นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 258
บทที่ 258 อนาทรต่อใครบางคน1
ทว่านึกไม่ถึง นับตั้งแต่เห็นหนุ่มน้อยนามว่าหยาวซินคนนั้นในร้านจี้โม่ค้านฟ้าด้วยมือเดียว ความกล้าหาญและอารมณ์ขบขันที่บิดเพี้ยนผิดแผก วิญญาณของนางราวกับถูกกระชากก็ไม่ปาน แม้ว่าคืนนี้จะเข้าวังมาพบกับฮ่องเต้ผู้หล่อเหลาราวกับรูปวาด ก็ไม่ได้มีความตกใจตะลึงอึ้งค้างเป็นเวลานานอะไรเลย
ฮ่องเต้เหอถูเห็นว่าบุตรีบูดบึ้งไม่พึงใจ จึงเอ่ยถามเสียงกระซิบ “ลูกสาว ไฉนเจ้าจึงไม่เปล่งวาจาตลอดทั้งคืน คืนวันพรุ่งเจ้าก็ต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสอย่างเป็นทางการกับฮ่องเต้แล้ว คืนนี้ควรจะสื่อสารเจรจากับฮ่องเต้เสียหน่อย ฮ่องเต้พระองค์ถึงแม้จะน้อยชันษา แต่ว่าการเมืองและความชาญฉลาดไม่ธรรมดาเอามากๆ เชียว เจ้าสมรสกับพระองค์จะต้องเป็นแม่แผ่นดินในภาคหน้าเป็นแน่”
จ้าวยู่หญิงกล่าวอย่างอิดออดเล็กน้อย “บิดา ข้าไม่แต่งได้หรือไม่”
สีหน้าของฮ่องเต้เหอถูเปลี่ยนไป เขาลดเสียงลงและพูดว่า “เจ้าพูดอะไร ไม่ใช่ว่าคุยกันดีแล้วหรือ หลังจากเจ้าสมรสกับฮ่องเต้เป็นฮองเฮาแล้ว นี่ไม่เพียงแต่เป็นเกียรติและความมั่งคั่งส่วนตัวเจ้าคนเดียวเท่านั้น แต่จะยังช่วยท่านพ่อได้นั่งในตำแหน่งอ๋องถู่ซือได้อีกด้วย”
สีหน้าจ้าวยู่หญิงผุดเผยความเศร้าตรมเล็กน้อย “แต่ว่าตอนนี้ลูกนึกเสียใจภายหลังแล้ว ลูกไม่อยากเป็นฮองเฮาแล้ว”
ฮ่องเต้เหอถูกล่าวด้วยความตกใจ “เพราะเหตุใด ฮ่องเต้เป็นผู้มีพรสวรรค์ วรยุทธ์สูงส่ง เป็นปัญญาชนมีอนาคต เจ้ายังไม่พอใจอีกเชียวหรือ”
จ้าวยู่หญิงกล่าว “มิใช่ว่าลูกไม่ต้องตาฮ่องเต้ เพียงแต่ลูก…ลูกตกหลุมรักชายผู้อื่นไปเสียแล้ว”
สีหน้าฮ่องเต้เหอถูเปลี่ยนไป “เจ้า…เจ้า…รักผู้ใด”
จ้าวยู่หญิงกล่าว “หยาวซิน”
ฮ่องเต้เหอถูเอ่ย “ผู้ใดคือหยาวซิน”
“ก็คือเด็กหนุ่มผู้กล้าหาญผู้ปราบนักบอดี้การืดทั้งสี่ในร้านจี้โม่คนนั้นอย่างไรเล่า”
“ชายผู้น่าเกลียดกว่าคางคกคนนั้น? ลูกสาว คนอื่นล้วนเป็นคางคกขี้โรคที่อยากกินเนื้อหงส์ฟ้า ไฉนเจ้าจึงกลับกัน กลายเป็นหงส์ฟ้าอยากกินเนื้อคางคกเน่ากันเล่า”
“ลูกไม่ทราบ ในใจลูกสับสนยิ่งนัก ข้ารู้ว่าเขาหน้าตาอัปลักษณ์ ทว่าในสมองของลูกยังคงลืมเขาไม่ลง เขามั่นใจในตัวเอง ขบขัน กล้าหาญ วรยุทธ์ยิ่งสูงส่ง เขาถึงจะเป็นวีรบุรุษอายุน้อยที่ลูกอยากแต่งงานด้วย”
ถึงแม้จ้าวยู่หญิงจะมีชื่อที่อ่อนโยน แต่ว่าภายนอกแข็งกระด้าง ค่อนข้างซื่อตรงไร้เดียงสา แต่ไม่ได้มีความบิดเพี้ยนและเหนียมอายดั่งหญิงสาวในที่ราบลุ่มภาคกลาง
ฮ่องเต้เหอถูรู้สึกไม่พอใจ กล่าวเสียงต่ำ “ขยะ วันพรุ่งเจ้าก็จะกลายเป็นฮองเฮาอยู่แล้ว ในใจเจ้าจะยังอนาทรต่อผู้ชายคนอื่นได้อย่างไร เจ้าต้องรู้ว่าความหวังและอนาคตของชนเผ่าทั้งหมดอยู่ในมือของเจ้าเพียงคนเดียว ต่อไปอย่าได้กล่าววาจาไร้สาระพรรค์นี้อีก”
“บิดา ลูกรู้ว่าจะทำอย่างไร”
จ้าวยู่หญิงประนีประนอมต่อบิดาอย่างจนปัญญา
ในวังเดียวกัน
ฮ่องเต้พระองค์หนึ่ง ฮองเฮาในอนาคตคนหนึ่ง…
แต่ในใจกลับกังวลเกี่ยวกับคนๆ หนึ่ง
บุคคลคนเดียวกัน
นี่คือผลลัพ์ที่ซินเหยาซึ่งอยู่เคียงข้างเสี่ยวป๋านจะอย่างไรก็คาดคิดไม่ถึง…
นางคิดว่าฮ่องเต้อำมหิตจะปฏิบัติทุกอย่างได้เป็นอย่างดีโดยปราศจากนาง มีสตรีนับจำนวนไม่ถ้วนรอคอยความโปรดปรานจากเขาทุกวัน…
นางไม่รู้ว่าฮ่องเต้อำมหิตถวิลหาเกี่ยวกับนางในทุกคืนวัน ทว่ากลับไม่อาจแสดงออกมาได้ ทำได้เพียงระงับอารมณ์ไว้ในใจของตนเองอย่างเจ็บปวด
ส่วนจ้าวยู่หญิง…
ซินเหยายิ่งคาดคิดไม่ถึงไปกันใหญ่
นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืนนั้นจ้าวยู่หญิงก็อยู่ในร้านจี้โม่ด้วยเช่นกัน
คนๆ เดียวกลับดึงดูดความถวิลหาสองประเภทได้…
คนที่คอยถวิลหาสองคนนี้ วันพรุ่งก็จะแต่งงานกันแล้ว
“ฤดูสารทกรุ่นกลิ่นรากบัวแดงเหี่ยวเฉา เสื่อไผ่เรียบลื่นเย็นดุจผิวหยก”
“คลี่ชุดแพรบาง ล่องนาวาเพียงลำพัง”
“มีไหมผู้ใดส่งสารจากฟ้า ผ่านเมฆาลงมาถึง”
“ห่านป่าบินเรียงแถวกลับรวงรัง ยามแสงจันทราอาบทั่วหอตะวันตก”
“บุปผาปลิดปลิว ธารารี่ไหล”
“หนึ่งความคะนึงหาระหว่างสองคนที่ห่างไกล”
“ความหมองหม่นนี้ไร้หนทางเยียวยา”
“เลือนหายจากมุ่นคิ้ว ไปปรากฏ ณ กลางใจ”
“ปรากฏในดวงใจ”
เวลาสองวันเต็มๆ ผ่านพ้นไป เสี่ยวป๋านยังคงนิ่งเฉยไม่เขยื้อน ซินเหยาเองก็หิวมาสองวันเต็มๆ แล้ว กระเพาะปวดแสบจนแดดิ้น แต่นางมองไปยังเสี่ยวป๋านเป็นครั้งคราว อันที่จริงเวลานั้นล้วนคิดทบทวนและทำสมาธิ…
วันที่สาม กำลังจะมาในเร็วๆ นี้…
เสี่ยวป๋านยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ดูเหมือนว่ามันจะยิ่งท้อแท้และอ่อนแอลงกว่าเก่า…
ซินเหยาคอยเคียงข้างมันเสมอ ราวกับว่าทุกสิ่งในโลกภายนอกไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางเลย
งานอภิเษกสมรสที่มีสีสันแพรวพราว โอ่อ่าอลังการในวังหลวง
ทั่วทุกแห่งหนล้วนเต็มไปด้วยผู้คนที่ปรีติยินดี
ใบหย้าของพวกเขา เปี่ยมด้วยแววเบิกบาน
ดูเหมือนว่าจะสุขสมเสียยิ่งกว่าคู่สมรสใหม่เสียอีก
คู่สมรสใหม่กลับมิได้เบิกบานใจ
ทั้งสองคนต่างมีความคิด ต่างมีความอนาทรต่อผู้อื่นอยู่…
งานอภิเษกสมรสยิ่งใหญ่ของฮ่องเต้ แฝงได้ด้วยความอดสูและการประนีประนอม แต่งกับองค์หญิงที่ส่งมาเชื่อมไมตรี เพื่อแลกกับความมั่นคงของแนวชายแดน
ถึงแม้จะเป็นฮองเฮาที่แต่งตั้ง ทว่ากลับไม่มีความฟุ่มเฟือยอันสูญเปล่า
ทุกหนแห่งในเมืองหลวงเปี่ยมล้นไปด้วยความชื่นมื่นอีนเจือจาง ไม่ได้มีเค้าลางแห่งบรรยากาศของพิธีอภิเษกสมรสของราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ใต้หล้า หรืองานเฉลิมฉลองวันชาติแต่อย่างใด
ในวังหลวงเองก็ไร้ความครื้นเครงอย่างหามิได้
เสียงดังโครมครามตลอดทั้งคืน จนถึงช่วงเวลาตกดึกไร้ผู้คน…
ฮองเฮาองค์ใหม่นั่งอยู่ตรงขอบเตียงสวมมงกุฎหงส์ เพื่อรอคอยการมาถึงของเจ้าบ่าวอย่างฮ่องเต้…
หลังจากผ่านการดื่มสุราไปสามรอบ ฮ่องเต้อำมหิตก็ลากสังขารอันเหนื่อยอ่อนและเมามายเข้ามาในห้องบรรทม
บรรยากาศในห้องหอ อึดอัดและเงียบกริบ
บ่าวสาวคู่ใหม่ ล้วนไม่เปล่งเสียง เจ้าสาวนั่งบนเตียง เจ้าบ่าวนั่งบนเก้าอี้ ชูแก้วให้กับเทียนสีแดงเปล่าเปลี่ยวเบื้องหน้า แก้วแล้วแก้วเล่า…
จนกระทั่งฟ้าสาง ฮ่องเต้อำมหิตเมาจนหมดสติฟุบอยู่บนโต๊ะราวกับโคลนตมอันเลอะเทอะ…
จ้าวยู่หญิงทรมานใจตลอดทั้งคืน ในที่สุดก็สงบใจลง ลอบปรนลมหายใจหนึ่งเฮือก “นับว่าเขาเมาจนฟุบลงไปแล้ว คืนนี้น่าจะไม่อาจแตะต้องข้าได้แล้ว”
ในที่สุดนางก็ทอดถอนใจด้วยความโล่งอกและผล็อยหลับไปในอาภรณ์ตัวนั้น
ฮ่องเต้อำมหิตที่เมาราวกับโคลนเลอะเทอะ ก็ลอบเอ่ยในใจ “คืนนี้นับว่าเรื่องอลหม่านผ่านไปแล้ว แสร้งเมาช่างเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดเสียจริง….”
คืนแต่งงาน…
งานมงคลสมรส
ทุกนาทีในค่ำคืนแห่งวสันตฤดูล้วนมีค่า
คู่สมรสใหม่กลับหมุกมุ่นอย่างทุกข์ทรมาน…
วันที่สี่…
เคยมีนักวิทยาศาสตร์ทำการทดลองที่มีอำนาจมากที่สุด คนปกติคนหนึ่ง ไม่กินข้าวปลาสิบวันก็ไม่อาจหิวตายได้ แต่ว่าไม่ดื่มน้ำสามวัน อาจจะไม่สามารถอยู่รอดได้