นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 251
บทที่ 251 เพื่อบุรุษเพียงคนเดียว2
“ก็คือดาบกระแสน้ำลับล้ำค่าหลังจากวิวัฒนาการหนึ่งพันปีให้หลังกระมัง”
ซินเหยาไม่สามารถอธิบายให้เขาฟังได้จริงๆ ว่าปืนเลเซอร์คืออะไร
“ว้า!”
“กบสุกแล้ว!”
“หอมจังเลย”
ซินเหยาตื่นเต้นเล็กน้อย ฉีกขากบย่างสุกข้างหนึ่งออก แล้วกัดเบาๆ คำหนึ่ง “ว้า! กรอบนอกนุ่มในจริงๆ เป็นเนื้อที่นุ่มสุดๆ ไปเลย กบในโลกนี้อร่อยกว่ากบในโลกนั้นของพวกเราเสียอีก จะต้องเป็นเพราะว่าไม่มียาฆ่าแมลงในทุ่งหญ้าเป็นแน่”
โอหยางซิงเฉินมองยังผู้หญิงนางหนึ่งกินของน่าขยะแขยงขนาดนี้ ท่าทางนั้นดูเหมือนกำลังกลืนแมลงวันตัวหนึ่งก็ไม่ปาน!
ซินเหยาดึงขากบอีกข้างออกมา “แบ่งให้ท่านอันหนึ่ง!”
โอหยางซิงเฉินส่ายหน้า
ซินเหยาเอ่ย “อย่ากระตุ้งกระติ้งได้ไหม อย่าได้คิดว่าตนเองเป็นคนชั้นสูงที่สง่างามและมีเกียรติอะไรเลยดูถูกกบน้อยตัวนี้! ท่านกินสักหน่อยก็เข้าใจเอง เนื้อกบตัวนี้จะต้องนุ่มอร่อยกว่าเนื้อต่างๆ ที่ท่านเคยกินมาเป็นไหนๆ อย่างแน่นอน! อย่าบอกข้าว่าผู้ชายตัวฉกรรจ์อย่างท่านไม่กล้ากินเนื้อกบเชียว!”
“ใครบอกว่าไม่กล้า?”
โอหยางซิงเฉินรับขากบมา ยัดเข้าปากและหลับตาแน่น…
ซินเหยามองท่าทางของเขา กล่าวพลางยิ้ม “กลืนเข้าไปทั้งอย่างนั้นไม่ได้นะ! ต้องเคี้ยวช้าๆ ให้ละเอียด ถึงจะสามารถลิ้มรสชาติของมันได้”
โอหยางซิงเฉินเคี้ยวอย่างลังเลสองครั้ง ทันใดนั้นก็พบว่าที่แท้เนื้อกบนี้มันช่างรสชาติโอชะมากจริงๆ นุ่มละเอียด แม้ว่าจะไม่ได้ใส่เครื่องปรุง แต่กลับมีกลิ่นหอมหวานชนิดหนึ่งในตัวมันเอง!
“ที่แท้เนื้อกบก็อร่อยขนาดนี้เชียว” โอหยางซิงเฉินได้ทานอาหารอร่อย ก็พลอยโล่งใจลง
ซินเหยากล่าวยิ้มๆ “อร่อยมากเลยกระมัง? ถ้าอร่อยก็รีบฆ่ากบนั่นเสีย ท่านมาฆ่า ข้าจะย่าง ใช่แล้ว ใช้กริบของบรรพบุรุษตกทอดของท่านเล่มนั้น คมสุดๆ เลยล่ะ มันมีประโยชน์ในการฆ่ากบมาก!”
“ถ้าบรรพบุรุษข้ารู้ว่าข้าใช้กริชองอาจเล่มนี้มาเพื่อฆ่ากบ จะต้องพิโรธจนกระโจนออกมาจากหลุมฝังศพเป็นแน่!” ถึงแม้ปากจะกล่าวอย่างหมดทนทาง แต่ว่าโอหยางซินเฉินยังคงเริ่มเรียนรู้วิธีฆ่ากบจากวิธีการของซินเหยาอย่างทะมัดทะแมง…
ทั้งสองคนย่างไปด้วยกินไปด้วย สำราญใจนัก
โอหยางซิงเฉินกลับเป็นคนที่เรียบง่ายสมถะขนาดนี้
เริ่มต้นคิดว่าการกินกบเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้จริงๆ แต่ว่าหลังจากที่ได้ลิ้มลองรสชาติเอร็ดอร่อยของเนื้อกบแล้ว เขาเองก็ทานอย่างเบิกบานใจด้วยเหมือนกัน
ซินเหยาเอ่ยถาม “เนื้อกบอร่อยไหม”
โอหยางซิงเฉินยัดเนื้อย่างคำโตเข้าไปในปาก เคี้ยวอย่างมันเมาน่ากลัว และเปล่งเสียงออกมาอย่างอู้อี้ “อะ…อะ…อร่อย ไม่เคยกินเนื้อกบมาก่อน แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะอร่อยเพียงนี้”
ซินเหยากล่าว “ครั้งหน้าหากมีโอกาสจะย่างเนื้อหนูนาให้ท่านกิน ยิ่งอร่อยเข้าไปใหญ่!”
โอหยางซิงเฉินพูด “ท่านว่าเนื้ออะไรนะ”
ซินเหยากล่าว “หนูนา ก็คือหนูนั่นแหละ!”
“แหวะ!”
เนื้อในปากของโอหยางซิงเฉินพุ่งออกมาทั้งหมด!
“ท่าน…ท่านเป็นผู้หญิงอะไรกันแน่”
“กบ!”
“หนู…”
“เหตุใดท่านจึงกินทุกอย่างไปหมด”
โอหยางซิงเฉินถามด้วยสีหน้ามหัศจรรย์
ซินเหยายิ้มแข็งๆ ก่อนกล่าว “ข้า…ข้าล้อท่านเล่น!ได้ยินว่าเนื้อหนูนานั้นอร่อยมาก แต่ข้าเองก็ไม่เคยกิน กบยังพอรับได้ แต่ว่าหนู…มักจะรู้สึกว่ารับไม่ได้เสมอมา แต่หากเจ้าของร้านใหญ่โอหยางของพวกเราสนใจลองสักหน่อย ข้าไม่รังเกียจที่จะกินเป็นเพื่อนท่าน!”
“อย่า! อย่า! ความมีน้ำใจของท่านข้าทราบซึ้งแล้ว!”
โอหยางซิงเฉินรีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน
ซินเหยาเอ่ย “ตอนนี้ท่านควรจะบอกข้าว่าท่านเป็นใครกันแน่ได้แล้วกระมัง”
โอหยางซิงเฉินพูด “คุณชายรูปวิการเจ้าของร้านจี้โม่ไงเล่า! ตอนนี้คนทั่วหล้าต่างรู้กันหมดแล้วว่าข้าคือเจ้าของร้านตัวจริง กระบวนท่าแหวกหญ้าให้งูตื่นของนักบอดี้การ์ดทั้งสี่ช่างฉลาดเสียจริงๆ ไม่เพียงแต่แย่งสมบัติล้ำค่าไป หากแต่ยังดึงข้าออกมาได้สำเร็จอีกด้วย”
ซินเหยากล่าว “ท่านอย่าได้ทำให้ข้าสับสน ท่านยังจะแสร้งเป็นหมูให้เสือตายใจ? คนอื่นมองไม่ออก แต่ท่านหลบไม่พ้นสายตาของข้าหรอก! วรยุทธ์ของท่านเก่งกาจขนาดนี้ จะเป็นเพียงเจ้าของโรงเตี๊ยมธรรมดาๆ คนหนึ่งได้อย่างไรกัน ต่อให้ร้านจี้โม่จะลึกลับขนาดไหน ก็ไม่อาจปกปิดความมโหฬารของท่านได้หรอก”
โอหยางซิงเฉินบอก “ที่แท้กินกบของท่าน ยังต้องจ่ายราคาค่างวดสินะ!”
ซินเหยากล่าวยิ้มๆ “กินท่านก็กินไปแล้ว ก็สมควรจะพ่นของบางอย่างออกมาได้กระมัง”
โอหยางซิงเฉินพูด “เอาเถิด ท่านอยากรู้อะไร”
“ท่านเป็นใครกันแน่”
คุณชายรูปวิการ! เป็นคุณชายรูปวิการที่สลับตัวมา”
“ยังมีตัวตนอื่นๆ อีก?”
“ไม่มีแล้ว! นี่ก็คือตัวตนเพียงอย่างเดียวของข้า!”
“ขอทานขี้เมาคนนั้นเล่า?”
“นั่นเป็นเพียงหนึ่งในเรื่องที่ข้าได้รับมอบหมายให้ทำเมื่อหลายปีก่อน ข้าไม่ต้องการทำเรื่องนี้ในฐานะคุณชายรูปวิการ ดังนั้นจึงมักจะแต่งกายเป็นขอทานหรือไม่ก็ขี้เหล้าออกไปตามหาผู้ที่ฟังเพลงนั้นเข้าใจบ่อยๆ!”
“พูดอย่างนี้ ท่านก็ไม่รู้จริงๆ ว่าแหวนวงนี้ใช้การอย่างไรใช่หรือไม่” ซินเหยาเปิดเผยแหวนบนนิ้วมือของตนเอง
“ไม่รู้” โอหยางซิงเฉินส่ายหน้า ก่อนกล่าว “ในเรื่องๆ นี้ ข้าน้อยเป็นเพียงผู้ส่งสาส์นคนหนึ่งเท่านั้นจริงๆ!”
ซินเหยาดูท่าทางเขาไม่ค่อยจะได้ความ ขบคิดก่อนกล่าว “เช่นนั้นนักบอดี้การ์ดทั้งสี่เล่า นักบอดี้การ์ดคือใครกันแน่”
โอหยางซิงเฉินพูด “ที่มาของนักบอดี้การ์ดนั้นค่อนข้างลักลับ แต่ว่าร้านจี้โม่ไม่เคยถามตัวตนของแขกเลยสักครั้ง ขอเพียงเข้ามาในร้านก็นับว่าเป็นแขก จะไปคาดคิดได้อย่างไรว่านักบอดี้การ์ดทั้งสี่ที่อาศัยอยู่ร้านจี้โม่ตั้งหลายปีผู้มีใจภักดีมากขึ้นเรื่อยๆ จะกล้าทรยศ?”
“วรยุทธ์ของพวกเขาแข็งแกร่งเพียงนี้ เหตุใดจึงเป็นบอดี้การ์ดในร้านจี้โม่เล่า”
โอหยางซิงเฉินกล่าว “พวกเขาตามหาเจ้านายของตนเอง ร้านจี้โม่คือสถานที่พบปะสังสรรที่เข้มข้นที่สุดในยุทธภพ ด้วยเหตุนี้หากจะหาใครสักคนจึงสะดวกมาก ข่าวคราวคล่องตัวยิ่งนัก!”
ซินเหยาถามอย่างใคร่รู้ “เจ้านาย? เจ้านายอะไร?”
โอหยางซิงเฉินส่ายหน้า “ข้อนี้ไม่ชัดเจน ข้าเองก็รู้เพียงว่าพวกเขากำลังตามหาเจ้านาย ส่วนเจ้านายของพวกเขาคือใคร มีที่มาอย่างไร แต่ไรมาร้านจี้โม่ไม่เคยถาม หลายปีมานี้พวกเขาทำประโยชน์และคุณงามความดีแก่ร้านจี้โม่มากมาย อันที่จริงพวกเขาเดินมาถึงจุดนี้ ข้าเองก็นึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง!”
ซินเหยากล่าว “ที่แท้ท่านก็มีมีจิตใจหวงแหนพวกเขามาก ไม่แปลกใจที่เมื่อครู่ท่านมิได้ลงมือสังหารพวกเขา!”