นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 38
บทที่ 38 น่ารักจริง(1)
สำนักบู๊และศิษย์โดยทั่วไป จะเริ่มฝึกบู๊ตั้งแต่เด็กสามสี่ขวบ อายุประมาณยี่สิบก็จะพอที่จะเป็นนักบู๊ขั้นสูงขั้นหกได้ โจว๋ปี้หรุงในปีที่อายุยี่สิบก็ได้เป็นนักบู๊ขั้นหกฝีมือสูง สำหรับผู้หญิงก็ถือว่าอยู่ในชั้นกลางแล้ว และไหนจะยังได้ใช้ชื่อว่าเป็นคนตระกูลโจ๋ว อย่างโจว๋หวูนเฟิงที่อายุเพียงสิบหกปีก็ได้เป็นนักบู๊ขั้นหกฝีมือสูง พออายุสิบเก้าก็ได้ขั้นเจ็ด ไม่ถึงยี่สิบห้าก็ขึ้นไปถึงขั้นแปด เป็นเหมือนขนหงส์ที่ชีวิตนี้อยากนักจะมีคนเทียบได้!
ขั้นแปดนี่ถือว่าเป็นอาจารย์นักบู๊ขั้นสูงเลย แต่ว่าการจะได้เป็นถึงขึ้นแปดนั้นเป็นเรื่องยาก ทั่วทั้งราชวงศ์เทียนส้นระดับฝีมือสูงขนาดนี้มีเพียงแค่ร้อยคนเท่านั้น จวนอ๋องโจ๋วนับไปนับมาถึงนักบู๊ขั้นสูง ก็มีขั้นแปดอยู่ถึงหกคนแล้ว
ขั้นเก้าฝีมือสูงก็คืออาจารย์ต้นตำรับแล้ว
เพราะว่าการจะเป็นจื่อกู้ จะยิ่งขึ้นขั้นก็ยิ่งยาก และระดับความยากลำบากต้องทนต่อความอดทนอย่างลากลำบากหลายเท่า ยิ่งกว่าสิบเท่า! ถึงแม้ว่าขั้นแปดจะมีร้อยกว่าคน แต่ทว่าที่จะขึ้นได้ถึงขั้นเก้านั้นแทบจะนับหัวได้
ขั้นเก้าฝีมือสูงก็จะมีอายของนักบู๊ที่อยู่จุดสูงสุด หนึ่งคืออาจารย์ต้นตำรับ ชื่อลั่นสนั่นฟ้า!
นายท่านโจ๋ว สามนายพลของตระกูลถางเปิ่น ป่ายเจิ้นเทียนของตระกูลป่าย ยังมีเรื่องความแปลกของมนต์ดาบซื่อเที่ยน ที่ทำให้กลายเป็นอาจารย์ต้นตำรับทั้งสี่ ชื่อเสียงเลื่อนลั่น ไม่มีใครไม่รู้ ไม่มีใครไม่เคยได้ยิน
ขั้นสิบยอดฝีมือ ….ก็คือเทพสงคราม!
อันนี้จะมีพละกำลังไม่สิ้นสุด ฝีมือปราดเปรื่องสวยงามจนควบคุมโลกได้ ขั้นสิบยอดฝีมือ มีชีวิตอยู่ในการพูดต่อๆ กัน! และจากนั้นมาหลายร้อยปี เพียงคนเดียวที่ได้ฟังว่าเป็นเทพแห่งสงครามคือ——โจว๋อี้เฉิน
ซินเหยาไม่รู้ว่าอันดับหนึ่งในใต้ฟ้าอย่างกระบี่หลีฮัวและหัวใจหมาป่าที่เสี่ยวป๋านมอบให้นาย ทำให้นางกลายเป็นโจว๋อี้เฉินอีกคนที่เป็นยอดฝึมือขั้นสิบ!
การไหลเวียนของพละกำลัง แน่นอนว่าทำให้นางรู้สึกกระปี้กระเป่ามากยิ่งมากขึ้น แม่นยำ
ถึงแม้ว่านักดาบโต๊ะข้างๆกดเสียงพูดอย่างเบามากๆ แต่ว่าก็ยังได้ยินถึงหูของซินเหยา
คัมภีร์เทพบู๊หรือ
มันคืออะไรกัน
ซินเหยารวมไปถึงเทพสงครามก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แน่นอนว่าคัมภีร์เทพบู๊ก็ยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่ นางได้ฟังอย่างไม่เจตนาแบบนี้ ก็ไม่ได้สนใจ
เพราะว่านางเห็นเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้น……
เสี่ยวป๋านจู่ ๆ ก็ไม่กินอาหารแล้ว!
จินหวงทอด กลิ่นหอมยั่วใจอย่างเป็ดย่างปักกิ่งทำให้ซินเหยานิ้วชี้ขยับไป และเปิดเนื้อวันที่สะดุ้งน้ำร้อน และไก่เป็นสิ่งที่เสี่ยวป๋านรักที่สุด! แต่ตอนนี้มันไม่สนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้าที่เต็มโต๊ะไปหมด ไม่สนใจสักนิด
“เสี่ยวป๋าน ทำไมเจ้าไม่กิน “ ซินเหยาถามอย่างแปลกใจ
“………..” เสี่ยวป๋านยื่นจมูก ฟึ๊ดฟั๊ดดมๆ สองที แต่ก็ยังไม่ขยับ
“ เสี่ยวป๋านเจ้าป่วยรึเปล่า ปกติมีของกิน เจ้าต้องเป็นคนแรกที่เอาเข้าปากกลื่นเลย วันนี้ทำไมคล้ายเป็นแม่นางเรียบร้อย”
“จีจี จีจี!”
เสี่ยวป๋านยืดคอขึ้นมา แล้วก็ตะโกนเรียกสองที แต่ว่าอาหารที่อยู่เต็มโต๊ะ ไม่สนใจเลยสักนิด แค่มองยังไม่เหลียวมอง สายตามองออกไปแสนไกล
“ เสี่ยวป๋าน “
ซินเหยานึกว่าเสี่ยวป๋านป่วยก็เลยไม่มีความอยากอาหาร แต่ว่าเห็นมันแสดงอาการตื่นเต้นอย่างนั้น ก็ไม่เหมือนว่าป่วย มีแสงวาบในดวงตา สายตาจ้องมองไปไกล เหมือนว่าตรงนั้นมีอะไรดึงดูดมันไว้ !หรือว่าจะสาวงาม!
“เสี่ยวป๋าน เจ้าคงไม่ได้ตกหลุมรักหรอกใช่ไหม “ ซินเหยาแปลกใจมาก นางไม่คิดว่าเสี่ยวป๋านเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง อาจเป็นเพราะมีแต่ยุคนี้ที่มีหละมั้ง นางก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
“จีจี! จีจี!“เสี่ยวป๋านเริ่มโวยวาย
“เจ้ามองเห็นอะไรแล้ว”
ซินเหยามองตามไป ก็เห็นเพียงแค่โต๊ะที่มีผู้ชายสี่คนกำลังกินเหล้ากินเนื้อ ไม่มีสาวงามสักคน ไม่ต้องผู้ถึงเพศเมียเสี่ยวป๋านเลย
“จีจี! จีจี!“
เสี่ยวป๋านโวยวายอยู่ในอ้อมกอดนางไม่หยุด คล้ายกับจะแสดงว่าข้าจะเอา! ข้าจะเอา! ข้าจะเอา!
“เจ้าต้องการอะไร ไปหยิบเองป่ะ” ซินเหยาไม่รู้ว่าเสี่ยวป๋านเป็นอะไร ก็ปล่อยมันไป
เสี่ยวป๋านวิ่งออกไปเร็วดั่งไฟแล๊ป
เร็วมาก!
ซินเหยาตกใจแรง!
นี่คือความเร็วของเสี่ยวป๋านหรอ ! ตอนแรกที่เสี่ยวป๋านมาขโมยของจากนาง ก็ใช้ความเร็วดั่งไฟแล๊ปเช่นนี้หยิบไป
หลังจากนั้นเสี่ยวป๋านก็มาอยู่กับนาง นอนขี้เกียจอยู่ทุกวัน ๆ กินเนื้อกินจีจีไม่ยอมขยับสักนิด อย่าว่าแต่วิ่งเลย
ทันใดนั้น เสี่ยวป๋านก็วิ่งดั่งไฟแล๊ปไป!
ซินเหยารู้ว่า ไม่ว่าเสี่ยวป๋านจะมองเห็นอะไร แปลว่าอันนั้นต้องไม่ของที่จะหาได้ธรรมดาแน่นอน
แต่ทว่า เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไป ทำให้ซินเหยาตกตะลึง!
เสี่ยวป๋านมองไปที่โต๊ะที่มีชายสี่คนอยู่ หลังจากนั้นก็กระโดดขึ้นไปที่โต๊ะ ยื่นปากเข้าไปรองรับเหล้าที่กำลังจะเทออกมา
แล้วกลื่นลงไปเต็มคำ อ๋อมันอยากจะกินเหล้า!
“นี่มันอะไรกันเนี่ย”
“สับปะหลาด!”
“กล้ามาขโมยเหล้านายดื่ม! จะจับเจ้ามาทำเหล้า!.”
ผู้ชายสี่คนโมโหใหญ่
ซินเหยาเดินเข้าไป หยิบเงินสองก้อนวางลงไป: “ของบนโต๊ะพวกเจ้าทั้งหมดข้าซื้อไว้แล้วพวกเจ้าไปที่อื่นเถอะ”
ชายหลายคนหยิบเงินขึ้นมา ก็ไม่โมโหแล้ว แต่ก็ไม่ไป และยังยื่นข้างอย่างแปลกใจดูเสี่ยวป๋านกินเหล้า สัตว์ตัวน้อยแย่งเหล้าไปกินหรือ เห็นเรื่องประหลาดที่เห็นได้น้อย แขกโต๊ะอื่นๆ มามุ่งดูกันใหญ่
กวาดตามองไป เสี่ยวป๋านดื่มจนหมดแล้ว แล้วก็ไปหยิบอีกถ้วยมาดื่ม ทำเหมือนกับคนที่เอาถ้วยจ่อปากแล้วดื่มหมดถ้วย
เอื๊อกเอื๊อก …