นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 420
บทที่ 420 ความอ้างว้างที่ไม่มีใครรู้1
นายท่านโจว๋พูด “ฝ่าบาทเชิญพูดมาได้เลย”
ฮ่องเต้อำมหิตพูด “ถ้าหากวันหนึ่งข้าตายไป หวังว่านายท่านโจว๋จะยอมช่วยรักษาบัลลังก์ให้กับฮ่องเต้องค์น้อย”
นายท่านโจว๋พยักหน้า “ข้าขอเอาชื่อเสียงร้อยกว่าปีของจวนอ๋องโจว๋มาสาบาน ขอแค่จวนอ๋องโจว๋ยังมีคนหายใจอยู่ จะไม่ให้ใครมาทำร้ายลูกของซินเหยาเด็ดขาด”
ฮ่องเต้อำมหิตตื้นตันใจ นัยน์ตาของเขาแลดูไม่เหมือนที่เคยเป็นมา
“แค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว”
เสียงของเขาฟังดูตื้นตันยิ่งนัก
นายท่านโจว๋มองเขาด้วยความประหลาดใจพร้อมกับถามขึ้นว่า “ฝ่าบาทเกิดอะไรขึ้น ทำไมท่าน วันนี้ถึงไม่เหมือนกับที่แล้วมา หรือว่าท่านมีเรื่องทุกข์ใจ ลองเล่ามาให้ข้าฟังก็ได้นะ บางทีข้าอาจจะช่วยท่านได้”
ฮ่องเต้อำมหิตพูดด้วยความเย็นชาดังปกติที่เคยเป็นมาว่า “ไม่มีอะไร ข้าฝึกโหมกงมีปัญหานิดหน่อย ยังไงเสียท่านจำวันนี้เอาไว้ให้ดี ท่านและข้าได้ให้สัญญาอะไรเอาไว้ในคุกหลวงแห่งนี้”
นายท่านโจว๋พูด “ฝ่าบาททรงวางใจได้ ข้าและจวนอ๋องโจว๋จะต้องปกป้องบัลลังก์เอาไว้ด้วยชีวิต”
“ถ้าเป็นเช่นนี้ข้าเองก็วางใจแล้ว”
ฮ่องเต้อำมหิตเดินกลับไปมาสองก้าวทันใดนั้นเขาก็คิดได้เรื่องหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ข้ารุ้ว่าจวนอ๋องโจว๋มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่กำลังเคลื่อนไหวกันอยู่ ข้าหวังว่านายท่านโจว๋จะจัดการให้พวกเขาอยู่นิ่งๆได้ ในช่วงนี้อย่าได้ทำอะไรเด็ดขาด จวนอ๋องโจว๋ข้าจะปกป้องเอง แต่ในช่วงหนึ่งเดือนนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง และอาจมีผลกระทบ ถ้าจะให้ดีที่สุดคืออย่าทำอะไรเลยให้อยู่เฉยๆไปก่อน”
“ข้าเข้าใจแล้ว จะจะบอกพวกเขาที่อยู่ข้างนอกนั่นเอง”
“ในไม่กี่วันนี้ข้าจะสั่งคนให้จับพวกเขามาให้หมด ยังไงเสียความปลอดภัยนั้นสำคัญที่สุด ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก”
สายตาของฮ่องเต้อำมหิตแลดูสับสนยิ่งนัก
และนัยน์ตาคู่นั้นก็ปรากฏความอ้างว้างที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ใช่แล้ว
หลังจากนี้หนึ่งเดือนจะเกิดอะไรขึ้น
แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
เขาหวังแค่อย่างเดียว
นั่นก็คือรอดูลูกชายเกิดออกมาหลังจากนั้นก็ให้เขาขึ้นครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ พอถึงตอนนั้นถึงเขาจะตายก็ไม่เสียดายอะไรอีกแล้ว
“ข้าไม่อาจเป็นฮ่องเต้ที่รวบรวมแผ่นดินได้”
“แต่ลูกชายของข้า จะต้องทำให้ความฝันนี้ของเขาสำเร็จ”
“เหอจ้าวเทียนและมู่หรุงหยุนจงรักภักดีคอยอยู่ข้างๆ รวมไปถึงจวนอ๋องโจว๋ทั้งตระกูลที่จะคอยช่วยด้วยอีกแรง ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดมาได้แค่เดือนเดียวแล้วขึ้นครองบัลลังก์ บัลลังก์นี้ก็ยังคงหนักแน่นเท่าภูเขาไท่”
ฮ่องเต้อำมหิตคิดอยู่ในใจ
ความชนะในความพ่ายแพ้
ความภูมิใจในความเจ็บปวด
ตอนที่ออกมาจากคุกหลวง
ก็ดึกมากแล้ว
เขาและนายท่านโจว๋เหมือนจะคุยกันทั้งคืน
ในคืนนี้ พวกเขาทั้งสองคน ปรึกษากันถึงอำนาจราชสำนัก จากราชสำนักไปถึงเขตชายแดน จากจวนอ๋องโจว๋ไปถึงตระกูลป๋ายที่ปกครองเจียงหนานซึ่งเรียกได้ว่าครึ่งหนึ่งของแผ่นดินเลย
ฮ่องเต้อำมหิตโล่งอกไปเยอะ นายท่านโจว๋เป็นขุนนางมาสามรัชกาล ความคิดความอ่านของเขาแน่นอนว่าจะช่วยฮ่องเต้อำมหิตได้อย่างมาก
ฮ่องเต้อำมหิตที่ออกมาจากคุกหลวง เหมือนจะเข้าใจชีวิตของตนเองมากขึ้น
หมอกหนาในใจของเขาก็เหมือนจะลอยหายไปหมดแล้ว
ถึงแม้จะเปลี่ยนชะตาชีวิตไม่ได้ งั้นก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อยอมรับมัน
คืนที่ยาวนาน
บนท้องฟ้าปรากฏแสงเหมือนแสงดาวตก
ฮ่องเต้อำมหิตเหาะกลับเข้าไปในวังหลวง
มีเงาสีดำตามหลังเขามาติดๆ
แต่ก็ยังเว้นระยะห่างเอาไว้ด้วยเช่นกัน
ไม่เข้าไปใกล้นัก
แต่ก็ตามเขาทัน
ฮ่องเต้อำมหิตผุดยิ้มขึ้นที่มุมปาก ภายใต้ความหนาวเย็น เขายืนขึ้น
“ออกมาเถอะ เจ้าแอบสะกดรอยตามข้ามานานแล้วไม่เหนื่อยหรือ”
น้ำเสียงของฮ่องเต้อำมหิตฟังดูเย็นเฉียบ
“เจ้ารู้แล้ว”
โอหยางซิงเฉินออกมาจากความมืด แล้วเหาะตรงมาข้างหน้าของเขา
ฮ่องเต้อำมหิตยิ้ม “เจ้าตามข้ามานานขนาดนี้แล้ว ถ้ายังไม่รู้อีกงั้นมันก็เกินไป”
โอหยางซิงเฉินทำหน้าไม่ค่อยเชื่อ “ไม่มีทาง เจ้าไม่มีทางพบว่าข้าแอบสะกดรอยตามเจ้า เพราะข้าระวังตัวดีมาก และคอยรักษาระยะห่างเอาไว้อย่างดี ถึงเจ้าจะมีวรยุทธที่สูงส่ง ก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าข้าแอบสะกดรอยตามเจ้า”
ฮ่องเต้อำมหิตพูด “ความสามารถในการสะกดรอยตามคนของเจ้า เก่งกาจยิ่งนักและมีความอดทนสูงดีจริงๆ ข้อนี้หาตัวจับยากจริงๆ ถึงว่าทำไมเจ้ามั่นใจในตัวเองขนาดนั้น ถ้าหากเป็นคนธรรมดา วรยุทธสูงส่ง ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าถูกเจ้าสะกดรอยตาม”
โอหยางซิงเฉินพูด “ที่แท้เพราะข้าประมาทเกินไป เจ้า..เจ้าเป็นฮ่องเต้ ฮ่องเต้คิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะถูกฆ่า ถูกสะกดรอยตาม ระแวง เจ้าคงต้องระวังมากกว่าคนธรรมดา ดังนั้นเจ้าถึงได้ระมัดระวังและขี้ระแวง”
ฮ่องเต้อำมหิตพูด “เจ้าพูดถูกแล้ว ก็นับว่าเจ้ายังไม่โง่นัก พูดมาว่าทำไมเจ้าถึงสะกดรอยตามข้า ถ้าหากเจ้าพูดมาไม่มีเหตุผลวันนี้ก็คือวันตายของเจ้า”