาประดุจเมฆาคล้อยธารไหล วินาทีนั้น เขาทั้งคนก็ราวกับถูกห้อมล้อมด้วยเมฆ ล่องลอยไม่คงที่ นุ่มละมุน เปราะบางหาใดเปรียบ!
ฮัวโหล่หยูนและถางเปิ่นหู่ โจว๋หวูนเฟิงร่วมตะลุมบอนวงศึกเข้าด้วยกัน!
อีกฟากหนึ่ง คุณชายรูปวิการที่บารมีดุดันดุจยอดคีรีกำลังเป็นฝ่ายรุกโจมตีนักกระบี่หยิ่งเจี้ยนหารยี!
เขาย่อมรู้ว่าหนึ่งในนักบอดี้การ์ดทั้งสี่ ผู้ที่มีวรยุทธ์ชั้นสูงที่สุดนั่นก็คือเงาในความมืด…เจี้ยนหารยีคนนี้นั่นเอง!
โจว๋เจ้าสามมีท่าทีดุดันและเหี้ยมเกรียม แต่กลับถูกทหารมรณะชุดดำกลุ่มใหญ่ห้อมล้อมเอาไว้แล้ว
ในไม่ช้า…
ซ่งชิงซาน เถ้าแก่จิน ฮ่องเต้เหอถู ฮ่องเต้เถ่เหย่ นักมีดทองซ่งข่าย…และผู้มีฝีมือการต่อสู้ชั้นสูงต่างพากันลุกขึ้นมาอย่างเกรียวกราว…
บรรดาคนเหล่านี้มากสามารถโดดเด่น ใช้ลมปราณขับควันพิษออกไปแล้ว ฟื้นฟูกำลังส่วนภายใน ต่างก็พากันเข้าร่วมวงศึก!
เดิมทีคนเหล่านี้ต่างเป็นผู้มีฝีมือระดับหัวกะทิ!
ฮ่องเต้เหอถูไม่ค่อยสำแดงวรยุทธ์สักเท่าไรจึงไม่รู้…
แต่ว่าฮ่องเต้เถ่เหย่กลับเป็นวายร้ายตัวยงที่ทั้งกำลังภายในและภายนอกต่างบรรลุถึงจุดสูงสุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…
แต่น่าเสียดายที่ร่างกายเขาสูงใหญ่ การตอบสนองการเคลื่อนไหวล่าช้า ควันพิษที่สูดดมไปก็มากที่สุด บัดนี้วรยุทธ์ของเขาลดลงไปมาก แต่กลับยังฝืนต่อสู้กับทหารมรณะชุดดำได้เจ็ดแปดนายโดยไม่พ่ายแพ้…
ห้องโถงใหญ่ทั้งห้องติดแงกอยู่ในสนามศึกอันดุเดือดแห่งหนึ่ง!
ส่วนชั้นสอง ชั้นสามเองก็ได้ยินเสียง “เคร้งคร้าง” “โฉ้งเฉ้ง” ของดาบทหารปะทะกันดังลอยมาอย่างต่อเนื่อง…
เห็นได้ชัดว่าผู้ที่มีคุณสมบัติได้เข้าไปสู่ห้องปีกรับรองแขกของชั้นสองและชั้นสามนั้นต่างเป็นบุคคลที่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่กันทั้งนั้น บุคคลเช่นนี้ย่อมไม่อาจเอาชีวิตมาทิ้งได้เป็นแน่ ต่อให้ตนเองมีวิทยายุทธ์ไม่ได้ความ ข้างกายก็จำต้องมีนายพลหรือองครักษ์ที่วรยุทธ์เหนือธรรมดาตามติดมาด้วยไม่ห่าง…
จางเล๋ยถิงและหลี่พีลี่นำทัพทหารมรณะชุดดำสี่สิบห้าสิบนายกรูขึ้นมาจับคนบนชั้นสอง…
แม้ว่าแม่ทัพหลี่จางทั้งสองท่านจะมีวรยุทธ์ยอดเยี่ยม แต่ว่าอุปสรรคที่พวกเขาพานพบก็ไม่น้อยเลย…
การต่อสู้ยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด!
ทางด้านถางเปิ่นขุย มีเพียงชีวหยูนคนเดียวที่ยังไม่ได้เข้าร่วมวงศึก!
ในหมู่นักบอดี้การ์ดทั้งสี่มักมีพันธมิตรแฝงอยู่
ในระหว่างการต่อสู้ของฝูงชน มักจะเหลือหนึ่งคนไว้เพื่อป้องกันการซุ่มโจมตีหรือไม่ก็อาวุธซุกซ่อนเสมอ