นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 456
บทที่ 456 ไม่ใช่ว่าเขาตายแล้วหรอกหรือ1
ไม่ใช่ว่าเขาตายแล้วหรอกหรือ
เหตุใดยังมีชีวิตอยู่กันเล่า
“โจ๋วอี้เฉิน!”
“เจ้าคือโจว๋อี้เฉินจริงๆ หรือ!”
“ไม่!”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าตายไปตั้งนานแล้วหรือ”
ทันใดนั้นจินยิงก็ตื่นตระหนก
โจ๋วอี้เฉินหัวเราะเย็นๆ “เจ้าย่อมต้องคาดหวังให้ข้าตาย เช่นนี้แล้วเจ้าจึงจะได้สมดั่งใจปรารถนา ทำลายบรรพบุรุษฆ่าล้างโคตรครู”
ดาวสี่ดวงกำลังใกล้เข้ามา ในสวนร่มรื่นท่ามกลางราชวังแห่งนั้นกลับตกสู่สภาวะแห่งการเข่นฆ่าและความตึงเครียด…
“เร็ว!”
“เร็ว!”
“เร็วเข้า!”
“อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นแล้ว!”
“อีกหน่อยก็สำเร็จแล้ว”
“เจ้าโง่นี่!”
“หญิงงี่เง่า!”
“ช่างไม่รู้จักความเป็นความตายจริงๆ!”
“คืนแห่งดาวสี่ดวง คือช่วงเวลาแห่งหายนะของทั่วหล้า!”
“ท่านอาจารย์เคยบอกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใต้หล้าในคืนนี้!”
“ใครรู้บ้างว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ผู้หญิงคนนี้ก็ปฏิเสธที่จะรอคืนนี้อย่างสุขสงบ”
“แล้วค่อยออกมาหลังจากพรุ่งนี้หรือไร”
“อา!”
ไฟแผดเผาในใจของฮ่องเต้อำมหิตนั้นเพียงพอจะเจาะจุดฝังเข็มที่ปิดผนึกโดยซินเหยาเข้าไปได้
“เพล้ง!”
ชั่ววูบลมหายใจเดียวเครื่องผนึกทั้งหมดก็พังครืนลง
ในที่สุดก็หลุดพ้นแล้ว
ฮ่องเต้อำมหิตได้รับอิสระในการเคลื่อนไหว และกระโดดออกจากรอยร้าวในกำแพงทันที เหลือบมองสีนภายามราตรี ก่อนจะวิ่งบึ่งออกไปยังตำหนักชิงหย่า
แต่ว่า ตอนที่ฮ่องเต้อำมหิตมาถึงยังตำหนักชิงหย่า ตำหนักชิงหย่าก็กลายเป็นทะเลเพลิงไปเสียแล้ว…
เปลวไฟร้อนระอุลุกโชน เผาไหม้สูงระฟ้า
ทั้งตำหนักชิงหย่าติดอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิงโดยสมบูรณ์
“ดับไฟ ดับไฟ”
ฮ่องเต้อำมหิตใช้กำลังภายในแผดเสียงร้องอย่างบ้าคลั่ง ออกคำสั่งขันทีและนางในที่ตื่นตระหนกในที่เกิดเหตุให้ช่วยกันดับไฟ
“ซินเหยา”
“เจ้าอย่าได้เป็นอะไรโดยเด็ดขาดนะ”
“ข้าจะตายในไม่ช้านี้แล้ว”
“เจ้าอย่าได้ตายเป็นอันขาดนะ”
“ในท้องของเจ้าเป็นถึงเลือดเนื้อของข้าเชียวนะ”
“ถ้าเจ้าตายไป”
“แล้วประเทศของข้าจะเป็นอย่างไร”
“ข้าได้วางแผนเส้นทางในอนาคตให้พวกเจ้าสองแม่ลูกเอาไว้เสียดิบดีแล้ว ให้เจ้าเป็นไทเฮา ส่วนลูกก็เป็นฮ่องเต้…”
“ต่อให้ข้าตายแล้ว ต่อไปก็คงไม่มีใครกล้ารังแกพวกเจ้าอีก”
“ซินเหยา”
“เจ้าอย่าได้ตายเป็นอันขาดนะ”
ฮ่องเต้อำมหิตนำทัพฝูงชนไปช่วยกันดับไฟ ภายใต้ความสิ้นหวังปวดใจ เขาผุดความคิดที่จะฆ่าตัวตายขึ้นมา
“ซินเหยา ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว อย่างไรเสียหากเจ้าตายไป ข้ามีชีวิตอยู่ต่อก็ไร้ความหมาย”
ฮ่องเต้อำมหิตคำรามลั่น วิ่งกรูเข้าไปในทะเลเพลิง
ทันใดนั้น
“ตู้ม!”
เสียงอึกทึกดังลอยมาจากฟากฟ้า เป็นเสียงระเบิดตูมใหญ่ดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าร้องคับนภา
“เสียงอะไร”
ฮ่องเต้อำมหิตตกตะลึง
“เสียงดังมาจากตำหนักซูหนิง ตำหนักซูหนิงระเบิดแล้ว”
ทันใดนั้นมีเสียงขันทีร้องโหวกเหวกขึ้นมา
“ตำหนักซูหนิง!”
“แย่แล้ว!”
“ซินเหยาคงจะไม่ได้อยู่ตำหนักซูหนิงกระมัง”
“เหตุใดตำหนักชิงหย่าถึงได้ลุกเป็นไฟอย่างไร้สาเหตุ แล้วจู่ๆ ตำหนักซูหนิงยังมาระเบิดอย่างลึกลับขึ้นอีกเล่า”
“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
“มันจะเป็นหายนะจริงๆ อย่างนั้นหรือ”
“ซินเหยาอยู่ที่ตำหนักซูหนิงหรือเปล่ากันแน่”
ฮ่องเต้อำมหิตที่เพิ่งคิดจะกรูเข้าไปในทะเลเพลิงจู่ๆ ก็ชะงักฝีเท้า ทำเพียงลังเลอยู่หลายนาที และเขาก็ถอยกลับมา วิ่งตะบึงไปยังตำหนักซูหนิง…
สามชั่วโมงให้หลัง
ฝั่งตะวันออกขาวโพลน
ตำหนักซูหนิง
ผืนดินสีดำไหม้เกรียมปกคลุมด้วยเถ้าถ่าน ส่งกลิ่นเหม็นไหม้ลอยคลุ้งเป็นระลอก…
ฟากฟ้าสีเทามืดมนกดทับกลุ่มเมฆที่ล่องลอยไปหลายกลุ่มก้อน
หลังจากการระเบิดและไฟไหม้ครั้งใหญ่ ตำหนักซูหนิงถูกเผาทำลายไหม้เกรียมราบคาบ…
ซากปรักหักพังทรุดครืนลงดังตูมท่ามกลางกองเถ้าถ่าน ควันสีดำโขมงพวยพุ่งเป็นระลอก
ฮ่องเต้อำมหิตที่สีหน้าแข็งกระด้างซีดเผือดไปตั้งแต่เนิ่น เริ่มตรวจสอบที่เกิดเหตุภายใต้การอารักขาของมู่หรุงหยูน หลี่เหลียนคางและคนอื่นๆ
พบซากศพถูกเผาเกรียมครึ่งซีกกว่ายี่สิบรายในสวนดอกไม้ด้านหลังของตำหนักซูหนิง
ดูจากรูปร่าง และเสื้อผ้าเครื่องประดับแล้วสามารถระบุตัวตนของศพส่วนใหญ่ได้
ศพของไทเฮาถูกพบก่อนเป็นอันดับแรก
“เฮอะ แม่มดเฒ่าด้อยค่า” ฮ่องเต้อำมหิตสบถออกมาอย่างเย็นชา
ต่อมา
มามา นางในคนสนิทข้างกายของไทเฮา ศพของผู้คนเหล่านี้ได้รับการยืนยันแล้ว
สุดท้ายก็มีศพแปลกๆ สามรายเพิ่มเข้ามาอีก
ศพที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้
เพียงแต่ หลังจากการตรวจสอบแล้วหมอหลวงยืนยันว่าศพสามรายนี้ล้วนเป็นผู้ที่มีอายุแก่มากๆ…
ฮ่องเต้อำมหิตร่นถอยหลัง และอยู่ในห้องเก็บศพเพียงลำพัง
เขาเลิกผ้าคลุมศพสามรายนั้นออก ศพแรกที่มองเห็นก็คือร่างผอมแห้งซึ่งอยู่ตรงกลาง…
“ท่านอาจารย์!”
ฮ่องเต้อำมหิตคุกเข่าโขกศีรษะ
“ปึงปึงปึง!”
เขาโขกลงสามครั้งอย่างตั้งใจ จากนั้นก็คลุมผ้าเอาไว้ตามเดิม
เขามองแวบเดียวก็จำร่างของก่วยกุเซียนได้แล้ว
ว่ากันว่าก่วยกุเซียนมีชีวิตอยู่ราวๆ แปดร้อยกว่าปีแล้ว ร่ากงายหดเกร็งและเหี่ยวย่นอย่างหนัก ดังนั้นศพจึงมีขนาดเท่ากับเด็กเล็ก ฮ่องเต้อำมหิตมองแวบเดียวจึงจำได้แม่น!