นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 24
ตอนที่ 24 มันตกหลุมพรางแล้ว
เด็กน้อยระวังตัวมาก คล้ายกับรู้ว่าบรรยากาศรอบ ๆ มีความรู้สึกถึงอันตราย ทันใดนั้นเกิดสงสัยว่ามีใบไม้และหญ้าแห้งเกินมา มันก็ไม่กินเกาลัดอีก
วันที่หนึ่ง: เกาลัดที่อยู่บนตาข่ายไม่ลดเลยสักอัน
วันที่สอง: เกาลัดยังคงไม่ลดลงสักอัน
วันที่สาม: เกาลัดยังอยู่……
วันที่สี่: ……
ต่อเนื่องกันจนสิบกว่าวันผ่านไป เด็กน้อยทำเพียงแค่สำรวจรอบ ๆ สนามหญ้า แต่ไม่ยอมกระโดดเข้าไปในกับดักเพื่อกินเกาลัด ซินเหยาเห็นรอบ ๆ กับดักมีรอยเท้าเล็กอยู่ถี่ ๆ ก็รู้ว่ามันน่าจะใกล้ทนหิวไม่ไหวแล้ว
ดังนั้น วันนี้ซินเหยาทิ้งเกาลัดไว้บนกับดักมากกว่าวันอื่น ๆ
ในที่สุด……
มันตกหลุมพรางแล้ว!
ซินเหยามองเด็กน้อยที่ดิ้นอยู่ในตาข่าย ขนสีขาวราวหิมะเหมือนกับขนนุ่มๆเล็กๆของกระต่าย สีขาวบริสุทธิ์ไร้รอยมลทิน ร่างกายที่อ้วนตุ้ยนุ้ยคล้ายกลับลูกบอล กลมกลม คล้ายกับแมวที่ชื่อการ์ฟิล โครงหน้าแบนราบ ดวงตาวาววับดูฉลาดมีไหวพริบอย่างยิ่ง คิดถึงชีจ่ายในภาพยนตร์ฉางเจียงหมายเลขเจ็ด
“เด็กน้อยน่ารักมากเลย!”ซินเหยาอดไม่ได้ที่จะอุทาน
นี่คือตัวอะไรกันแน่?
ซินเหยาพบเจอมาเยอะมีความรู้กว้างขวาง แต่กลับไม่เคยเห็นสัตว์ตัวจ้อยที่แปลกขนาดนี้ ดูไปคล้ายกับจิ้งจอกตัวเล็กสีขาว หรือว่าจะเป็นลูกสุนัขสีขาวตัวหนึ่ง แต่รูปร่างกลมนุ่มนิ่มหน่อย ใบหน้าคล้ายกับเด็กตัวเล็ก ๆ
เด็กน้อยดิ้นเอาชีวิตรอดในตาข่าย ลักษณะเหมือนกับเจ็บปวดมาก
ซินเหยาดึงดาบออกมา ตัดแหวกตาข่าย
เด็กน้อยก็กระโดดออกมาจากในตาข่ายด้วยปฏิญาณไหวพริบ หล่นลงบนพื้นหญ้า
“เด็กน้อย รีบไปเถอะ ต่อไปอย่ามาขโมยกินอีก ถ้าเป็นคนอื่นจับเจ้าได้ เจ้าก็ไม่โชคเยี่ยงนี้”
เดิมทีซินเหยาเพียงแค่แปลกใจเลยอยากดูว่าเป็นสัตว์อะไรที่ขโมยกินเกาลัดของนาง ตอนนี้ได้เห็นแล้วเป็นเด็กน้อยที่น่ารักตัวหนึ่ง นางยิ่งไม่อยากทำร้ายมัน
“จีจี!”
อยู่ ๆ เด็กน้อยก็ร้องออกมาสองคำ คล้ายกับขอบคุณซินเหยา
ซินเหยายิ้มแล้วพูด: “เป็นข้าที่ออกแบบกับดักจับเจ้า ตอนนี้ก็ปล่อยเจ้าอีก ก็นับว่าพวกเราไม่ติดค้างกันแล้ว เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้า รีบวิ่งหนีไปเถอะ”
“จีจี! จีจี!” เด็กน้อยร้องไม่หยุด แต่กลับไม่ยอมไป
“เจ้าอยากพูดอะไร?” ซินเหยาแปลกใจมาก
“จีจี!”
ดวงตาของเด็กน้อยกลิ้งไปกลิ้งมาหลายครั้ง แล้วเห็นเกาลัดที่หล่นมาจากในตาข่าย……
“หึหึ เจ้ายังคิดเรื่องกินหรือ? ก็ได้ พวกเรายังไงก็นับว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน เจ้าก็กินเถอะ” ซินเหยาไปเอาเกาลัดที่เหลืออยู่ครึ่งถุงในครัว เทไว้บนพื้นหมดแล้วเจ้าอยากกินเท่าไหร่ก็กิน
“จีจี! จีจีจี!”
เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข ช่างน่ารักสุด ๆ
อยู่ ๆ ซินเหยาก็มีความคิดหนึ่ง พูด: “เหมือนกับเจ้าสามารถได้ยินที่ข้าพูด? ต่อไปเจ้าก็อยู่กับข้าเถอะ ข้าให้เจ้ากินเกาลัดเยอะ ๆ เลย” นางตกเป็นผู้ต้องสงสัยลักพาเด็กไร้เดียงสา
เด็กน้อยใช้สมองอันเล็กน้อย คิดแล้วคิดอีก ทันใดนั้นก็ทิ้งเกาลัดที่จับไว้ในมือ กระโดดขึ้นมา กระโดดขึ้นบนไหล่ของซินเหยา
ซินเหยาชอบความซนของเด็กน้อยน่ารักนี้จริง ๆ พูด : “เจ้าไม่พูดข้าก็ถือว่าเจ้ายอมรับแล้วนะ ต่อไปเจ้าก็ไปกับข้า ทั้งตัวเจ้าขาวดั่งหิมะเช่นนี้ ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวป๋าน”
เสี่ยวป๋านมือเท้ากระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข ปากไม่หยุดร้อง: “จีจี! จีจี!”
ลานหนังสือตระกูลโจว๋
นายท่านโจว๋ พี่น้องตระกูลโจว๋ทั้งสาม ยังมีหลานชายและญาติบางส่วนที่เป็นลูกศิษย์ที่ใช้แซ่ไม่เหมือนกัน เหลืออีกยี่สิบคนก็จะเต็มลานหนังสือตระกูลโจว๋แล้ว ในนั้นยังมีผู้เยาว์ที่หนึ่งคนเขาก็เป็นลูกศิษย์รุ่นที่สามของตระกูลโจว๋ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นจากคนอื่นมากที่สุด โจว๋หวูนเฟิง! คุณชายใหญ่ตระกูลโจว๋!
ในนี้ทุกคนล้วนมีฝีมืออยู่ในอันดับสูง ยิ่งกว่านั้นยังเป็นตัวแทนพละกำลังที่แข็งแกร่งที่พึ่งพาได้ของตระกูลโจว๋
นายท่านโจ๋วใบหน้าเคร่งขหรือมเข้มงวด เปิดปากพูด: “คิดว่าทุกคนคงรู้แล้วว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น เมืองหลวงช่วงนี้ชาวบ้านตกอยู่ในความวิตกกังวล ในหมู่ชาวบ้านเกิดหวาดกลัว”
โจว๋หวูนเฟิงพูด: “ท่านปู่ องครักษ์ของฮ่องเต้จับกุมมือสังหารได้ ทั้งหมดจะก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวบางอย่าง ท่านรีบร้อนเรียกพวกเรามาประชุม ก็เพื่อเรื่องนี้?”
โจว๋เส้ากวางพูด: “เฟิงเอ๋อ ปู่ของเจ้าพูดนั้นไม่ใช่เรื่องนี้”
โจว๋หวูนเฟิงพูด: “เยี่ยงนั้นเป็นเรื่องอะไรกัน? ข้าได้ยินลูกน้องพูดกัน ช่วงนี้เมืองหลวงมียอดฝีมือลึกลับที่ใช้ดาบคนหนึ่ง ถูกขนานนามว่ากุหลาบสีดำ เรื่องที่ท่านปู่พูดคือเรื่องนี้?”
นายท่านโจว๋พูด: “เฟิงเอ๋อ กุหลาบสีดำแม้ว่าจะเก็บเงินแล้วฆ่าคน แต่เขานับว่าเป็นคนมีคุณธรรม คนทั้งหมดที่ฆ่าล้วนเป็นโจรปล้นแม่น้ำ คนร้ายที่ทำชั่วไม่หยุดที่สมควรได้รับโทษ ถ้าจับกุมกุหลาบสีดำได้ ก็เป็นเรื่องของศาลาว่าการ ไม่เกี่ยวข้องกับจวนอ๋องโจว๋ของพวกเรา เฟิงเอ๋อปิดตนฝึกกระบี่มาหนึ่งปี พึ่งจากออกมา เรื่องที่เจ้าบอกมันผ่านไปแล้ว”
โจว๋เส้ากวางพูด: “ขอรับ ท่านพ่อ”
โจว๋หวูนเฟิงถามด้วยความแปลกใจ: “ท่านปู่ ท่านพ่อ แท้จริงแล้วเกิดอันใดขึ้นกันแน่? ข้าพึ่งได้ออกมา ท่านปู่ยังไม่ทันได้ทดสอบการพัฒนาของวรยุทธ์ข้า ทำไมกี่วันนี้ทุกคนถึงได้เคร่งขหรือมกันนัก? ท่านปู่ก็ไม่ได้สนใจว่าข้าปิดตัวเองฝึกวรยุทธ์หนึ่งปีจะพัฒนาไปอย่างไรแล้ว”
โจว๋เส้ากวางพูด: “เฟิงเอ๋อ เจ้ายังจำมู่หรงเซียนได้หรือไม่?”
โจว๋หวูนเฟิงพยักหน้า: “แน่นอนว่าจำได้! มู่หรงเซียนเป็นกุนซือของจวนอ๋องโจว๋ของพวกเรา เมื่อก่อนเป็นรองแม่ทัพชิงหลง หนึ่งคู่ขวานฝีมือยอดเยี่ยมสะท้านฟ้า เป็นยอดฝีมือที่หาตัวจับยากคนหนึ่ง ตอนข้ายังเด็ก เขาก็มักจะแนะนำการฝึกวรยุทธ์ให้ข้า แต่สามปีก่อนเขาเลื่อนขั้นย้ายไปเมืองหลวงเป็นผู้บัญชาการทหารองครักษ์ ข้าก็เลยได้เจอเขาน้อยมาก แต่ว่าเขาก็จงรักภักดีต่อราชสำนัก กับพวกเราจวนอ๋องโจว๋เขาก็จงรักภักดี นับว่าเป็นบุรุษที่น่านับถือผู้หนึ่ง”
โจว๋เส้ากวางพยักหน้า พูดด้วยสีหน้าเศร้าโศก: “เขาตายแล้ว!”
โจว๋หวูนเฟิงพูดอย่างตกใจ: “ท่านลุง……มู่หรงตายแล้ว? วรยุทธ์ของเขายอดเยี่ยม จะตายได้เยี่ยงไร?”
โจว๋เส้ากวางพูด: “ผู้ที่ฆ่าเขาตายไม่ใช่คน! แต่เป็นสัตว์เวทย์ที่โหดร้ายตัวหนึ่ง!”
โจว๋หวูนเฟิง: “สัตว์เวทย์? หรือว่าจะเป็นสัตว์เวทย์ที่อยู่ในป่าซางฉีที่เขาเล่าลือกัน?”
โจว๋เส้ากวาง: “สัตว์เวทย์นี้ได้หายสาบสูญบนแผ่นดินไปหมดแล้วตั้งแต่ร้อยปีก่อน ในป่าซางฉีที่หนาวมากทางตอนเหนือที่เล่าลือกันนั้นเป็นสถานที่เดียวที่มีสัตว์เวทย์บรรพกาลที่โหดร้ายป่าเถื่อน แต่ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ในเฉียนหลงวานที่อยู่ใกล้ตอนเหนือของเมืองหลวงปรากฏสัตว์เวทย์ที่ดุร้ายตัวหนึ่ง—-หมาป่าสองหัว!”
โจว๋หวูนเฟิง: “หมาป่าสองหัว? ในหนังสือประวัติศาสตร์จาหรือกไว้ว่ายุคสมัยดึกดำบรรพ์สัตว์เวทย์ล่าอย่างโหดร้าย? ในโลกนี้มีหมาป่าสองหัวสัตว์นรกที่แปลกประหลาดเยี่ยงนี้อยู่จริง ๆ หรือ?”
“ใช่! สัตว์เวทย์ปรากฏตัวบนโลกมนุษย์ ยังเป็นสัญญาณที่ร้ายแรงมาก เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน สัตว์เวทย์ฆ่าคนอย่างโหดร้ายไปถึงร้อยคน กินวัวม้าสัตว์เลี้ยงไปนับไม่ถ้วน ตอนนี้จิตใจผู้คนหวาดกลัว เมืองหลวงผู้คนต่างรู้สึกไม่ปลอดภัย”
“สัตว์นรกนี้ทำร้ายมนุษย์! จะไม่จัดการฆ่าหรือ?”
“ทหารองครักษ์นำยอดฝีมือกลุ่มใหญ่มุ่งหน้าไปตามล่าสัตว์เวทย์ที่สร้างความเสียหายให้ประชาราษฎร์ แต่ว่าทั้งหมดได้ไปแต่ไม่ได้กลับ……ท่านลุงมู่หรงของเจ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น”
“สัตว์เวทย์โหดร้ายเช่นนี้โดยแท้จริง? จวนอ๋องโจว๋ของพวกเราจะมองอย่างนิ่งเฉยได้อย่างไร?”
“นี่ก็คือเหตุผลที่พวกเรารอเจ้าออกมา ความหมายของท่านปู่ของเจ้าคือหวังว่าครั้งนี้ให้เจ้านำยอดฝีมือไปตามล่าสังหารสัตว์เวทย์! เฟิงเอ๋อ ครั้งนี้นับว่าอันตรายมาก ถ้าเจ้าไม่มั่นใจ…….”
“ไม่! ข้ามีความมั่นใจ”
โจว๋หวูนเฟิงพูด: “ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านลุงท่านอาทุกท่าน เฟิงเอ๋อรู้ว่าทุกท่านรักและอยากปกป้องข้า ตั้งแต่เล็กจนโต ของที่ดีที่สุดล้วนมอบให้ข้า! แม้แต่วรยุทธ์ของข้า ก็เป็นท่านปู่และท่านลุงท่านอาทุกท่านเป็นผู้ชี้แนะ เฟิงเอ๋อมีความสำเร็จในวันนี้ได้ ล้วนพึ่งพาการอบรมเลี้ยงดูที่ทุกท่านทุ่มเทคอยสั่งสอน ตามฆ่าสัตว์เวทย์ครั้งนี้ ภารกิจอันตรายและยากลำบาก เฟิงเอ๋อรู้ว่าท่าปู่และท่านลุงท่านอาทุกท่านจะทดสอบความสามารถของเฟิงเอ๋อ เฟิงเอ๋อจะพยายามทำให้เต็มที่แน่นอน จะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวัง!”
นายท่านโจว๋พยักหน้าอย่างชื่นชม: “เฟิงเอ๋อ เจ้าฉลาดอย่างแท้จริง แค่เพียงเล็กน้อยก็สามารถเข้าใจได้ ไม่เสียแรงจริง ๆ ที่พวกเราคอยอบรมสั่งสอนเจ้ามาอย่างดี ถ้าครั้งนี้เจ้าสามารถนำยอดฝีมือตระกูลโจว๋ไปจับฆ่าสัตว์เวทย์ได้สำเร็จ ไม่เพียงแค่ได้ช่วยกำจัดทุกข์ให้ประชาราษฎร์ แต่ยังสามารถพึ่งพาศึกครั้งนี้ให้เจ้ามีชื่อเสียงได้ ก่อเกิดอำนาจบารมี นี่จะเป็นสิ่งที่ส่งเสริมความสำเร็จของเจ้าในอนาคตอย่างยิ่งใหญ่ ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่บททดสอบ แต่จะเป็นโอกาสที่จะสร้างคุณงามความดี!”
โจว๋หวูนเฟิงพูด: “ท่านปู่ ท่านโปรดวางใจ หลานจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน!”
หลังจากร่วมหารือกันอย่างเคร่งเครียดผ่านไปหนึ่งชั่วยามกว่า ในที่สุดก็ได้กำหนดแผนการหน้าที่ตามฆ่าสัตว์เวทย์ในครั้งนี้อย่างละเอียด โดยให้โจว๋หวูนเฟิงเป็นผู้นำ นำยอดฝีมือตระกูลโจว๋แปดคนมุ่งหน้าไปเฉียนหลงวานฆ่าสัตว์เวทย์ ในยอดฝีมือแปดคนนี้มีโจว๋เส้ากวางและโจว๋เส้าฉีสองพี่น้องด้วย อีกหกคน ก็เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งอันดับสองในตระกูลโจว๋
หลังจากวางแผนภารกิจและการแบ่งงานเสร็จ นายท่านโจว๋ให้โจว๋เส้ากวางและโจว๋เส้าฉีลูกชายทั้งสองให้อยู่ต่อกันก่อน
“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกเจ้าสองพี่น้องสุขุมหนักแน่นตลอดมา เฟิงเอ๋อในครั้งนี้ต้องให้พวกเจ้าดูแลแล้ว ทั้งหมดต้องให้ความปลอดภัยของเฟิงเอ๋อมาก่อนอันดับแรก เข้าใจไหม?”
นายท่านโจว๋กำชับครั้งแล้วครั้งเล่า เขาไม่อยากให้โจว๋หวูนเฟิงผู้ที่มีศักยภาพสืบทอดตระกูลโจว๋เพียงหนึ่งเดียวเกิดอุบัติเหตุอันใดขึ้น จับสัตว์เวทย์ไม่ได้ก็ไม่ต้องเคร่งครัด สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของคน”
โจว๋เส้าฉี: “ท่านพ่อวางใจ พวกเราจะปกป้องเฟิงเอ๋อด้วยชีวิต เขาเป็นความหวังหนึ่งเดียวของจวนอ๋องโจว๋ของพวกเรา”
นายท่านโจว๋ถามขึ้นทันที: “พี่รอง ในบรรดาพี่น้องทั้งหมดเจ้าเป็นคนที่ฉลาดและรอบคอบที่สุด เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมครั้งนี้ข้าถึงให้เฟิงเอ๋อนำกองกำลังไปด้วยตัวเอง?”
โจว๋เส้าฉีตอบ: “ท่านพ่ออยากให้เฟิงเอ๋อได้ฝึกฝนอย่างหนัก และเติบโตจากการเผชิญอันตรายครั้งนี้……”
นายท่านโจว๋ไม่พูดต่อ
โจว๋เส้าฉีถามอย่างแปลกใจ: “หรือว่าท่านพ่อยังมีความหมายอื่นอีก?”
นายท่านโจว๋พยักหน้า: “เจ้าเป็นคนฉลาดที่สุดในตระกูลโจว๋โดยแท้จริง! ฝึกกรำสามารถในการเป็นผู้นำของเขาและสร้างความชอบในการรบจริง ๆ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่พวกนี้เป็นเพียงแค่เหตุผลบังหน้า”
“แล้วเหตุผลจริง ๆ คืออันใด?”
“หัวใจหมาป่า!”
ปากของนายท่านโจว๋เปร่งสองคำที่หนักมากออกมา
“หัวใจหมาป่า? เป็นของอันใดกัน?”
“ข้างในของสัตว์เวทย์ซ่อนพลังชีวิตเน่ยตานไว้ด้านใน สัตว์เวทย์ยิ่งแกร่งขนาดไหน หัวใจหมาป่าข้างในยิ่งมีพลังมาก พลังกำลังของสัตว์เวทย์ก็มาจากหัวใจหมาป่าที่อยู่ข้างใน”
“คาดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องนี้จริง ๆ”
“นี่เป็นเพียงเรื่องที่เล่าขานกันมา จริงหรือเท็จต้องให้พวกเจ้าไปค้นหาเอง แต่ว่าหนังโบราณจาหรือกไว้ว่าหัวใจหมาป่าที่อยู่ภายในตัวสัตว์เวทย์มีพลังชีวิตมากมายมหาศาล ถ้าคนธรรมดากินหัวใจหมาป่าเข้าไป ร่างกายจะแข็งแกร่ง ชีวิตยืนยาวง่ายดาย ถ้าเป็นคนที่ฝึกวรยุทธ์กินหัวใจหมาป่าเข้าไป พลังภายในจะแข็งแกร่ง ปรับการทำงานของร่างกายและจิตใจให้มีพลังแข็งแกร่ง วรยุทธ์พัฒนาอย่างรวดเร็ว! หลังจากพวกเจ้าฆ่าหมาป่าสองหัวแล้ว ผ่าท้องของมัน แล้วเอาหัวใจหมาป่าให้เฟิงเอ๋อกิน!”
โจว๋เส้าฉีรู้ชัดเห็นแจ้ง: “แต่ไหนแต่ไรท่านพ่อได้ไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบแล้ว เฟิงเอ่อร์ปิดตัวเองหนึ่งปี พลังก้าวหน้าจนเป็นยอดฝีมือขั้นเจ็ด ทำลายยอดฝีมือขั้นเจ็ด บรรลุถึงขั้นแปดก็สามารถคาดหวังได้ในเร็ววัน ถ้าสามารถกินหัวใจหมาป่าได้ ได้พลังที่มีประสิทธิภาพมาช่วย เขาก็สามารถทะลุตรวนขั้นเจ็ดได้ กลายเป็นหนึ่งร้อยปีมานี้เป็นยอดฝีมือแปดขั้นในราชวงศ์ส้งคนแรกที่อายุน้อยกว่ายี่สิบห้าปี!”
นายท่านโจว๋พูด: “จากการที่พวกเราทุ่มตัวปลูกฝังสั่งสอน วรยุทธ์ของเฟิงเอ๋อพัฒนาอย่างรวดเร็ว อายุยังน้อยก็ได้เป็นผู้โดดเด่นกลายเป็นยอดฝีมือที่อายุน้อย ถ้าได้ยืมพลังปราณของหัวใจหมาป่า เขาจะได้ก้าวหน้าไปอีกขั้นอย่างรวดเร็ว อายุน้อยตลอดชีวิตในวัยหนุ่ม และก็ไม่มีใครสามารถเป็นเงาแทนได้……รอจนข้าหนึ่งร้อยปีแล้ว ตระกูลโจว๋ก็ยังไม่มีทางตกต่ำ!”