นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 41
บทที่ 41 บังคับให้ข้าเข้าวัง(2)
ใจของโจ๋วเส้าหัวถอนหายใจ: “ ให้ตายเถอะ ข้าน่ากลัวขนาดนี้ไม่กลับ แต่ไปกลัวผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่ได้เรื่องจริง ๆ “ความรู้สึกเหมือนเขากำลังหวงซินเหยาเนอะ
ซินเหยาเดินเข้าไปก้าวต่อก้าว หัวเราะขบขันยิ่งเดินลึกเข้าไป
ถางเปิ่นป้าแต่ละก้าว กลัวจนถอยหลัง ไปแอบซ่อนอยู่หลังผู้คุ้มกัน แม้แต่หัวก็ไม่กล้าโผล่ออกมา
ซินเหยาหัวเราะสนุก: “คุณชายตระกูลถาง เจ้าพูดว่าคุณชายสามไม่กล้าฆ่าเจ้า พอดีว่าข้าก็เป็นคนตระกูลโจ๋ว เจ้าลองพูดดูซิว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าหึ”
ถางเปิ่นเป้ารู้สึกทั้งร่างบีบรัดหนาวสะท้าน ใบหน้าที่สวยงามที่ซ่อนอยู่ข้างหลังมีกลิ่นหายสังหารแผ่ออกมา
โจ๋วเส้าหัวกดด่าอยู่ในใจ: “ซวยฉิบหาย! นี่ถึงได้เรียกว่าคนชั่วจริง ๆ ข้าคุณชายสามเบื้องหลังขาวสะอาดหลายสิบปีมานี้ไม่เคยมีชื่อเสื่อมเสีย!”
ซินเหยายังพูดคนต่ออย่างนุ่มนวล: “เจ้าพูดว่าคุณชายสามรังแกคนไม่มีทางสู้ ฝึกวรยุทธ์ไม่ใช่ว่าไว้เพื่อประลองวรยุทธ์ใครสูงกว่ากันหรอ. วรยุทธ์สูงกว่าแล้วมาเอาเปรียบวรยุทธ์น้อยกว่า มันเรียกว่ารังแกคนไม่มีทางสู้ใช่หรือไม่ คุณชายสามตระกูลโจ๋วมีชื่อเสียงตำแหน่งสำหรับเจ้าไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ท่าข้าเป็นแม่นางชอบรังแกคนอ่อนแอมากที่สุด!”
“อย่า! อย่าเข้ามา! รีบไป! สลายตัว!”
ถางเปิ่นเป้าล่าถอยวิ่งไป
เขาและชายฉกรรจ์กว่ายี่สิบคนที่คุ้มกันก็วิ่งกลับรังไป ฉากน่าตื่นเต้น
โจ๋วหยุนถิงหัวเราะฮ่ะฮ่า ๆ “เข้าไม่ควรชื่อว่าถางเปิ่นเป้า ควรจะชื่อว่าถางเปิ่นโก่ว เป็นเพียงศากสุนัขของตระกูล!ฮะฮ่า! ลุงสาม ซินเหยา วันนี้โชคดีที่มีพวกท่านมาสั่งสอนเจ้าถางเปิ่นเป้า!”
โจ๋วหยุนเส้าพูด: “ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นความดีความชอบของซินเหยา”
เข้าเป็นคนวัดน้ำหนักคนได้ หนึ่งคือหนึ่ง สองคือสอง ความดีความชอบเป็นของคนอื่น เขาก็จะไม่รับ
ซินเหยาเห็นโจ๋วหยุนถิงจู่โจ่มอย่างนั้น ถามว่า: “พี่สี่ ทำไมถึงได้ออกมาขายของอยู่ข้างทางแบบนี้”
โจ๋วหยุนถิง: “ ขายหนังสือก็ไม่เลย ความจริงแล้วถ้าหากว่าไม่มีโจ๋วเปิ่นเป้ามารังควานหละก็ จะเลี้ยงปากท้องก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร”
ซินเหยาพูด: “ เมื่อสักครู่นี้ข้าได้ยินพวกเขาพูดว่าหาอะไรคัมภีร์เทพบู๊ มันคืออะไรหรือ ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินแขกที่ร้านพักพูดคุยกับเรื่องอะไร ๆ เกี่ยวกับคัมภีร์เทพบู๊ ทำไมทุกคนถึงอยากได้คัมภีร์เทพบู๊นี่กันหรือ”
โจ๋วหยุนถิงหัวเราะแล้วส่ายศีรษะว่า “โลกช่างโง่เขลา!”
ซินเหยาพูด”จะพูดยังไงหรือ”
โจ๋วหยุนถิงว่า: “จริง ๆแล้วมันไม่มีหรอกอะไรที่ว่าคัมภีร์เทพบู๊นั้น ! นั้นมันเป็นที่ศิลปะลับของการต่อสู้ยุทธภพที่มีคนสนใจแล้วก็พูดกันไปพูดกันมา จนสุดท้ายทุก ๆ คนก็เกิดความเชื่อ จริงๆ แล้วตระกูลโจ๋วเราไม่มีหนังสือคัมภีร์เทพบู๊อะไรนี่หรอก!”
ซินเหยาพูด: “ตระกูลโจ๋วหรือ คัมภีร์เทพบู๊อยู่ในจวนอ๋องโจ๋วหรือ”
โจ๋วหยุนถิงพูด:” โจ๋วอี้เฉิน ชื่อนนี้ เจ้าเคยได้ยินไหม”
ซินเหยาพยักหน้า “คล้ายกับว่าจะเป็นคนหนึ่งในตระกูลโจ๋ว”
โจ๋วหยุนถิงพูด: “ใช่ โจ๋วอี้เฉิน ถ้าจะนับไปก็เป็นลุงของปู่ข้า เขาเป็นนักบู๊ที่ทั่วหล้านับถือเป็นเทพ! และก็เป็นคนเดียวในราชวงศ์เทียนส้งที่ได้เป็นนักบู๊ขั้นสิบ!”
ซินเหยา: “อันนี้ข้ารู้ เขาเป็นคนที่ฝีมือสุดยอด เวลาที่อยู่ในจวนก็เคยได้ยินคนใช้พูดกันเกี่ยวกับเรื่องของเขา แต่ว่าไม่เคยได้ยินเรื่องคัมภีร์เทพบู๊มาก่อน ดังนั้นจึงรู้สึกแปลกใจ”
โจ๋วหยุนถิงพูด: “โจ๋วอี้เฉิน สื่อเสียลือลั่น ก่อนที่เขาจะเกษียร มีทิ้งจดหมายลับเอาไป ก็เป็นที่ลือกันไปทั่วว่าคือคัมภีร์เทพบู๊นี่แหละ”
ซินเหยาพูด: “ ถ้าจะให้พูดก็คือคัมภีร์เทพบู๊ไม่มีอยู่จริง งั้นมันจะมันจะมามีความลับอะไรที่แอบซ่อนอยู่กันหล่ะ”
โจ๋วหยุถิงพูด: “คัมภีร์เทพบู๊มีหรือไม่มี เกรงว่านอกจากโจ๋วอี้เฉินก็ไม่คงไม่คนไหนรู้ ความจริงลูกหลานในตระกูลโจ๋วพวกเราบางทีก็เชื่อในเรื่องนี้ว่ามีอยู่จริง แต่ว่าไม่มีอะไรที่พิสูจน์ได้ว่าคัมภีร์เทพบู๊มีอยู่จริง อีกอย่างผู้ใหญ่ในตระกูลพวกเราก็พูดเรื่องนี้ต่อ ๆ กันมาว่าเรื่องคัมภีร์เทพบู๊ที่ได้ยินมาอย่าไปเชื่อง่าย ๆ!”
ซินเหยาขบคิดอยู่สักพัก พูดว่า: “ พูดมาแบบนี้ แปลว่าผู้ใหญ่ในตระกูลโจ๋วแอบพูดกันว่าเรื่องคัมภีร์เทพบู๊เป็นเรื่องหลอก….”
โจ๋วหยุนถิงพยักหน้า “เพียงแต่ว่าร้อยกว่าปีมานี้ คนในตระกูลโจ๋วพวกเราก็ยังคิดว่ามี ก็ไม่มีใครไปค้นหาความจริงเรื่องความลับคัมภีร์เทพบู๊. แต่ว่ายิ่งพวกเราสารภาพกับคนภายนอกว่าคัมภีร์เทพบู๊เป็นเรื่องไม่จริง คนภายนอกก็ยิ่งเชื่อว่าคัมภีร์เทพบู๊มีอยู่จริง พวกเขาคิดว่าคนในตระกูลพวกเราเห็นแก่ตัวจะเก็บโจ๋วอี้เฉินไว้ผู้เดียว เหลือไว้เพียงคัมภีร์เทพบู๊ หลังจากนั้นมาคนในตระกูลโจ๋วพวกเราก็ไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ ในเรื่องนี้ อั๊ย จะว่าไปก็น่าขัน ร้อยกว่าปีมานี้ ทั่วทั้งยุทธภพเชื่อว่าจดหมายฉบับนี้มีอยู่ ก็ค้นหากันเอาเป็นเอาตาย”
โจ๋วเส้าหัวหัวเราะ: “พวกเขาต่างก็พูดว่าข้าเป็นคนไม่มีเหตุผล คนเหล่านั้นจริงๆแล้วไม่มีเหตุผลยิ่งกว่าข้า! ถ้าหากว่ามีคัมภีร์เทพบู๊อะไรนี้จริง คนในตระกูลโจ๋วพวกเราก็ไปขุดสมบัติล้ำค่านั้นตั้งนานแล้วจริงไหม ใครจะไปรอให้ถึงพวกเขาหละ! จริงซิ ซินเหยา ทำไมเจ้าออกมาอย่างนี้ พ่อของเจ้าหาเจ้าให้ทั่ว”
ซินเหยาตกใจเล็กน้อย ว่า:”ท่านพ่อหาฉันเรื่องอะไร”
โจ๋วเส้าหัวแอบหัวเราะขำ ๆ ว่า”จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องดี”
โจ๋วหยุนถิงถามอย่างแปลกใจ: “ลุงสาม เรื่องอะไรกันหรือ “
โจ๋วเส้าฉีเป็นคนเก็บปากไม่อยู่ แอบได้ยินมาว่า ก็เอาเรื่องที่ฮ่องเต้อำมหิต พ่อมดที่คุยกันในจวนอ๋องโจ๋วมาพูดอีกรอบ
โจ๋วหยุนถิงอึ้งไป: “ครั้งนี้ซวยแล้ว! ฮ่องเต้ทิ้งกล่องบูชาไว้ นี่เป็นการแสดงว่าเรื่องนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย”
โจ๋วเส้าหัวพูด: “ใช่! พ่อของเจ้าก็พูดแบบนี้ เขาบอกว่าตระกูลโจ๋วของพวกเรามีสองทางเท่านั้น หนึ่ง สั่งสอนซินเหยาให้ดีพร้อมเข้าวังเป็นฮองเฮา สอง พินาศ! ฮ่องเต้ทิ้งกล่องบูชาไว้แบบนี้ ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าท่าทางบีบบังคับ
ซินเหยาร้อง: “แต่งานกับฮ่องเต้หรือพระเจ้าเขากำลังฝันกลางวันอะไรอยู่เนี่ย”
โจ๋วหยุนถิงสีหน้าเข็มพูดว่า: “ซินเหยา ครั้งนี้ถึงเจ้าจะไม่คิดอยากเป็นฮ่องเฮาก็ไม่มีทางแล้ว ชีวิตของคนในตระกูลโจ๋วหลายร้อยคนผูกไว้กับเจ้าคนเดียว”
โจ๋วเส้าหัวพูด:”ท่านพ่อกับพี่ชายใหญ่พี่ชายรองทั้งหมดพูดว่า การให้ซินเหยาเข้าวังไม่ใช้วิธีการที่ดี แต่ว่าไม่เข้าวังก็ตายสถานเดียว! ซินเหยา เกรงว่าเจ้าจะต้องได้รับความลำบากเสียแล้ว!”
ซินเหยายิ้มเจื่อน ๆ: “บังคับฉันเข้าวังหรือ เกรงว่าเข้าวังไปเรื่องแรกที่ข้าจะทำคือทำให้เขาปวดหัว !”
โจ๋วเส้าหัวที่มาปรากฏตัวนี้ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะตั้งใจมาหาโจ๋วหยุนถิง โจ๋วหยุนถิงเมื่อก่อนอยู่ในจวนอ๋องโจ๋วมีหน้าที่รับผิดชอบงานน้อยใหญ่ ตอนนี้มีเรื่องในจวนส่วนหนึ่งที่ตกลงในมือโจ๋วเส้าหัวที่มุทะลุนายนี้ เขาเป็นคนสะเพร่ามากอยู่ โมโหง่ายเวลาที่คนจัดการงานได้ไม่ดี โดยเฉพาะเรื่องที่ต้องไปติดต่อกับคนภายนอกหรือการสัมพันธ์ทางการค้า
โจ๋วหวินถิงพูด: “ ลุงสาม เรื่องพวกนี้ง่ายมาก ข้าไปเป็นเพื่อนช่วยคุยก็เรียบร้อยแล้ว อีกหน่อยพวกเขาต้องดูแลท่าน”
โจ๋วเส้าหัวหัวเราะ: “ไม่สามารถไม่ยอมรับว่าตระกูลของพวกเรามีคนมีความสามารถเช่นเจ้า ปู่เจ้าก็ไม่รู้ไม่รู้ว่าแก่แล้วเลอะเลือนหรือเปล่า ถึงได้ไล่ออกจากตระกูลโจ๋ว”