นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 29
ตอนที่ 29 การทดสอบสายโลหิต
ทันใดนั้นซินเหยารู้สึกเสียใจที่เผลอเมตตานางมารร้ายนั่นไป หากรู้ว่านางจะน่ารังเกียจถึงเพียงนี้ นางจะต้องได้รับการสั่งสอนที่ดียิ่งกว่านี้เสียอีก
การทดสอบสายโลหิตอย่างนั้นหรือ
นั่นมันเลวร้ายมาก
โจว๋ปี้หลัวต้องการจะฆ่านาง ไม่ใช่แค่อยากให้นางรีบออกไปจากจวนอ๋องโจว๋เท่านั้น ยังอยากให้นางสิ้นชื่อ จนไม่มีหน้าจะอยู่ที่เมืองหลวงนี่ได้อีกด้วย
แต่นายหญิงเซียวที่อยู่ข้างๆกลับดีใจเป็นอย่างมาก ก้าวเท้าไปข้างหน้าสองก้าวแล้วกระซิบเสียงเบา “คุณหนู ครั้งนี้เจ้าจะได้เป็นทายาทอย่างแท้จริงแล้ว ภายหลังเจ้าจะได้เป็นที่รู้จักในฐานะคนของตระกูลโจว๋แล้ว”
ซินเหยาได้แต่ส่งยิ้มแห้งเหี่ยว
นายหญิงเซียวกล่าว “รอยยิ้มเจ้าดูอึดอัดยิ่งนัก เจ้ากำลังตื่นเต้นหรือกังวลอย่างนั้นหรือ เด็กโง่ เจ้าไม่เห็นต้องกังวลเลย การทดสอบสายโลหิตนั้นง่ายดายมาก แต่ก็เป็นวิธีที่ได้ผลมากทีเดียว จะต้องเป็นหลักฐานชั้นดีที่จะยืนยันได้ว่าเจ้าคือคุณหนูเก้าตัวจริง”
ซินเหยากระซิบเสียงเบา “นายหญิงเจ้าคะ ความจริง… ในครั้งแรกที่พี่สี่พาตัวข้ามา พวกท่านไม่ได้สงสัยกันจริงๆหรือเจ้าคะว่าข้าอาจจะเป็นตัวปลอม ความจริงแม้แต่ตัวข้าเองยังไม่รู้เลยว่าข้าใช่คุณหนูเก้าจริงๆหรือไม่”
นายหญิงเซียวยิ้มบางเบา “เจ้าอาจจะตื่นเต้นกระมัง ไม่ต้องกังวลไปหรอก เจ้าจะต้องผ่านอย่างแน่นอน”
ซินเหยาเอ่ยถาม “เหตุใดนายหญิงถึงดูมั่นใจขนาดนั้นล่ะเจ้าคะ”
นายหญิงเซียวพยักหน้า “เพราะข้าเคยพบกับนายหญิงหมิ่นแล้ว เจ้าเป็นลูกสาวของนายท่านจริงๆ ไม่ผิดตัวอย่างแน่นอน และข้าเชื่อว่าทุกคนที่เคยพบเจอนายหญิงหมิ่นจะต้องปักใจเชื่อว่าเจ้าคือเลือดเนื้อเชื้อไขของนายท่านอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าเหตุใดนายท่าน นายหญิงของนายท่าน และผู้คนมากมายในตระกูลโจว๋ถึงได้เชื่อว่าเจ้าคือโจว๋ปี้หรุงตัวจริงกันเล่า”
ซินเหยากล่าวอย่าประหลาดใจ “ข้าเหมือนกับนายหญิงหมิ่น… ข้าหมายถึง ข้าเหมือนกับท่านแม่มากเลยหรือเจ้าคะ”
นายหญิงเซียวพยักหน้า “ราวกับโขลกออกมาอย่างไรอย่างนั้นเลย เพียงแค่ดูอ่อนกว่านายหญิงหมิ่นอยู่มากก็เท่านั้นเอง”
ซินเหยากล่าว “แล้วหากข้าไม่ผ่านการทดสอบสายโลหิตล่ะเจ้าคะ จะทำอย่างไร”
นายหญิงเซียวกล่าวยิ้มๆ “ไม่ต้องกังวลไปหรอก เจ้าจะต้องผ่านอย่างแน่นอน”
ซินเหยาไม่ได้กล่าวอันใดอีก
นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายหญิงเซียวถึงได้มั่นใจนักว่านางคือโจว๋ปี้หรุงที่แท้จริง
ก็ในความเป็นจริงนางคือคนจากต่างโลกต่างหากเล่า มีเพียงแค่หน้าตาที่คล้ายคลึงก็เท่านั้น นางจะไปเป็นโจว๋ปี้หรุงตัวจริงได้อย่างไรกัน
ในตอนที่ซินเหยานิ่งไป โจว๋เส้าฉีก็รีบกล่าวขึ้นมา “ซินเหยา เจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือไม่”
ซินเหยากล่าว “เรื่องนั้น…”
โจว๋เส้าฉีกล่าว “เด็กน้อย เจ้าไม่ต้องตื่นเต้นไป เป็นเพียงพิธีการเท่านั้น ต่อจากนี้ไปเจ้าก็สามารถยืดอกอยู่ในจวนอ๋องโจว๋ได้อย่างเปิดเผยแล้ว”
ซินเหยากล่าว “ความจริง… ข้ายังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลยเจ้าค่ะ หากข้า… เป็นโลหิตจาง และยังไม่ได้ทานข้าวเช้าอีก ข้ากลัวว่าตอนที่กรีดเลือดข้าจักต้องเป็นลมล้มลงไปแน่นอน ใช่แล้ว เมื่อคืนวานข้าเหมือนจะไม่สบาย อึดอัดไปทั้งตัวเลยเจ้าค่ะ”
โจว๋ปี้หลัวหัวเราะอย่างไม่เชื่อ “เหอะ หาข้ออ้างที่จะหนีหรือ”
ซินเหยากล่าว “ข้าเพียงแค่หิวเท่านั้น แค่ต้องการทานข้าวเช้าเท่านั้น”
โจว๋ปี้หลัวกล่าวเสียงเย็น “เหอะ ลูกไม้ของเจ้าใช้ไม่ได้ผลหรอกนะ เจ้าหนีไปไหนไม่รอดหรอก”
โจว๋เส้าฉีกล่าว “ใครก็ได้ ไปเตรียมข้าวเช้าให้คุณหนูเสียหน่อย หลังมื้อเช้าจบลงพิธีการทดสอบสายโลหิตจะเริ่มทันที”
ซินเหยาเอ่ยถาม “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าไปหาอะไรรองท้องที่โรงครัวเองก็ได้ เพราะข้าใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชนมาก่อน ต่างจากใครบางคน ที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง แต่จิตใจคับแคบอย่างน่ารังเกียจ”
โจว๋ปี้หลัวหัวเราเสียงเย็น “เหอะ เจ้าจะไปโรงครัว ต้องการจะหนีอย่างนั้นหรือ อย่าได้ฝัน วันนี้หน้ากากของเจ้าจะต้องถูกกระชากออก ให้ทุกคนได้รับรู้กันไปเลยว่าเจ้านั้นคือตัวปลอม มาสวมรอยเป็นน้องสาวของข้า”
ซินเหยายิ้มเย็น “เช่นนั้นเจ้าก็มากับข้าสิ หากคุณหนูผู้ยิ่งใหญ่เช่นท่านเข้าไปในโรงครัวได้ล่ะก็นะ…”
“ท่านพ่อเจ้าคะ…”
ซินเหยาจ้องมองโจว๋เส้าฉี ราวกับกำลังรอคอยคำอนุญาตจากเขา
โจว๋เส้าฉีพยักหน้า “เจ้าไปเถอะ รีบไปรีบกลับ พวกข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่ พวกข้าจะตระเตรียมสิ่งของที่จำเป็นต่อการทดสอบสายโลหิต เจ้าหก เจ้าก็ไปกับซินเหยาด้วย”
“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ”
ท่าทางของโจว๋ปี้หลัวดูมีความสุขมาก ที่จะได้จับตาดูนาง
“เหอะ”
ซินเหยาจ้องมองนาง ก่อนจะแยกตัวออกจากกลุ่มคน แล้วตรงไปยังโรงครัว
***
“การฆาตกรรม”
“ฝ่าบาท เกิดเหตุฆาตกรรมครั้งใหญ่ขึ้นที่ศาลเจ้าพ่ะย่ะค่ะ”
สองโหรหลวงต่างก็เข้ามาแจ้งนิมิตหมายที่เกิดขึ้นกับศาลเจ้าแก่ทรราชในเวลาเดียวกัน
ทรราชนำโหรหลวง ทหารรักษาการณ์ ทหารรักษาพระองค์ และเสนาบดีเข้ามาภายในศาลเจ้า…
นมัสการประดิษฐานเทพเจ้า ธูปทุกเผาไหม้ จนควันกลายเป็นหมอกที่หนาทึบ…
“ระบบอัจฉริยะกำลังถูกเปิดใช้งาน โปรดแสดงลายนิ้วมือของท่าน เพื่อระบุตัวตน”
“ระบบอัจฉริยะกำลังถูกเปิดใช้งาน โปรดแสดงลายนิ้วมือของท่าน เพื่อระบุตัวตน”
“ระบบอัจฉริยะกำลังถูกเปิดใช้งาน โปรดแสดงลายนิ้วมือของท่าน เพื่อระบุตัวตน”
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียงเครื่องกลที่แปลกประหลาดซ้ำไปซ้ำมา…
ครึ่งชั่วยามก่อนหน้า มีหนูตัวหนึ่งได้เดินผ่านหน้าหีบพระเจ้า จนไปเปิดโดนระบบอัจฉริยะของหีบพระเจ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
เสียงเครื่องกลดังซ้ำไปซ้ำมา ในสายตาของทรราชและเสนาบดีที่ไม่เข้าใจภาษาจีน จึงเหมือนกับกำลังฟังเสียงประหลาดที่ดังว่า ตือดึ่ง ตือดึ่ง ตือดึ่ง ตือดึ่ง…
โหรหลวงคุกเข่าลง คำนับเทพเจ้าสามครั้ง ทำเช่นเดิมอีกครั้ง และกล่าวออกมาอย่างจริงจัง “ฝ่าบาท คำเตือนจากสวรรค์บอกว่า กำลังเกิดภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่จากสวรรค์พ่ะย่ะค่ะ”
ทรราชคิ้วขมวด “ภัยพิบัติหรือ ภัยพิบัติอันใดกัน”
โหรหลวงกล่าว “เป็นภัยพิบัติจากสวรรค์เพื่อลงโทษบุคคลผู้โง่เขลา จึงไม่อาจเปิดเผยไปได้”
ทรราชกล่าว “แล้วจะแก้ปัญหาภัยพิบัติได้เยี่ยงไรกัน”
โหรหลวงยกนิ้วคำนวณแล้วกล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีของจื่อวุย ดวงดาวเคลื่อนย้ายไปที่ตำหนักจื่อวุย ตำหนักจื่อวุยอยู่ทิศตะวันออก บุคคลชั้นฟ้า จะเป็นผู้ที่ช่วยผู้คนของแผ่นดินนี้ให้พ้นจากภัยพิบัติ และตามหาบุคคลชั้นฟ้า ทางทิศตะวันออก ตำหนักจื่อวุย ชั้นฟ้า…”
ทรราชกล่าวเสียงเย็น ใบหน้าตกอยู่ในความตะลึง “ตำหนักจื่อวุย ตำหนักจวนอ๋องโจว๋อย่างนั้นหรือ จะบอกว่า คนผู้นั้นอยู่ที่จวนอ๋องโจว๋หรือ โหรหลวง จวนอ๋องโจว๋ตั้งอยู่ทิศใดของเมืองหลวง”
โหรหลวงตอบกลับมาว่า “ทางทิศตะวันออกพ่ะย่ะค่ะ”
ทรราชกล่าว “เป็นใครกันที่ถอดความลับสีฟ้าแห่งสวรรค์ได้”
เสนาบดีคนหนึ่งตอบกลับมา “นายท่านโจว๋แห่งจวนอ๋องโจว๋พ่ะย่ะค่ะ เป็นหนึ่งในสี่ปรมาจารย์ผู้เกรียงไกร ถูกขนานนามว่าจอมดาบผู้ไร้พ่าย ระดับชั้นของนายท่านโจว๋เองก็ติดอยู่ที่ชั้นฟ้าพ่ะย่ะค่ะ”
ทรราชกล่าว “ทวยเทพได้ชี้แนะมาแล้วว่าจวนอ๋องโจว๋คือเบาะแสที่สำคัญ โหรหลวง กองกำลังลับ เฉิงเสี้ยง รีบจัดเตรียมพิธีการ หลังการเคารพทวยเทพ จะต้องตรงไปยังจวนอ๋องโจว๋ทันที ข้าจะนำหีบพระเจ้าติดตัวไปยังจวนอ๋องโจว๋ด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
เสนาบดีต่างกู่ร้องสรรเสริญ โหรหลวงรีบเตรียมพิธีการ เสนาบดีรีบเตรียมสิ่งของ ทหารรักษาการณ์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการออกนอกพระราชวัง
แต่ท้ายที่สุดทรราชก็เลือกวิธีแปลงกาย และพาทหารรักษาการณ์ โหรหลวงกับหัวหน้าเฉิงเสี้ยงถางเปิ่นไปด้วยเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
หีบพระเจ้ากำลังแจ้งเตือน ว่าพื้นใต้นภากำลังจะเกิดภัยพิบัติขึ้น
ห้ามป่าวประกาศเรื่องเช่นนี้เด็ดขาด ไปยังจวนอ๋องโจว๋เพื่อตามหาผู้ที่จะก่อให้เกิดภัยพิบัติ ไม่สามารถไปอย่างเอิกเกริกได้ เพราะไม่ต้องการให้ผู้คนตื่นตกใจ จำต้องรู้ หนึ่งร้อยสามสิบปีที่ผ่านมา นี่ถือเป็นครั้งแรกที่หีบพระเจ้าได้ออกนอกพระราชวังหลวงนอกจากช่วงพิธีประจำปี
เมื่อแปลงกายเสร็จ ทรราชพากำลังคนไม่กี่คนและหีบพระเจ้าขึ้นรถม้าออกนอกพระราชวังไป
รถม้ามาจอดที่ต้นไม้ใหญ่นอกจวนอ๋องโจว๋ ทรราชมองลอดผ่านจากผ้าม่านภายในรถม้า เมื่อเห็นความยิ่งใหญ่ของจวนอ๋องโจว๋ ความหรูหรานั้นถือว่าทัดเทียมกับพระราชวัง เขาจึงรู้สึกอึดอัดขึ้นในใจ
“ทหารรักษาการณ์ลงไปเคาะประตูเสีย วันที่ดีเช่นนี้แต่ประตูใหญ่ของจวนอ๋องโจว๋กลับปิดสนิท มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ทหารรักษาการณ์ที่แต่งชุดข้ารับใช้ทำธรรมดาลงจากรถมา และตรงไปยังประตูจวนโจว๋
ข้ารับใช้เคาะประตู ทันใดนั้นก็มีคนเปิดประตูออกมา
ข้ารับใช้และผู้ที่เปิดประตูพูดคุยกันชั่วครู่ แล้วจึงกลับมารายงาน
“ฝ่าบาท ความจริงวันนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่จวนอ๋องโจว๋พ่ะย่ะค่ะ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“หลายเดือนที่ผ่านมา ตระกูลโจว๋ได้ตามหาตัวคุณหนูเก้าที่หายตัวไปพบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ในวันนี้คนของตระกูลโจว๋ต่างมารวมตัวกันที่ศาลเจ้าตระกูลโจว๋เพื่อทำการทดสอบสายโลหิตพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นวันนี้จวนอ๋องโจว๋จึงปิดประตู และไม่ต้อนรับผู้ใดทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
ทรราชเหลือบสายตามองอย่างรวดเร็ว “ก็หาตัวเจอมาตั้งหลายเดือนแล้ว เหตุใดถึงเพิ่งมีการทดสอบสายโลหิตกัน หรือว่ามีเหตุผลอื่นด้วย”
ข้ารับใช้กล่าว “เรื่องนี้กระหม่อมก็ไม่อาจทราบพ่ะย่ะค่ะ”
ทรราชกล่าว “เช่นนั้นพวกเราเข้าไปดูกัน ใช้ตราประจำตัวของข้าเข้าไป อย่าเอิกเกริก พวกเราแค่ไปแอบดูเท่านั้น อาจมีอะไรที่คาดไม่ถึงกำลังรออยู่เบื้องหน้าก็เป็นได้”
เมื่อซินเหยาและโจว๋ปี้หลัวกลับมาถึงศาลเจ้า ใจกลางกลุ่มคนในศาลเจ้ามีชั้นไม้เพิ่มขึ้นมาหนึ่งชิ้น บนชั้นไม้นั้นมีอ่างน้ำใสวางไว้อยู่ โจว๋เส้าฉียืนอยู่ข้างตรงนั้น ถือกริชขนาดเล็กสองด้ามไว้ในมือ
ใบหน้าของโจว๋ปี้หลัวดูทุกข์ระทม บ่นพึมพำว่า “คิดว่าจะหลบหนีไป กลับไปโรงครัวเพื่อทานโจ๊กเท่านั้นหรือ”
ซินเหยากล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ไม่ทานอะไรก่อนกรีดเลือด เดี๋ยวได้เป็นลมล้มพับกันไปพอดี”
โจว๋ปี้หลัวพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด
การที่ซินเหยามีท่าทีมั่นใจเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีของนาง
นางคาดหวังที่จะเห็น ซินเหยาเลือกหลบหนีไป
ยามที่นางจับตัวซินเหยาที่คิดจะหลบหนี มาส่งคืนที่ศาลเจ้า แล้วนำนางมารร้ายมารุมประณามต่อหน้าคนทั้งตระกูลโจว๋ได้ ยามนั้นนางจะเป็นผู้ชนะ และจากความพยายาม นางยังสามารถทวงคืนบ้านรินน้ำเสี่ยวจู้ของนางคืนมาได้อีกด้วย
แต่เรื่องราวในตอนนี้ กลับไม่เป็นไปตามที่โจว๋ปี้หลัวคาดหวัง ความเชื่อมั่นของซินเหยาทำให้ใจของนางเริ่มไหวหวั่น
“ซินเหยา เจ้าพร้อมหรือไม่”
โจว๋เส้าฉีถามอย่างเคร่งเครียด
“เจ้าค่ะ” ซินเหยาพยักหน้า
“หยิบมันขึ้นมา” โจว๋เส้าฉีส่งกริชเล่มหนึ่งให้กับซินเหยา
ซินเหยารับมาอย่างเงียบๆ
โจว๋เส้าฉีรู้เมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของนาง จึงกล่าวขึ้นมาว่า “ซินเหยา ไม่ต้องกลัว ง่ายดายนัก เพียงแค่ใช้กริชเล่มนี้เฉือนที่ผิว แล้วหยดเลือดลงไปในอ่างน้ำนี่ก็เท่านั้น หากเลือดของพวกเรารวมเข้าด้วยกัน เช่นนั้นก็หมายความว่าเจ้าคือสายเลือดที่แท้จริงของข้า แต่หาก… แต่หากว่าเลือดไม่รวมกัน นั่น…”
ซินเหยาเอ่ยถาม “ท่านพ่อ หากข้าไม่ใช่ลูกสาวของท่าน ท่านจะฆ่าข้าหรือไม่เจ้าคะ”
สีหน้าของโจว๋เส้าฉีล้ำลึก ไม่ได้ตอบกลับไป
ซินเหยายิ้มอ่อน “ข้าทราบแล้ว ท่านพ่อ ลงมือเถอะ”
โจว๋เส้าฉีพยักหน้า แล้วหยิบจับกริชไว้มั่น ก่อนจะเฉือนข้อมือของตัวเองอย่างรวดเร็ว
หยดเลือดได้ร่วงหล่นลงไปแล้ว