นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 255
บทที่ 255ฉวยโอกาสลวนลาม1
มันฟุบอยู่ในมุมอับอย่างบูดบึ้ง ท่าทีท้อแท้ จนคนรู้สึกปวดใจเสียจริงๆ
ซินเหยาเอ่ยสองสามประโยคอย่างระมัดระวังอย่างยิ่ง
“เสี่ยวป๋าน”
“เจ้าและข้าเป็นนายบ่าวแค่ในนาม แต่ความเป็นจริงแล้วพวกเราก็เหมือนกับเป็นสหายกัน…”
“บางครั้งข้าก็เห็นว่าเจ้าเป็นลูกของนางเอง”
“ข้าไม่เคยเป็นแม่คนมาก่อนเลย”
“และข้าเองก็ไม่เคยเป็นนายใครด้วย”
“ดังนั้นข้าไม่อาจเป็นเจ้านาย และไม่อาจเป็นแม่คนหนึ่งได้”
“ถ้าหากข้าทำอะไรที่ไม่ดีลงไป จากนี้ข้าจะปรับปรุง ข้าจะเป็นเจ้านายหรือว่าแม่ที่ดีคนหนึ่งจากการเรียนรู้…”
“ตอนนี้ข้าแค่รู้สึกว่าตัวข้าเองนั้นไร้ประโยชน์นัก”
“ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าจะต้องเศร้ามากเป็นแน่…”
“ดูท่าทีหดหู่ เงียบขรึม ไร้ชีวิตชีวาของเจ้าแล้ว…”
“ข้าก็รู้ในทันใด”
“บางทีเจ้าอาจจะไม่ได้โกรธแค่อย่างเดียว บางทีเจ้าอาจจะป่วย…”
“ใช่”
“เจ้าป่วยเข้าให้แล้ว”
“เจ้าใช่เสี่ยวป๋านที่มีความสุขสุขภาพแข็งแรงตัวนั้นแล้ว”
“แต่ว่าอาการป่วยของเจ้า หมอก็รักษาไม่หาย”
“ข้าได้ทดลองทุกวิถีทางก็ไม่อาจรักษาเจ้าได้”
“เจ้ารู้ว่าข้าไม่ชมชอบการสังหารคนเรื่อยมา”
“ถ้าหากตอนนี้เจ้าสามารถดีขึ้นมาได้ ต่อให้ข้าต้องไปฆ่าคน ข้าก็ยินดี…”
“เสี่ยวป๋าน”
“ข้าเพียงแค่อยากบอกเจ้า”
“เจ้ากำลังป่วย”
“ข้าจะคิดหาทางรักษาเจ้าเอง”
“หากรักษาไม่หาย ข้าก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไปเลย!”
“ชั่วชีวิต ตลอดทั้งชีวิตนี้ จะอยู่เคียงข้างเจ้า!”
“ข้าต้องไม่อาจทอดทิ้งเจ้าเป็นอันขาด!”
“ข้ารู้ว่าวันนี้ที่จะฆ่าข้า จะต้องไม่ใช่เจตนาของเจ้าเป็นแน่”
“ในใจเจ้าเองก็ไม่ต้องมีความสำนึกผิดใดๆ เลย ข้าไม่ได้โกรธเลยสักนิด”
“ข้าเพียงแค่หวาดกลัว กลัวว่าตนเองจะทำเรื่องไม่ดีอะไรลงไป…”
“เจ้าไม่กินไม่ดื่มไม่แตะ ข้าก็จะทำเป็นเพื่อนเจ้า ไม่กินไม่ดื่มไม่ขยับ…”
“เจ้าหยัดยืนได้นานเท่าใด ข้าก็จะกล้ำกลืนนานเท่านั้น”
“อันที่จริงข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าสามารถฟังคำของข้าได้เข้าจากน้อยเท่าไหร่”
“ข้ารู้ว่าเจ้าเฉลียวฉลาดมาก…”
“แต่ว่าข้าไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเจ้าสามารถฟังเข้าใจในทุกประโยคเลยหรือไม่…”
“ข้าเพียงแต่อยากบอกเจ้าผ่านการกระทำ…”
“ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า…จนแก่เฒ่า จนถึงวันนั้นที่พวกเราตายไป”
กล่าวจบ
พวงแก้มของซินเหยาก็มีน้ำตาไหลกลิ้งลงมา หลังจากนั้น นางก็พิงที่มุมกำแพง นั่งลงข้างๆ เสี่ยวป๋าน
เสี่ยวป๋านฟุบอยู่ในมุมอับ…
นางประชิดใกล้เสี่ยวป๋าน นั่งลงพิงตรงกำแพง…
และไม่เอ่ยคำอีกต่อไป ไม่เอ่ยแม้แต่ประโยคเดียว ทำเพียงอยู่เป็นเพื่อนมันอย่างเงียบเชียบเช่นนี้…
โลกภายนอก สับสนวุ่นวาย…
มีเพียงภายในห้องๆ นี้ ในร้านพักแขกแห่งนี้เท่านั้น…
เวลาราวกับว่าหยุดหมุนลง
เสี่ยวป๋านนอนฟุบอย่างเงียบนิ่ง ไร้ชีวิตชีวา ซินเหยาเองก็อยู่ข้างๆ มันอย่างเงียบสงบ…
หนึ่งคนหนึ่งเดรัจฉาน หนึ่งเจ้านายหนึ่งบ่าว…
ได้ทอดทิ้งความเจริญรุ่งเรืองและความรีบร้อนของโลกภายนอกไปโดยสิ้นเชิง
ทำเพียงเฝ้าคอยซึ่งกันและกันอย่างเงียบงัน…
ซินเหยาไม่กินไม่ดื่ม อยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวป๋านที่กำลังป่วยอย่างเงียบเชียบ ไม่สนใจว่าเรื่องราวภายนอกจะเกิดอะไรขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว…
วันที่หนึ่ง
โอหยางซิงเฉินเข้ามาดูแลร้านจี้โฒ่ด้วยตนเอง เริ่มจัดการกับงานควันหลงหลังจากการสังหารหมู่
ความลับและเบื้องลึกของร้านจีโม่นั้นทำมาอย่างสมบูรณ์แบบเรื่อยมา ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นเดียวกัน
มีคนไม่กี่คนในเมืองหลวงรู้เรื่องโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในร้านจี้โม่
และยิ่งไปกว่านั้นคือมีคนจำนวนน้อยมากที่รู้ว่ามีผู้นำชั่วร้ายลึกลับคนหนึ่งช่วงชิงกล่องเซิ้นที่สอง…สมบัติล้ำค่ามากที่สุดใต้หล้านี้ไปแล้ว
คนที่รู้เรื่องดังกล่าวล้วนเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์คืนนั้น แต่ว่าคนเหล่านั้นล้วนไม่ได้โพนทะนาให้คนนอกรับรู้ ด้านหนึ่งคือเพราะกลัวเสียหน้า และอีกด้านหนึ่งคือเพราะไม่กล้ายุแหย่ร้านจี้โม่…
ถึงแม้ไม่มีนักบอดี้การ์ดทั้งสี่แล้ว แต่ว่าร้านจีโม่ยังคงไม่มีใครกล้าที่จะรุกรานอย่างง่ายดาย
โดยเฉพาะเจ้านายตัวจริงผู้ลึกลับคนนี้ วรยุทธ์สูงส่ง ยากแท้หยั่งถึง…
ทว่าข้อสงสัยที่วนเวียนอยู่ในกลุ่มคนผู้รู้เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นั่นก็คือหยาวซินเป็นผู้ใดกันแน่?
พวกเขารู้ดี คืนวันนั้นถ้าหากไม่ใช่ชายอัปลักษณ์ร่างเล็กนามว่าหยาวซินผู้นั้นปรากฏตัวได้ทันเวลา และกำจัดนักบอดี้การ์ดทั้งสี่จนพ่ายแพ้…
ทุกคนอาจจะตายทั้งหมด
ในเวลานั้นชั้นสามยังมีปรมาจารย์ลึกลับคนหนึ่ง ลึกลับอย่างถึงที่สุด แต่ว่ายอดฝีมือผู้นั้นทำเพียงปกป้องตนเอง ไม่ได้ปรากฏตัว ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ได้ช่วยเหลือคนอื่นๆ หลังจากที่ตัวเขาเองต่อสู้จนแม่ทัพทั้งสองพ่ายแพ้ก็อันตรธานหายสาบสูญไป…
นี่ย่อมไม่ถูกผู้คนขนานนามเรียกขานว่าเป็นวีรบุรุษ
ชายอัปลักษณ์หยาวซินผู้ที่ไม่มีประวัติชาติกำเนิดใดๆ คนนั้น กลับใช้ความแข็งแกร่งของตนเอง บ้าระห่ำเดือดดาล ช่วยชีวิตคนทั้งหลาย…
จู่ๆ ก็กลายเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ชั่วข้ามคืน
ไม่เพียงแต่ชื่นชมวรยุทธ์โดดเด่นสะท้านภพของเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังสรรเสริญวิญญาณอันกล้าหาญชาญชัยของเขาด้วย
ทุกคนคาดคะเนาต่างๆ นานา ทว่าไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ล่วงรู้ว่าสรุปแล้วหยาวซินคือผู้ใด มาจากที่ไหนกันแน่
ผู้เดียวที่รู้นั่นก็คือโจว๋หยุนถิง
ทว่าโจว๋หยุนถิงไม่ได้มองเห็นซินเหยาช่วยเลือผู้คนในเหตุการณ์ด้วยการต่อสู้จนนักบอดี้การ์ดทั้งสี่พ่ายแพ้กับตาตนเอง ทั้งยังหลังจากที่เขากลับไปคืนนั้นก็กระวีกระวาดไปเสาะหาคุณหนูซ่ง เพื่อยืนยันว่าคุณหนูซ่งไม่เป็นอันตราย และได้รับการปล่อยตัวกลับมาแล้ว เขาจึงสบายใจ
จากนั้นโจว๋ก้องหรุงและโจว๋หวุนเฟิงล้วนกลับจวนอ๋องโจว๋ด้วยอาการบาดเจ็บ เขาเป็นคนนอกคนหนึ่ง ไม่สะดวกที่จะเข้าออกจวนอ๋องโจว๋ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ไปเยี่ยมเยียน
ยิ่งไม่รู้เกี่ยวกับวีรกรรมช่วยชีวิตผู้คนแห่งวีรบุรุษหยาวซินเลยด้วยซ้ำ
เขารู้เพียงแต่ว่าท่านลุงสามและพี่ใหญ่มีชีวิตกลับมาได้ ต้องเป็นความตรากตรำของซินเหยาเป็นแน่
โลกไม่มีใครแล้ว ดูเหมือนกับเปลี่ยนแปลงรูปแบบต่างๆ ไป
ซินเหยาอาศัยอยู่ในร้านพักแขกอย่างเงียบสงบ ทำเพียงเป็นเพื่อนเสี่ยวป๋านเท่านั้น…
คนด้านนอกทั้งหมด เรื่องราวทั้งปวง ราวกับว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับนางเลย
คนทุกคนล้วนง่วนกับสิ่งต่างๆ ที่มีผลประโยชน์ต่อตนเองกันทั้งนั้น..